เมื่อหนูทำงาน หนูไม่ต้องห่วงคุณพ่อคุณแม่นะ


13 พฤศจิกายน 2555 กับวันที่อากาศเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว ความรู้สึกเงียบเหงานั้นก็มีให้ได้สัมผัสได้ทั่วไปนะ ได้เห็นข่าว ได้เห็นการดำเนินชีวิตของคนที่เคยเป็นดาราเคยรุ่งเรือง คนที่ส่งให้ลูกได้เป็นใหญ่เป็นโต

หากแต่ชีวิตของผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายที่ทั้งชีวิตนั้นช่วยอุ้มชูลูกๆ ให้มีความสุข ให้ประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ของความทุ่มเทก็มีทั้งที่ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง การที่ทำไม่ได้นั้นเป็นเรื่องธรรมดา ผมคิดว่าหลายคนคงเห็นด้วยนะเพราะส่วนใหญ่แล้วฐานะของเด็กรุ่นต่อไปก็จะคล้ายกับคุณพ่อคุณแม่

หากแต่ที่น่าสนใจก็คือครอบครัวที่ส่งลูกประสบความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโตนี่ต่างหาก

เรามักจะเข้าใจหรือมีใจโน้มน้าวว่า ชีวิตของผู้ปกครองคงต้องวิเศษ ต้องเลิศหรู เป็นดั่งฝัน

หลายคนชาวบ้าน ร้าน ตลาด ก็เข้าใจอย่างนั้นเช่นกัน

หากแต่ในความเป็นจริงที่เห็นบรรดาผู้ปกครองทั้งหลาย ทั้งคุณหมอ คุณรัฐมนตรี ท่านก็ยังมีชีวิตที่เหมือนเดิมคือยังต้องทำงานที่ตนเองถนัดและชอบต่อไป อาหารการกินก็อย่างเดิม ตารางเวลาต่างๆที่เคยใช้มาตั้งแต่ลูกยังเล็กก็ยังคงใช้ตารางคล้ายเดิมมากๆ นี่ต่างหากที่คือความจริงของชีวิต คำถามคือเมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราควรวางเป้าหมายและน้ำหนักของการจัดการสารพัดในชีวิตเรา ครอบครัวเราอย่างไร

คำตอบที่โผล่ขึ้นมาในหัวผมก็คือ เมื่อเรานั้นยังต้องพึ่งตนเองเป็นหลัก การมีเงินสำหรับใช้จ่ายที่เพียงพอนั้นสำคัญมาก เราอาจจะไว้ใช้ได้สารพัด ทั้งไว้ใช้ทำบุญทำทาน ใช้ให้หลานๆ เวลาเขามาเยี่ยม ใช้ซื้อยา จ้างคนทำงาน อะไรต่างๆ มากมาย

เมื่อเป็นอย่างนี้ การจัดสรรเงินในยามที่หาได้และยังแข็งแรง ก็น่าจะอดออมไว้นะ สอนลูกให้ใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า ไม่สร้างนิสัยการใช้เงินในอนาคต ควรใช้เงินให้น้อยกว่าที่มีหรือหามาได้ สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองด้วยการทำตนเป็นแบบอย่าง อาทิ งานอะไรในบ้านเราทำได้คุณพ่อคุณแม่ก็ทำเองงดการจ้างคนอื่น เป็นต้น

เมื่อลูกมีคุณลักษณะพร้อมส่งเสริมการมีชีวิตแบบมีความก้าวหน้า แผนการดำเนินชีวิตของครอบครัวก็จะสดใส สำเร็จไปกว่าครึ่ง เงินที่เราหามาได้ทั้งชีวิตจะถูกประหยัดไว้และกลายเป็นเงินออมสำหรับไว้ใช้ในยามอายุมากแล้ว...

การทำความเข้าใจร่วมกันของครอบครัว ด้วยการคุยกันตรงนี้ก็ทำให้แผนการดำเนินชีวิตในอนาคตดีขึ้น ซึ่งต้องชี้ให้เห็นว่าเราทำไปทำไม ทำอย่างไร และลูกก็ได้ประโยชน์ตรงนี้อย่างไรด้วย เช่น

เมื่อลูกต้องการเป็นหมอ

หนูต้องใช้เงินในการเรียนจำนวนมากนะ

และเมื่อหนูได้เป็นหมอแล้วนี่ หากเงินที่ให้หนูเรียน หนูช่วยประหยัดก็จะทำให้พ่อกับแม่มีเงินส่วนนั้นเหลือไว้

เมื่อหนูทำงาน หนูก็ไม่ต้องมาห่วงที่จะต้องส่งเสียค่าใช้จ่ายให้กับคุณพ่อคุณแม่ ความสบายและฐานะที่มั่งคั่งก็จะสร้างได้ง่ายขึ้น

ความคุ้มค่า ความประหยัด ความตั้งใจเรียน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนสำคัญต่อความสำเร็จของหนู

เราต้องช่วยกันนะ

นี่ก็คือเรื่องราวที่จะเล่าในวันที่เงียบเหงาอย่างนี้ครับ


 


หมายเลขบันทึก: 508559เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2012 09:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 12:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท