ในคห. ต่อท้ายบทความ
กินต้มยำให้อร่อยฯ (ด้วยไฟอุ่นจากน้ำมันใช้แล้ว) คุณ chutchanee ให้ความเห็นว่า
น่าจะใช้ไฟน้ำมันใช้แล้วแบบที่ผมออกแบบไว้แทนการจุดเทียนได้ โดยเฉพาะในเทศกาลลอยกระทงที่กำลังจะมาถึง
ผมเลยขอเสนอว่าควรใช้กระทงใบตองแทนขวดแก้ว เพื่อป้องกันมลภาวะน่ะครับโดยอาจทำแบบนี้ครับ
เอาใบตองมาพับสานเป็นกระทงเล็กๆ แบบถ้วยน้ำจิ้ม ต้องสานให้แน่นกันรั่วได้ด้วย แล้วเอาน้ำมันใช้แล้วใส่ลงไปสักถ้วยตะไล เอากระดาษทิชชู ปั้นเป็นเจดีย์ใส่ลงไปตรงกลาง (อย่าลืมชโลมน้ำมันก่อนใส่) เอาเข็มกลัดไม้ไผ่ทิ่มปักไว้ตรงกลางด้วย จากนั้นจุดไฟ เชื่อว่าไฟจะสวย และติดทนนาน ไม่ดับง่ายเหมือนเทียน (ใครจะอธิษฐานให้ครองรักกันนานๆ ก็อธิษฐานได้ดังใจหวัง)
แต่วิธีข้างบนนี้อาจดูไม่สูงสง่าเหมือนเทียน เพราะว่ากระทงเล็กๆ มันเตี้ย เปลวไฟจะไม่เด่นสูงเหมือนจุดเทียน แต่ถ้าวางไว้ตรงแท่นกลางโล่งๆ ที่มีดอกไม้ล้อมรอบก็ดูโออยู่
วิธีแก้ไขความเตี้ย คือ แทนที่จะทำเป็นกระทงเล็ก เราจีบใบตองทำเป็นกรวยทรงสูงแหลม แล้วเอาน้ำมันใส่ลงไป ส่วนไส้ก็เอาทิชชูมาม้วนเป็นเส้นยาวๆ จุ่มลงไป จุดไฟ ...แต่วิธีนี้ต้องมีอะไรมาค้ำไม่ให้กรวยแหลมล้ม เช่น เอาไปจุกไว้ในซอกของดอกไม้ เชื่อว่าขอบกรวยจะไหม้มอดลงไปพร้อมกับน้ำมันที่หดหายไป ก็จะทำให้เปลวเพลงลุกโชติจนมองเห็นได้ตลอดเวลา
ข้อเสียของน้ำมันคือ ถ้าไหม้ไม่หมดอาจมีมีปัญหามลภาวะคือน้ำมันหกนองหนองน้ำได้ ก็ใส่น้ำมันน้อยๆ ก็พอ เพราะมันกินน้ำมันช้ามาก ถ้วยตะไลหนึ่งอาจได้ครึ่งชั่วโมง ถ้าไส้ก้อนกระดาษไม่ใหญ่มากนัก เอาสักก้อนเท่าหัวแม่โป้ก็พอ
เรื่องมลภาวะในกรณีน้ำมันหกรดหนองน้ำนี้ไม่ทราบว่าจะร้ายแรงขนาดไหน เนื่องจากมันเป็นนำมันพืช ซึ่งเป็นสารชีวภาพ หรือว่า ปลา หรือ จุลินทรีย์จะเขมือบกินหมดในเร็ววัน ใครทราบช่วยบอกด้วย
แล้วจะมีใครเอาไปทดลองทำ ก่อนทำจริงไหม (คุณชลัญฯว่างัย)
...คนถางทาง (๑ พย. ๒๕๕๕)
ปล. วิธีทำเทียน ที่ง่ายกว่าทำกระทงคือ (เพิ่งนึกได้ว่าทดลองไว้แล้ว) เอากิ่งไม้ผุๆ มาทำ ขนาดสักเท่านิ้วชี้ ยาวสักเท่านิ่วชี้ เหลาปลายข้างหนึ่งให้แหลม แล้วเอาไปจุ่มน้ำมันพืช แช่ไว้สัก 2-3 นาที (หรือเอาแปรงชุบน้ำมันพืชแล้วเอามาทำไม้ก็ได้ เอาปลายแหลมปักลงในกระทง (เช่น ปักกับกาบกล้วย) แล้วจุดไฟทีี่ปลาย ด้านบน ถ้าจะเอาใบกล้วยหรือใบไม้สดพันรอบกิ่งไม้ไว้หน่อยก็จะดี (ไม่งั้นไฟอาจลุกท่วม ทั้งแท่ง แรงเกินไป) ที่ผมทดลองมันเป็นดุ้นไม้สั้นๆ ไม่ยาวเท่านิ้วมือ ไม่น่าเชื่อว่ามันลุกดีเป็น ๒๐ นาทีเห็นจะได้
ที่ต้องเป็นไม้ผุ เพราะมันจะพรุน ทำให้ดูดซับน้ำมันเข้าไปในเนื่้อไม้ได้มาก
เป๊ะมากค่ะ อาจารย์ มีหรือชลัญจะไม่ลอง
แถบบ้านชลัญเขายิ่งคิดว่าชลัญเพี้ยน แหม! อาจารย์ก็ยิ่งหาของมาให้เขาเข้าใจแบบนั้นเพิ่มขึ้นอีก แต่ตอนนี้ชลัญกำลังลองที่เจ็งกว่านี้ เดี๋ยวสำเร็จเมื่อไหร่จะถ่ายรูปให้ดู รับรอง อาจารย์ต้องรับเป็นศิษ์เอก แบบ A+ แน่นอน อิ อิ
ว่าจริงแล้วชลัญน่าเรียนวิศวะแต่แรก แต่ดับปึกไปหน่อยสอบไม่ติด แต่ไม่เป็นไร มีอาจารย์ เป็นวิศวะ อย่าง อ.ถาง กับ สหาย อย่าง ท่าน .99 ก็ OK ค่ะ
ว้าว.. จุดเปลี่ยนทางธุรกิจเทียและการทำกระทงไร้เทียนเลยนะคะเนี่ย.. เอาหล่ะซิ ปีนี้เราจะคอยดูกระทงไร้เทียนแต่ไม่ไร้แสงสว่าง รักษ์ สิ่งแวดล้อม จากสารตั้งต้นทางแนวคิด ของท่านอ. ทวิช. เอ.. ท่านอาจารย์คะ จัดประกวดกระทงตามแนวคิดนี้ดีมั๊ยคะ ส่งรูปและการทดลองจริงโพสต์ ต่อๆกันไว้ ใครที่เข้าตากรรมการมากที่สุด แบบตรงหลักการเป๊ะ -- ก็ได้รางวัลไป ดีม๊ะคะ เราจะได้ช่วยกันคิดขยับรอยหยัก หลายๆ หยักน่าสนุกนะคะ
คุณ chut cha nee ช่วยประสาน เป็นแม่งาน ได้ไหมครับ อิิอิ
คงเหนื่อยน่าดู
แต่น่าขอ สะปอนเซอร์ จากร้านต้มแซ่บ ริมแม่น้ำมูนได้อยู่หรอก เพระาเรื่องพวกนี้จะไปขอเงินจาก สสส. สวทช สกว สวรส และ ส ทั้งหลาย คงยากสส์ เพราะมันไม่่สูงระดับหัวนา หัวโน นาโน กะเขา อิอิ แต่รับรองว่าเรื่องการเผาไหม้น้ำมันใช้แล้ว ระดับอนุมูล OH CO H ที่เป็น radical ที่ไวไฟมากพวกนี้ รับรองว่า พวกนาโง ไม่รู้เรื่องหรอก
งานเข้าละ. อืม..ท่านอาจารย์ (ขา) ลองตั้งโจทย์หน่อยค่ะ เช่น วัสดุหาง่ายตามพื้นบ้าน. วิธีการไม่ยุ่งยาก. ผลที่ได้รับ แสงสว่างต้องนาน. น้ำมันที่ใช้ต้องกี่ซีซี (น้อยที่สุด) 5 แล้วให้เพื่อนๆ ซ้อมลองจุดเล่นๆและลอยในกาละมังที่บ้านนั่นแหล่ะค่ะ ได้ผลการทดลองเป็นอย่างไร ก็โพสต์รายงาน บอกพร้อมรูปไว้ในบล็อก ของท่านอาจารย์นั่นแหล่ะค่ะ. - แล้วก็ให้ท่านอาจารย์เสนอแนะ- และอาจมีรางวัลบ้าน พร้อมที่ดินใจกลางแม่น้ำโขงให้ ผลงานที่เข้าตา ก่อนวันลอยกระทง. สัก 2 วัน. พอถึงวันลอยกระทงจริง คนอื่นๆก็เอาไปทำเองได้ไม่ต้องไปซื้อเทียนค่ะ --- ปล. เทียนเล่มนึงไม่แพงหรอกค่ะ แต่เวลาซื้อต้องซื้อยกแพ็คอ่ะ
งั้นช่วยท่านอาจารย์ .. โดยการแจกจ่ายแนวคิดไปให้ผู้ที่สนใจดีกว่า จะได้มาช่วยกันแชร์ รอยหยัก .. ไปก่อนแล้วน๊าค๊า ..