การใช้หลักการเรียนรู้ของผู้ใหญ่กับโปรแกรมการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้สำหรับนักศึกษาผู้ใหญ่
( USING ADULT LEARNING PRINCIPLES IN ADULT BASIC AND LITERACY EDUCATION )
การใช้หลักการเรียนรู้ของผู้ใหญ่กับโปรแกรมการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้สำหรับนักศึกษาผู้ใหญ่ โดย SUSAN IMEL (1998) นั้นได้พบว่า โปรแกรมการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่ (ABLE) เป็นกิจกรรมเชิงซ้อนที่ใช้กับผู้เรียนที่มีความแตกต่างอย่างหลากหลาย จนเป็นที่สนใจของผู้เรียนที่มีความจำเป็นและมีแรงจูงใจที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามปรากฏว่าในโปรแกรมให้เปล่านี้ในปีแรกมีผู้ที่ลาออกถึงร้อยละ 74 ( QUIGLEY 1997) ผู้เรียนจำนวนหนึ่งให้เหตุผลที่ไม่เข้าเรียนและการลาออกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า เป็นเพราะลักษณะวิถีชีวิตที่ซับซ้อนของผู้ใหญ่ จริงๆแล้วลักษณะโครงสร้างของโปรแกรมก็น่าจะมีส่วนทำให้เกิดการลาออกดังกล่าวขึ้นได้ด้วย ทั้งนี้เพราะกิจกรรมของโปรแกรมมีลักษณะคล้ายโรงเรียน (QUIGLEY 1997, VELAZQUES 1996) ซึ่งบรรดาผู้ใหญ่ที่อ่านหนังสือไม่ออกเหล่านั้นเคยเข้าเรียนมาแล้ว จึงมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเพียรพยายามเรียนให้จบ การจัดลักษณะโครงสร้างของกิจกรรมโดยอาศัยหลักการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่ น่าจะเป็นทางออกอย่างหนึ่งที่ควรนำมาพัฒนาโปรแกรมให้เป็นที่น่าสนใจแก่นักศึกษาผู้ใหญ่ได้มากขึ้น คำแนะนำสั้นๆด้านการประยุกต์ใช้หลักการด้านการศึกษาผู้ใหญ่น่าจะใช้ได้กับโปรแกรมนี้ ทั้งนี้หลังจากได้อธิบายหลักการของการศึกษาผู้ใหญ่แล้ว ยังมีข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปปฏิบัติโดยใช้หลักการดังกล่าวพร้อมเอกสารอ้างอิง สำหรับการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้เพิ่มเติมมาให้ด้วย
หลักการด้านการศึกษาผู้ใหญ่ แม้ว่าไม่ปรากฏรายการเรื่อง หลักการของการศึกษาผู้ใหญ่บันทึกไว้ในเอกสารอ้างอิงใดๆ ก็ตามแต่ ก็ได้มีข้อยอมรับร่วมกันว่าการดำเนินการด้านการศึกษาผู้ใหญ่น่าจะเป็นไปในรูปแบบ หลักการที่จะกล่าวต่อไปนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มีการพัฒนามาโดยการสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ( BROOKFIELD 1986, DRAPER 1992 , DRAVES 1997 , GRISSOM 1992 , KNOWLES 1992 , VELLA 1994)
กิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้เรียนในการวางแผนและการนำบทเรียนไปใช้ การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนและการนำบทเรียนไปใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนถือเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในการศึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งการมีส่วนร่วมนี้ควรจะเริ่มต้นจากการจัดทำการประเมินความจำเป็นในการเรียนรู้ โดยให้กลุ่มประชากรเป้าหมายช่วยกันกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของกิจกรรม ตลอดจนกำหนดรายละเอียดของกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนกำหนดวิธีการประเมินผลด้วย ถ้าลองนำเอาประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนมารวมกันก็จะเป็นแหล่งความรู้ได้อย่างหนึ่ง หลักการที่ถูกอ้างถึงบ่อยๆอีกอย่างเกี่ยวกับการศึกษาผู้ใหญ่ก็คือ การนำประสบการณ์ต่างๆของผู้เรียนที่ร่วมในโปรแกรมมาเป็นแหล่งการเรียนรู้ เพราะไม่เพียงแต่ผู้เรียนที่เป็นนักศึกษาผู้ใหญ่จะมีประสบการณ์ที่จะเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเท่านั้น แต่วัยของผู้ใหญ่ยังมีความพร้อมที่จะเรียนรู้จากกิจกรรมและปัญหาจริงในชีวิตอีกด้วย สถานการณ์และมุมมองต่างๆที่ผู้เรียนนำมาที่ห้องเรียนจะกลายเป็นแหล่งภูมิปัญญาเพื่อการเรียนรู้ที่ดียิ่ง
ปลูกฝังการกำหนดทิศทางของตัวเองให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน การกำหนดทิศทางของตัวเองถือเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งของการเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่ทุกคนจะมีคุณสมบัติดังกล่าวเท่าเทียมกัน ยิ่งถ้าหากเป็นผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยกับการเรียนรู้แบบครูเป็นผู้ชี้นำด้วยแล้ว ก็จะไม่ค่อยแสดงออกในบรรยากาศการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ที่ต้องกำหนดทิศทางด้วยตนเอง การเรียนรู้ของผู้ใหญ่จึงควรจัดโครงสร้างกิจกรรมให้มีลักษณะการกำหนดทิศทางของตัวเองและตัดสินใจได้ด้วยตนเองจนเป็นธรรมชาติ เพราะเมื่อผู้ใหญ่มีกำลังใจเพียงพอที่จะเป็นตัวของตัวเอง ก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นผู้ที่เริ่มมองเห็นอนาคตและจะเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มที่เป็นของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความสัมพันธ์ โลกของงานและสภาพสังคม แทนที่จะเป็นเพียงผู้ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียว (BROOKFIELD 1986 , P 19) สร้างบรรยากาศที่ให้กำลังใจและส่งเสริมการเรียนรู้โดยการทำให้บรรยากาศในห้องเรียนมีความไว้เนื้อเชื่อใจและยอมรับในซึ่งกันและกันระหว่างครูกับผู้เรียน จะทำให้ผู้เรียนรู้สึกมีเกียรติและภูมิใจในตัวเอง แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้บรรยากาศในห้องเรียนปราศจากความขัดแย้งแต่ประการใด แต่เป็นการดูแลให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โลกทัศน์มุมมองใหม่ๆและต้องช่วยสนับสนุนให้การเรียนรู้ดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่นด้วย
ตีกรอบให้เกิดน้ำใจในการประสานความร่วมมือกันในบรรยากาศของการเรียนรู้ มักพบบ่อยๆว่า การประสานความร่วมมือกันจะเกิดขึ้นในบทบาทที่ครูและผู้เรียนต่างผลัดกันเป็นผู้สอนผู้เรียนซึ่งกันและกัน จริงอยู่ครูจะต้องรับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการเป็นผู้นำกิจกรรมการเรียนรู้ แต่ในการศึกษาผู้ใหญ่ “แต่ละคนต่างก็มีบางอย่างที่จะต้องสอนผู้อื่นและต้องเรียนจากผู้อื่น” (DRAPER 1992 , P. 75 ) การเรียนรู้ของผู้ใหญ่จึงเป็นกิจกรรมร่วมกันทำที่ต่างต้องนับถือและสนใจที่จะนำเอาความรู้ของแต่ละคนมาอยู่ในบรรยากาศการเรียนรู้ด้วยกัน
ใช้กลุ่มย่อยให้เป็นประโยชน์ การใช้กลุ่มย่อยมีประวัติอันยาวนานในระบบการศึกษาผู้ใหญ่และผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับการฝึกฝนให้เรียนรู้กันเป็นกลุ่ม เนื่องจากกลุ่มทำให้เกิดการทำงานเป็นทีม กระตุ้นให้เกิดการประสานงานและการประสานความร่วมมือกันระหว่างผู้เรียน โดยโครงสร้างแล้วจะเป็นการเรียนรู้จากกลุ่มเพื่อนที่มีอายุใกล้เคียงกันและจะเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้มีส่วนในการมีส่วนร่วมในการถกแถลงและแสดงบทบาทที่แตกต่างกัน หลักการต่างๆ ที่ได้ยกมาให้เห็นข้างต้นนี้คงจะสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อด้านการเรียนรู้ของผู้ใหญ่อย่างกว้างๆ ในตอนต่อไปก็จะเป็นข้อเสนอแนะในการนำหลักการดังกล่าวไปใช้ในการจัดทำโปรแกรมการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่ต่อไป
ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ มีโปรแกรมการศึกษาผู้ใหญ่จำนวนมากพอสมควรที่ใช้หลักการข้างต้น ในโปรแกรมการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่ (ABLE) และจากข้อมูลในระยะหลังๆพบว่าโปรแกรมดังกล่าวได้ให้ความสำคัญกับนักศึกษาและการมีส่วนร่วมของนักศึกษามากขึ้น (AUERBACH 1992 , FINGEREST 1992 , NONESUCH 1996 , SISSEL 1996 , STEIN 1995) ซึ่งข้อเสนอแนะเพื่อใช้ในการปฏิบัติที่สะท้อนถึงหลักการด้านการศึกษาผู้ใหญ่ต่อไปนี้ สามารถจะหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในแหล่งอ้างอิงข้างต้นการให้นักศึกษาผู้ใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและนำบทเรียนไปใช้นั้น จำเป็นจะต้องปรึกษานักศึกษาผู้ใหญ่ดังกล่าวเกี่ยวกับ “หัวเรื่อง” ที่จะนำไปผสมผสานเข้ากับเนื้อหาของโปรแกรม ABLE ( ดังในตัวอย่างของ AUERBACH 1992 ; NONESUCH 1996 ; SISSEL 1996 ; VELAZQUE 1996 ) นักการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้จำนวนมาก ได้บรรยายถึงความสำคัญของการมีส่วนรวมของผู้เรียน แต่ไม่ได้ดำเนินการให้เกิดขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วนักการศึกษาดังกล่าวจะต้องฟังสิ่งที่นักศึกษาผู้ใหญ่พูดเกี่ยวกับประสบการณ์การศึกษาในอดีตและเป้าหมายของการเรียนรู้ในปัจจุบัน แล้วจึงจะใช้ข้อมูลดังกล่าวมาพัฒนาโปรแกรม AUERBACH (1992) ได้ให้เหตุผลในการใช้วิธีการมีส่วนร่วมของผู้เรียนว่า “ การศึกษาผู้ใหญ่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดถ้าได้ดำเนินการโดยใช้ประสบการณ์ของผู้เรียน เพื่อมุ่งสนองตอบต่อความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียนและมีการกำหนดทิศทางโดยกลุ่มผู้เรียนเอง (P. 14) ในโปรแกรม ABLE แบบมีส่วนร่วม ควรให้สะท้อนชีวิตจริงของนักศึกษาและใช้นักศึกษาเป็นศูนย์กลาง โปรแกรม ABLE ควรให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการวางแผนและนำไปใช้ในหลายๆด้าน รวมถึงการขอให้ทีมเข้ามาช่วยในการปฐมนิเทศผู้เรียนใหม่และอาจรวมถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นกรรมการเพื่อให้คำแนะนำในกิจกรรมต่างๆด้วย การพัฒนาและ/หรือ การใช้อุปกรณ์การสอนที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นอยู่ของนักศึกษา นับเป็นการมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการกำหนดเนื้อหาการสอน บางครั้งการอ้างอิงเนื้อหาการเรียนรู้และอุปกรณ์ประกอบการเรียนรู้ที่มาจากประสบการณ์จริงของผู้เรียน และเหมาะสมกับระยะพัฒนาการและปัญหาของผู้เรียน จะพบว่าเป็นการเน้นความสำคัญที่ผู้เรียนและจะมีความหมายโดยตรงต่อชีวิตของผู้เรียน (AUEBACH 1992 , DIRKX AND PRENGER 1997 , NASH E T A 1992) ซึ่ง DIRKX AND PRENGER (1997) เรียกวิธีนี้ว่า “ การใช้หัวเรื่องเป็นพื้นฐาน ” (THEME BASED) และได้อธิบายเอาไว้ว่าควรจะบูรณาการเนื้อหาทางวิชาการกับปัญหาในชีวิตจริงเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ในการได้มาซึ่งทักษะที่ได้รับการบูรณาการแล้วแทนที่จะเน้นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาแยกออกมาต่างหาก เนื่องจากการใช้หัวเรื่องเป็นพื้นฐานยังจะทำให้จุดเน้นไปอยู่ที่สามัญสำนึกร่วมกันของผู้เรียนและจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายต่อนักศึกษาด้วย การใช้วิธีการดังกล่าวจะทำให้ห้องเรียนมีความใกล้เคียงของจริงมากขึ้น ทั้งนี้เพราะผู้ใหญ่จะเรียนรู้จากการใช้ทักษะในสถานการณ์จริงของชีวิตได้เป็นอย่างดี
พัฒนาความเข้าใจในประสบการณ์ของผู้เรียนและชุมชน การดำเนินการให้ผู้ใหญ่มีส่วนร่วมในการอ่านออกเขียนได้ต้องเริ่มต้นจากการยอมรับนับถือในวัฒนธรรม พื้นฐานความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียน (AUERBACH 1992) ในการศึกษาพื้นฐานเพื่อการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่นั้น จำเป็นต้องเน้นความสนใจส่วนใหญ่ไปที่การสอนแบบรายบุคคลเพื่อสนองความต้องการเฉพาะตัว ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีอะไรผิดในการใช้วิธีการดังกล่าว แต่การเน้นหนักด้านการให้บริการรายบุคคล อาจจะทำให้ลืมคำนึงถึงเรื่องของเพศ เชื้อชาติและชนชั้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริงของนักศึกษาผู้ใหญ่เหล่านี้ไปก็ได้ (CAMPBELL 1992) นักการศึกษาด้านการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่เป็นจำนวนมากที่ออกมารณรงค์ส่งเสริมให้ทำความเข้าใจผู้เรียนทั้งในฐานะเอกัตตบุคคล และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและกลุ่ม (NONESUCH 1996 , SISSEL 1996) และมุ่งปรับแต่งการสอนเพื่อให้ตอบสนองต่อเนื้อหาเฉพาะทางเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น NONESUCH (1996) อธิบายว่า ประสบการณ์ของผู้หญิงสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เป็นต้น การจัดทำกลุ่มย่อมให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ จะสามารถทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ และจะทำให้เกิดการประสานความร่วมมือมากกว่าการสอนแบบกลุ่มใหญ่หรือการสอนแบบตัวต่อตัว นอกจากนั้นการเรียนรู้โดยกลุ่มย่อยยังจะสามารถสะท้อนเนื้อหาที่ชัดเจนกว่าสำหรับผู้ใหญ่ที่ใช้ทักษะทั่วไปในการอ่านออกเขียนได้ การจัดกลุ่มย่อยยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง เช่น การส่งเสริมการเรียนรู้แบบช่วยกันในกลุ่มเพื่อนและการลดความแตกต่างระหว่างครูกับผู้เรียน โดยการกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือและสร้างบรรยากาศในการร่วมคิดร่วมทำ ซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียนลดลงจากวิธีการแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างมาก กลุ่มย่อยสามารถจะใช้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากในการกำหนดหัวเรื่องและความคิดที่จะก่อให้เกิดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ (IMEL , KERKA , AND PRITZ 1994 ) โปรแกรม ABLE ที่ได้นำเอาข้อเสนอแนะต่างๆเหล่านี้ไปใช้จะเร่งรัดให้ผู้เรียนเกิดความตื่นตัวในการกำหนดทิศทางและการตระหนักรู้ในตัวเอง ผู้เรียนที่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผนและร่วมจัดกิจกรรมตามเนื้อหาวิชาจะสามารถพัฒนาและยกระดับความตระหนักชัดในสถานภาพของตัวเองและยกระดับความสามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้
บทสรุป ถ้านักการศึกษาด้านพื้นฐานและการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่มุ่งหวังที่จะประสบความสำเร็จในการชี้ชวนผู้เรียนและรักษาผู้เรียนไว้ในโปรแกรมให้ได้ นักการศึกษาดังกล่าวจะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดที่เกี่ยวกับโปรแกรมนี้ (QUIGLEY 1997) รูปแบบของโรงเรียนที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องดำเนินการบนพื้นฐานการรับรู้แบบผู้ใหญ่ ทั้งในด้านเป้าหมาย จุดประสงค์ และจะต้องคำนึงถึงความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งการใช้หลักการด้านการศึกษาผู้ใหญ่น่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ไม่มีความเห็น