นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงินชื่อก้อง ทั้งละอ่อนและอาวุโส ดีกรี ม.ดังจากตปท. คนแล้วคนเล่า เข้ามาวิจารณ์เรื่องหนี้สาธารณะของประเทศ ต่างพูดกันประมาณว่า หนี้ของไทยเราสูงน่ากลัวมากแล้ว เพราะแตะระดับ ๔๕% ของรายได้ประชาชาติ (จีดีพี) เข้าไปแล้ว ซึ่งระดับนี้ถือกันตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์(ฝรั่ง)ว่าใกล้วิกฤตแล้ว โดยเพดานอันตรายดังกล่าวคือประมาณ ๕๐%
ที่กรีก ตุรกี เสปน อิตาลี ประสบปัญหากันหนักจนกระเทือนไปทั่วอียู และ โลกนั้น ก็เพราะเพดานหนี้ที่สูงเกินไปนี่แหละ
แต่ข้าพเจ้าพูดเขียนเตือนมานานก่อนหน้านี้ประมาณสิบปีแล้วว่า ประเทศไทยเราวิกฤตยิ่งไปกว่าที่นักเศรษฐ์ว่ามา อย่างน้อย สองเท่า (แต่ดูเหมือนไม่เข้าไปถึงหูนักเศรษฐ์เหล่านั้นเลย ...หรือว่าเขาได้ฟังแต่ไม่ได้ยิน หรือ ยินแต่ไม่เชื่อ ก็สุดเดา เพราะเรามันคนบ้านนอกที่ไม่มีชือเสียง...น้อยใจนะเนี่ย แต่น้อยอย่างไรก็ยังต้องตะโกนเพื่อชาติต่อไป เท่าที่ำทำได้)
..ทั้งนี้เพราะข้าฯเห็นว่า ไทยเราจะเอา gdp เป็นตัวตั้งแบบอารยประเทศมิได้เป็นอันขาด เนื่องเพราะ อรยปท. เขาเก็บภาษีได้ประมาณ ๓๐% ของ gdp (เช่น เมกา ญี่ปุ่น เยอรมัน อังกฤษ หรั่งเศส ส่วนแสกนฯ เก็บได้ ๔๐%) ส่วนไทยเราก่อนเคยเก็บได้ ๑๗% แต่รบ. ยิ่งลักษณ์มาลดเหลือ ๑๕% เรียบร้อยโรงเรียนแม้วแล้ว จากการลดภาษีนิติบุคคล จาก ๓๐% เหลือ ๒๐% (รายได้ลด แต่ประชานิยมเพิ่ม ก็เลยต้องกู้หนักขึ้นเป็นธรรมดา)
ในเมื่อรายได้เราน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่ง (๓๐ เทียบกับ ๑๕) แล้วเราไปกู้เท่าเขา (เช่นกู้ ๕๐) ดังนั้นเราจะต้องเสี่ยงมากกว่าเขา ๒ เท่า (คิดออกไหม) ดังนั้นนักเศรษฐ์ไทยเราต้องเลิก”โง่”เอา gdp เป็นตัวตั้งกันเสียที แต่ให้หันมาเอาภาษีที่เก็บได้เป็นตัวตั้ง
แล้วจะตกใจว่าประเทศไทยเราตอนนี้มีหนี้ 45 หาร 15 คือ 3 เท่าของรายได้ประจำปีเข้าไปแล้ว นับว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก เป็นรองแต่กรีก ตุรกีเท่านั้นเอง
ซ้ำร้ายหนักไปกว่านั้น ซึ่งรับรองว่านักเศรษฐ์ไทยก็ไม่รู้อีก (ส่วนผมตีกลองศึกประกาศไปแต่ปี ๒๕๔๓ แล้ว) ว่า gdp ไทยเรา ๗๐% เป็นรายได้ของนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นเชื่อว่าไอ้ภาษี ๑๕% ที่เก็บได้นี้ส่วนใหญ่สัก ๑๐% มาจากคนต่างชาติ (แม้พวกบ๋อย (boi) จะคอยรับใช้ลดภาษีให้เกือบหมดแล้วก็ตามที)
ถามว่า..ถ้าพวกต่างชาตินี้ถอนทุนหมดเพราะปัจจัยต่างๆ ร้อยแปดที่จะเกิดขึ้นแน่ในอนาคตอันใกล้นี้ ภาษีเราจะเหลือเพียง 1 ในสาม (ความจริง หนึ่งในสิบด้วยซ้ำไป เพราะอะไรลองคิดดู บอกใบ้ โดมิโน งัย) แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้สาธารณะ
ก็ถูกเขายึดประเทศ เอาไปขายทอดตลาด (โลก) สิ
จะสิ้นชาติกันร่อมร่ออยู่แล้วนักเศรษฐ์เอ๋ย ช่วยกันคิดกันทำหน่อย อย่ามัวแต่ไปหาเงินด้วยการเป็นที่ปรึกษาบริษัทกันจนเพลิน กล้าหาญกันหน่อย
กล้าแบบท่านคณบดีนิด้า (จำชื่อท่านไม่ได้) ที่กล้าออกมาสู้เรื่องจำนำข้าว และ ดร.ไสว บุญมา อดีตนักวิชาการธนาคารโลก และท่าน สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ ที่มาเตือนเราในหลากหลายประเด็น น่าสรรเสริญท่านจริงๆ นักเศรษฐ์แบบนี้มีน้อยมาก ประมาณงมหอยในอวกาศ
...คนถางทาง (๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕)
Yes. It is sad that we have many economists who can't see beyond the figures on papers.
I have looked at this and posted :
A Debt Symphony in D minor (sharp) http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/470659
about a year ago. How many people had a look? Not enough yet. More need be said. And more need to say Thailand's debt is already serious!