สำคัญที่ใจ


สำคัญที่ใจ

       ชีวิตคนเราเกิดมา ก็มีปัญหา มีเรื่องให้ต้องแก้ไข ดำเนินไปพร้อมๆกันกับชีวิตของเรา ซึ่งมันคือ "แบบทดสอบชีวิต" ที่เราต้องสอบให้ผ่าน มีปัญหามากมายทั้งปัญหาเล็กๆปัญหาใหญ่ๆที่ยากจะแก้ไข ทำให้เราปวดหัว หากลยุทธ์วิธีต่อสู้ แบบทดสอบชีวิตนี้เพื่อที่จะสอบผ่านให้ได้

        ผมลองมองย้อนดูชีวิตของผมเอง ผมเป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด ครอบครัวของผมหาเช้ากินค่ำ หรืออาจพูดไม่ได้แล้วในตอนนี้ คงจะเป็น "หาเช้ากินเที่ยง หาเที่ยงกินเย็น"ไปแล้วครับ พ่อแม่จบ ป.6 ไม่มีโอกาสเรียนต่อด้วยข้อจำกัดของความจน คนบ้านไกลปืนเที่ยง พ่อแม่ผมพูดเสมอว่า "ลูกต้องได้เรียนหนังสือ และเรียนสูงกว่าพ่อแม่"เพื่อมีความรู้สู่การทำงานที่ดีกว่า ปณิธานนี้ทำให้ผมเห็นพ่อแม่ทำงานหนัก ทำงานไร่งานนาตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวันไม่มีวันเสาร์วันอาทิตย์ พร้อมๆกับป้อนวิถีชีวิตวิชาชีพนี้ให้ผมกับน้องชาย เสร็จงานไร่ต่องานนา หมดงานตนก็รับจ้าง ออกหาปูหาปลาทำงานท่ามกลางแสงแดดสายฝนหาเงินเลี้ยงชีพ เก็บเงินส่งลูกเรียน ครอบครัวผมทำงานหนักคลุกคลีกับท้องไร่ท้องนาเรื่อยมา ผมเองจำความได้ช่วยงานพ่อแม่มาโดยตลอด ว่างจากเรียนผมไม่มีโอกาสได้เล่นกับเพื่อนละแวกข้างบ้านเลย ทั้งรับจ้างงานไร่งานนา เป็นเด็กเลี้ยงวัว เป็นพ่อค้าขายกับข้าวค่าจ้างร้อยละ 10 ทำทุกอย่างที่มีคนจ้าง ผมทำเช่นนี้เรื่อยมา ด้วยการปลูกฝังจากพ่อแม่ให้รู้จักทำงานและรู้ค่าเงิน

         มีหลายครั้งที่วันไหนผมเหนื่อยมากๆ ความคิดชั่ววูบตามประสาเด็ก เกิดความน้อยใจ ทุกข์ใจ บางครั้งขณะผมรับจ้างท่ามกลางแสงแดดเพื่อนไปเทียว เล่นอยู่บ้าน บางครั้งผมเดินขายของ เห็นเพื่อนเล่นกัน ผมแอบคิดน้อยใจหลายครั้ง น้ำตาเด็กน้อยตัวดำๆก็ไหลออกมา  แต่เขาไม่รู้หรอกว่าที่พ่อแม่สอนให้ทำ และความทุกข์ความน้อยใจที่เกิดขึ้นกับตัวผมกลับกลายเป็นพลังเงียบบ่มเพาะในตัวเกิดแววตานักสู้ที่จะต้องขยันอดทนทำงานให้มากเพื่อที่จะมีเงินเรียนสูงๆเพื่อมีงานทำที่ดีกว่านี้ แต่ผมไม่เคยแสดงความน้อยใจให้พ่อแม่เห็นเลย ผมเหนื่อยแค่นี้ พ่อแม่ต้องเหนื่อยกว่าผมแน่เพราะทุกคนในครอบครัวผมมีหน้าที่งานทำทุกคน และเหมือนว่าครอบครัวก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้นมาตามลำดับส่งผมและน้องได้เรียนหนังสือต่อจากภาคบังคับ มีอะไรเหมือนๆกับเพื่อนบ้านทั่วไป

          ปลายปี 2554 เหมือนว่า มีวิบากกรรมปัญหาอันยิ่งใหญ่ถาโถมเข้ามาในครอบครัวผมมันหนักและทุกคนในบ้านกลัวมาก ซึ่งผมกำลังเรียน ป.ตรี ศึกษาศาสตร์ ปี1 เทอม1 น้องผมกำลังเรียน ปวช.2 พ่อแม่กำลังมีความสุขเห็นลูกสุดที่รักของท่านกำลังเล่าเรียนตามปณิธานที่ท่านคิดฝัน ท่านทำงานเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อให้ลูกได้่เรียน อยู่ๆพ่อล้มป่วยกะทันหันปกติพ่อแข็งแรง พ่อป่วยเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แม่ต้องหยุดงานพาพ่อรักษาตัวทำทุกวิธีเพื่อพ่อต้องหาย พ่อรักษาตัวอยู่หลายเดือนจนพอดีขึ้นบ้างทุกวันนี้พ่อต้องฟอกไตทุกวันวันละ 4ครั้ง ภาระงานทั้งหมดตกที่แม่ "สุดยอดหญิงแกร่งนักสู้ของผม" สู้หาเงินส่งลูกชายเรียน 2 คน ทั้งหาเงินรักษาสามี แม่ต้องทำงานหนักทุกข์ใจกับวิบากกรรมที่เจอ เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหายไปกับการรักษาพ่อ แม่สุดแสนเจ็บปวด ผมเองรับรู้ปัญหาเครียดมาก สงสารพ่อแม่น้อง และสิ่งที่แม่ผมพูดในตอนนั้น "จะทำงานให้หนักขึ้น ลูกฉันต้องได้เรียน" ผมทุกข์ใจมาก แต่ก็มีช่องทางให้พอได้เลือก โชคดีที่ม.มหาสารคาม จัดตารางเรียนเองได้ ผมจัดตารางเรียนให้ติดกัน3-4วันเพื่ออีก 3วันผมจะได้กลับไปทำงานช่วยแม่ วันนี้ผมเรียน ป.ตรี ปี2 น้องเรียน ปวช.3 ผมต้องกลับบ้านไปรับจ้างหาเงินมาเรียนรับจ้างกรีดยางพารากับแม่ ถ้าวันที่ผมกลับบ้านไปรับจ้างช่วยแม่ ผมกับแม่ต้องทำงานวันละเกือบ 12ชม. แต่ถ้าผมกลับมาเรียนแม่ต้องทำงานเกือบถึง 15 ชม.(จาก 24.00ถึงเวลาประมาณ12.00-15.00)

            ผมยอมรับว่าน้อยใจในชีวิตยอมรับว่าเหนื่อย แต่ ผมเลือกไม่ได้ยิ่งผมลูกคนโต ผมจึงต้องเข้มแข็งอดทนผมต้องช่วยกันกับแม่ทำแบบทดสอบนี้ให้ผ่านให้ได้ เราจน เราทุกข์ เราเหนื่อยมากแล้วถอยไม่ได้ ปัญหาอุปสรรค ความทุกข์ความจน และกำลังใจจากพ่อแม่นี่หละ คือ แรงผลักดันที่สำคัญให้ผมสู้ทำงานหาเงิน หาหนทางเรียนให้ได้ ผมแม่น้องเราสู้ทำงานอย่างหนัก ณ วันนี้ถือว่าลำบากมาก ในครอบครัว ทุกคนล้มไม่ได้เลย  ผมลำบากมากลำบากเพราะอยากเรียน ลำบากเพราะต้องใช้เงิน ความลำบากสอนให้ผมดิ้นรนต่อสู้ ความลำบากทำให้ผมระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและความลำบากนี้เองทำให้ผมได้รับประสบการณ์มาก ผมจึง  "ขอบคุณความจน ความทุกข์ ความลำบากนี้ แม้ผมไม่พึงปรารถนามัน" นี้แหละ พุทธพจน์ได้ตรัสไว้ว่า  "คนมีทุกข์ จึงเห็นธรรม" ช่างสอดคล้องกับชีวิตผมเหลือเกิน      ผมภูมิใจมากครับในการเป็นลูกพ่อแม่ ประสบการณ์ชีวิตนี้ล้ำค่าเหลือเกิน

             ผมเชื่อว่า ตราบใดโลกกำลังหมุน วันเวลาเปลี่ยนแปลง มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นทุกวันในสังคมโลกมีปัญหาให้ผู้คนต้องแก้ไขมากมาย ขอให้ทุกคนสู้ครับ มัน "สำคัญที่ใจ" ผมเองก็กำลังสู้ สู้เพื่อตัวผมเองสู้เพื่อความฝันของพ่อแม่  ผมเชื่อว่าสักวันทุกคนคงสอบผ่านบททดสอบชีวิตแต่ละบทได้ เราทำดีต้องได้ดีสิ ขอให้ใจแข็งแกร่งเป็นพอ อย่าถอย ผมเองต้องสู้หาเงินเรียนให้จบทำงานที่ดีหาเลี้ยงพ่อแม่ให้ได้ มันสำคัญที่ใจ เป็นกำลังให้ทุกคนที่กำลังสู้ชีวิต เราต้องสู้ครับ

                 และที่สำคัญที่ผมอยากฝาก ท่านผู้ที่มีวิบากกรรมดี เกิดมา มีชีวิตเป็นอยู่สุขสบาย มีทุกอย่างเพียบพร้อม โดยเฉพาะเพื่อนพี่น้องนิสิต ที่กำลังเรียน ท่านโชคดีมากแล้วไม้ต้องสู้ดิ้นรนทำงานหาเงินเรียน  ขอให้ท่านใช้โอกาสดีนี้ให้คุ้มค่าเถิด คนอยากเรียนไม่ได้เรียนมีเยอะ  วันเวลา โอกาสผ่านแล้วผ่านไป ไม่มีวันหวนกลับ เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เวลาโอกาสดีที่มีอยู่ให้คุ้มค่าครับ

     

     ***บล็อคนี้เป็นบล็อคแรก ช่วยแนะนำติชมผมด้วยนะครับ***

นายวาทิต แสงจันทร์ 54010510047 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิทยาสาสตร์ทั่วไป (2 GS) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 

หมายเลขบันทึก: 508659เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2012 21:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 ธันวาคม 2012 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ฝากบันทึกนี้ให้อ่านค่ะ เป็นเรื่งจริงของชีวิตคน ๆ หนึ่ง

 

ความสุขอันประณีตในค่ำคืนนี้

ผมชอบบันทึก สุขอันประณีตในค่ำคืนนี้ ชิ้นนี้มากครับ ได้กำลังใจอย่างมากในการสู้ชีวิต ขอบคุณท่าน อ.ภูสุภา มากครับ ได้แนะนำบันทึกดีๆให้อ่าน ครับ

ขอบคุณทุกกำลังใจครับที่ให้ดอกไม้ ขอบคุณทุกท่านที่คลิกเปิดอ่าน บันทึกสำคัญที่ใจ ชิ้นนี้ ที่ผมบรรจงเขียนขึ้นครับ

สำหรับคนมีปัญญา ความทุกข์มีเอาไว้ให้ขอบคุณ ไม่ได้มีไว้ให้ทุกข์

  • มาให้กำลังใจ นะครับ
  • ขอให้ "ความทุกข์กาย- ทุกข์ใจ" กลายเป็น "แรงบันดาลใจ" ส่งผลให้ประสบความสำเร็จ ในอนาคต นะคะ

ครับผม ขอบคุณทุกกำลังแรงใจครับ ชีวิตจริงยิ่งกว่าที่เขียน ขอสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท