KM ที่รัก ตอนที่ 65" ระดับจิต...การพัฒนาตนเอง...การเกิดปัญญา"


สติมา ปัญญาเกิด

                               "การที่พวกเรานักเรียนรู้ทั้งหลายก้มหน้าก้มตา เรียน ทำงาน ท่องไปในโลกกว้างไปพบปะกับผู้คนมากมาย" สิ่งเหล่านี้เราทำไปเพื่อค้นหาอะไร เป็นคำถามที่ผมฟังแล้วหาคำตอบยากมากครับ ... แต่ก็มีคนตอบให้ผมแล้ว..คำตอบคือ"เพื่อค้นหาตัวเอง" ครับ (ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าไม่แน่ใจ)                                                    

                                 การเรียนรู้ , การศึกษา, การตรวจสอบ (ตัวเอง), การเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกันกับความรู้, การเฝ้าสังเกตติดตามพูดคุยกับตัวเองบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการพัฒนาตัวเองของมนุษย์เราธรรมดานี้เอง

                               เมื่อเราสามารถล่วงรู้ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราแล้ว "เราก็จะนิ่ง" เมื่อนิ่งก็จะมีสติ เมื่อมีสติ ก็ใช้ความมีสติค้นหาความจริงของสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัว เพื่อทำความเข้าใจกับสภาวความจริงของธรรมชาตินั้น ๆ

                               การที่เราได้เรียนและรู้ยิ่งมากก็ยิ่งเข้าใจสรรพสิ่งทั้งหลาย ระดับจิตของเราก็จะพัฒนาสูงขึ้นและค่อย ๆ เกิดปัญญาในที่สุด ครับ

หมายเลขบันทึก: 50575เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2006 22:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
     สำหรับผมมองอย่างนี้ครับ ผมมองว่าท้ายที่สุดเรากำลังค้นหาความสุข ซึ่งต้องเป็นสุขแท้นะครับ ที่พูดนี่ใช่ว่าผมจะหาเจอนะครับ (ยิ้ม ๆ) แต่คิดว่าน่าจะเจอครับ
มีคำอยู่ สองคำ ที่อยากไห้คุณชายขอบ(ผู้เยี่ยมยุทธ)ได้พิจารณา คือ ความสุขที่แท้จริง กับอีกคำคือ ความหฤหรร ครับ ไม่ทราบว่า ท่านผู้ เยี่ยมยุทธมีความประสงค์ คำใดครับ
     หัวเราะเลยครับ คำแรกดีกว่าแน่ ๆ ส่วนคำหลังฝากท่านเอาไปทิ้งทะเลนะครับ ยิ่งตอนนี้เป็นแถวบ้านใกล้เรือนเคียงเป็น หฤโหด ด้วยแล้ว ยิ่งหดหู่ครับ
     เอาเป็นว่าไม่ขอรับคำว่าผู้เยี่ยมยุทธนะครับ ฝากไว้แถว ๆ นั้นได้ไหมครับ ขอร้อง..นิ แต่อาจารย์ก็อย่าเผลอรับเอาไปนะครับ เดี่ยวจะเป็นทุกข์ครับ

เห็นด้วยกับอาจารย์ศิริพงษ์ ครับ

แน่นอนในการที่คนเราจะทำอะไรนั้นก่อนอื่นเราต้องรู้ตัวเองก่อน

ประมาณต่อมาเมื่อเราจะไปทำงานร่วมกับใคร หรืออยู่กับใครเราก็ต้องเรียนรู้คนอื่นด้วยเพื่อที่จะเราจะทำงานได้สำเร็จ

เสมือนกับสุภาษิตของ ซุนวู ครับที่บอกว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ขอบคุณครับ

     เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับคุณ ชายขอบ ครับ หฤหรร ก็หนักเอาการแล้วครับ  แต่สำหรับ หฤโหด ขออนุญาต บาย บาย   ไม่ไหวครับ  สงสัยจัง เหตุการ ทางภาคไต้ทำไม รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไหน รัฐบาล บอกรู้ล่วงหน้าตลอด ทุกครั้ง  อยากทราบความเห็นของคุณ ชายขอบ ในฐานะ บ้านไกล้เรือนเคียง ว่ามีความเห็นเป็นเช่นไร ครับ
ขอบคุณอาจารย์ อุทัยครับ ที่ช่วยเติมเต็ม แต่ผมสงสัยอยู่ 2 ประเด็น  "รู้เขา    รู้เรา"  เราควรจะรีบล่วงรู้ใครก่อนครับ    ประเด็นที่สอง  ถ้ารู้ทั้งเขา และเราแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย  เขามี สุภาษิต ว่าอย่างไรครับ

เขาเรียกว่าคนเหนือโลกครับ

คนที่เก่งกว่าขงเบ้ง ยังมี ซุยเป๋ง ศิษย์ร่วมสำนัก แต่ไม่ยอมร่วมทำงานกับเล่าปี่ โดยบอกว่า "การจะกู้บัลลังก์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เดี๋ยวก็ดับไป (ตถตา) มีอยู่ให้เห็นมาตลอดในประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล เราขอใช้ชีวิตตามอัตภาพของเราเถอะ ขออภัยที่ไม่สะดวกจะเข้าร่วมขบวนกับท่าน"  ผมจึงนับถือซุยเป๋งมากพอๆกับขงเบ้ง และสุมาอี้ 

แต่ละคนมียุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน ใช้ข้ามต่างมาตรฐานไม่ได้ เราจะต้องเคารพในชีวิตของเขา แต่ทำงานร่วมกับคนที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับเราโดยไม่ไปรังเกียจใครให้เกิดแรงงต้านให้เสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

 

ลองอ่านสามก๊กสัก๓รอบแล้วจะติดใจ คำถามข้างต้นจะเป็นเรื่องง่ายไปหมดเลยครับ โดยเฉพาะในทางทฤษฎี แต่ทางปฏิบัติก็เป็นไปตามความสามารถอีกที แม้แต่นักก๊ฬาก็ยังเก่งกันคนละอย่างเลย ใช่ไหมครับ จะให้นักยกน้ำหนักไปวิ่งแข่งคงไม่ไหว ทั้งๆที่รู้วิธี (ทฤษฎี) ใช่ไหมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท