รามเกียรติ์ ตอนที่ ๑๕ มัยราพณ์ ภาค ๒


ฉบับ ดร.สัตยพรต ศาสตรี เป็นต้นเค้าในการเรียบเรียง และฉบับนี้ก็นำมาจากของรัชกาลที่ี ๑ มาเป็นต้นเค้าอีกทีนะครับ

 

รามเกียรติ์

ตอนที่ ๑๕ มัยราพณ์ (ต่อ)

สรคะที่ ๑๔

               ณ ที่นั้น เป็นภูเขาซึ่งแวดล้อมด้วยไฟอันลุกโชติช่วงขวางทางอยู่  หนุมานแทบจะขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้  และหนุมานก็ได้พิจารณาว่า  สิ่งนี้น่าจะเป็นกลอุบายเป็นแน่  จึงได้หัวเราะแล้วข้ามภูเขานั้นไป

 

                หลังจากที่หนุมานได้ข้ามภูเขาไปได้ไม่ไกล  ก็ปรากฏช้างตัวใหญ่ตกมันเชือกหนึ่ง  ที่จะเข้ามาทำร้ายหนุมาน  หนุมานจึงได้สังหารช้างตัวนั้น  แล้วส่งมันไปยังอาณาจักรแห่งพระยม

 

              ครั้นหนุมานฆ่าช้างแล้ว ก็ได้เดินทางต่อไปอีก  ได้มียุงจำนวนมากมาเกาะติดที่ตัวหนุมาน เหมือนลมที่น่ากลัว ยุงได้กัดหนุมานแผลเล็กแผลใหญ่มากมายรอบตัวหนุมาน 

 

               หนุมานได้เอาแขนทั้งสองเขี่ยมันมารวมกันไว้ในมือแล้วขยี้มัน  อันว่ายุงนั้นมีเป็นร้อย ๆ พัน ๆ เหมือนกับลำธารอันเปี่ยมน้ำออกไป  ครู่หนึ่งหนุมานก็สามารถทำลายมันไปได้  แล้วเหาะขึ้นไปเหมือนกับพระอาทิตย์เพื่อออกเดินทางต่อไป

 

              หนุมานผู้เก่งกล้าก็ถึงซึ่งเมืองบาดาล  หนุมานได้ยินเสียงหญิงสาวคร่ำครวญอยู่ที่เมืองนั้น  จึงได้ตามเสียงร้องนั้นไป  เมื่อพบหญิงสาวหนุมานจึงถามนางว่าเศร้าโศกเสียใจด้วยเรื่องอไร  หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือได้  ข้าจะพยายามช่วยท่านเต็มที่

 

                 ครั้งนางได้พิจารณารูปร่างหน้าตาของหนุมานแล้ว  น่าไว้ใจได้  นางจึงเล่าให้หนุมานฟัง  ว่านางนั้น เป็นธิดาของเจ้าเมืองบาดาล  นามว่า พิรากวน  เหตุที่ตนเองคร่ำครวญนั้น  เพราะลูกชายอันเป็นที่รักตกอยู่ในอันตราย  ลูกชายของข้าพเจ้าชื่อว่า ไวยวิก  ซึ่งมัยราพณ์ผู้มีใจทราม ผู้เป็นพี่ชายของข้าพเจ้า  ต้องการจะฆ่า และได้บังคับข้าพเจ้าให้บรรจุน้ำร้อนลงใส่ในภาชนะที่ใหญ่นี้ให้เต็ม

 

                มัยราพณ์ผู้มีใจบาปหยาบช้า  ได้เหวี่ยงรามและลูกของข้าลงไป ณ ที่นั้น  หวังต้องการจะให้คนทั้งสองนั้นตายพร้อมกันเลยทีเดียว

 

                   หนุมานกล่าวกะพิรากวนว่า  นางไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจเลย  เพราะข้าคือความตายของมัยราพณ์ได้มาถึงแล้ว  จงพาข้าไปหามัยราพณ์โดยเร็ว

 

                   พิรากวนบอกหนุมานว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย  ณ ที่นั้น  ต้องผ่านประตูกล  อันมีหัวหน้ายักษ์ดูแลอยู่  และในการที่จะผ่านทางไปได้นั้น  ข้าพเจ้าจะต้องขึ้นไปชั่งตัวข้าพเจ้าเอง  หากน้ำหนักข้าพเจ้าเพิ่มขึ้น แม้เพียงเล็กน้อย พวกยักษ์คงจะห้ามข้าพเจ้าผ่านเข้าไปเป็นแน่  ยิ่งไปกว่าก็จะฆ่าข้าพเจ้าเสียด้วยซ้ำ

 

                 หนุมานพูดกะพิรากวนว่า  อย่ากังวลไปเลย  ความโชคร้ายย่อมไม่มีแก่เจ้าและแก่ข้า แล้วหนุมานก็ได้แปลงร่างเป็นใยบัว

 

                  พิรากวนได้ไปที่ประตูกล อันมีเหล่ายักษ์ดูแลอยู่  และนางก็ได้พูดกะทหารทั้งหลายว่า นางต้องการจะไปหาพี่ชาย  ด้วยธุรบางประการ  จึงขออนุญาตผ่านประตูกลอันใหญ่นี้ไปโดยเร็ว

 

                   นางพิรากวนได้ขึ้นไปบนตาชั่ง  ปรากฏว่าตาชั่งยุบลงมาติดพื้นดิน  อันเนื่องมาจากน้ำหนักเกิน  เมื่อเป็นดังนี้  พวกยักษ์ผู้มีความสงสัย  ไม่อนุญาตให้นางผ่านเข้าไป

 

               นางพิรากวน  จึงได้ต่อว่าทหารทั้งหลายว่า  เจ้าผู้โง่เขลา  ตาชั่งของพวกเจ้ามันเก่าแล้ว  แต่กลับเห็นว่า ข้าเป็นคนไม่ควรเชื่ออีก ถ้ามีโทษ  พวกเจ้าทั้งหมดต้องรับผิดชอบ

 

                    เหล่าทหารจึงได้ตรวจค้นตัวนาง  แต่ก็ไม่พบสิ่งใด  อันจะทำให้น้ำหนักของนางเพิ่มขึ้นได้เลย  พวกยักษ์ก็เห็นแต่ใยบัว  ต่างก็คิดว่าสิ่งนี้คงไม่อาจทำให้น้ำของนางเพิ่มขึ้นไปได้  ทหารทั้งหลายจึงได้อนุญาตให้นางผ่านไป

 

                ณ  ที่นั้น  ได้รับการดูแลรักษาเป็นอันดี ซึ่งกรงเหล็กใหญ่กรงหนึ่ง   อันเป็นสถานที่เก็บรักษาดวงใจและร่างกายของมัยราพณ์ ซึ่งแยกกันอยู่

 

                หนุมานได้แปลงร่างแล้ว  ได้ทำลายกรงเหล็กอย่างรวดเร็ว  พร้อมทั้งเอากำปั้นของตนทุบดวงใจของมัยราพณ์นั้น  แล้วได้ไปยังสถานที่ที่พระรามถูกล่ามไว้

 

                 ครั้นหนุมานมาถึง  ได้เห็นองค์รามหลั่งน้ำตา หนุมานผู้มีพลัง  ก็ได้ท้าทายมัยราพณ์  มัยราพณ์ไม่อดทนและทนต่อคำท้ายทายไม่ได้  พร้อมจะต่อสู้ทันที    มัยราพณ์ได้ลุกขึ้น  เปล่งเสียงขู่อันน่ากลัว  นัยน์ตาทั้งคู่แดงและเหลือกถลนอยู่

 

               มัยราพณ์ผู้ชั่วร้าย  ได้จับแขนทั้งสองข้างของหนุมาน  หมายจะสังหาร  แต่หนุมานผู้ว่องไว  ได้เหวี่ยงมัยราพณ์ลงไปบนพื้นดิน  หนุมานได้กระโดดขึ้นไปที่บนอกมัยราพณ์ แล้วเอาเล็บที่แหลมคมฉีกอกของมัยราพณ์

 

              ครั้นมัยราพณ์สามารถหลุดออกไปจากมือหนุมาน  มัยราพณ์ประสงค์จะฆ่าหนุมานเสียให้ได้  ด้วยอำนาจฤทธิ์จึงได้วิ่งเข้าไปหาหนุมานนั้น

 

            ทั้งสองต่อสู้กัน  แต่ก็ไม่มีผ้ใดแพ้หรือชนะได้  นางพิรากวนได้กล่าวกะหนุมานว่า  ไม่มีอะไรที่จะสามารถฆ่ามัยราพณ์ได้  ดวงใจของมัยราพณ์ไม่มีใครสามารถทำลายได้  แม้แต่เทวดาทั้งหลาย 

 

              หนุมานได้ฟังดังนั้น  จึงได้นิรมิตกายตนให้ใหญ่แล้วมุ่งหน้าไปยังเขาตรีกูฏ  แล้วได้เห็นดวงใจของมัยราพณ์ซึ่งเป็นแมลงภู่อยู่ ณ ที่นั้น

 

             หนุมานจึงได้วิ่งไปจับมันเอาไว้ในมือ  แล้วบดขยี้มันเสียในกำปั้นตน  ทันทีที่ดวงใจนั้นถูกบดขยี้  มัยราพณ์ได้ล้มลงสิ้นสติสัมปชัญญะบนพื้นดิน   เมื่อได้ฆ่ายักษ์เรียบร้อยแล้ว  หนุมานได้พาองค์รามออกจากที่นั้นทันที

 

 

หมายเลขบันทึก: 506281เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2012 13:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน 2014 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

รามเกียรติ์

ตอนที่ ๑๖ มัยราพณ์...

ตอนนี้สนุกค่ะ....ต่อสู้...แสดงถึงพลังนะคะ....อ่านแล้วมองเห็นภาพ ....แสดงว่าผู้แต่ง ....แต่งเก่งค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

ขอบคุณพี่เปิ้นนะครับ

ใช่ครับผู้แต่งเก่งมากเลยนะครับ

ผมนำความมาได้เพียงนิดเดียวเองนะครับ

เพราะกวีผู้แต่ง ท่าน ดร.สัตยพรต ศาสตรี ได้นำเอาฉบับของรัชกาลที่ ๑ มาเฉพาะเนื้อหา และท่านนั้นได้เพิ่มถ้อยวจีที่ไพเราะเป็นเชิงลักษณะอุปมา อุปไมย  (อุปลักษณ์) เข้ามา  แต่ผมไม่ได้นำมาทั้งหมดนั้น  

 

คิดว่าจะเก็บมาร่วมกันอีกทีนะครับ ผมเลยได้นำเอาเฉพาะเนื้อเรื่องมาเท่านั้นนะครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ  แม้ว่าจะมีผู้สนใจน้อย แต่ผมก็เต็มรวบรวมให้ครบครับ

ขอบคุณคุณ kunrapee  สำหรับดอกไม้และกำลังใจนะครับ

 

ขอบคุณครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท