"การที่พวกเรานักเรียนรู้ทั้งหลายก้มหน้าก้มตา เรียน ทำงาน ท่องไปในโลกกว้างไปพบปะกับผู้คนมากมาย" สิ่งเหล่านี้เราทำไปเพื่อค้นหาอะไร เป็นคำถามที่ผมฟังแล้วหาคำตอบยากมากครับ ... แต่ก็มีคนตอบให้ผมแล้ว..คำตอบคือ"เพื่อค้นหาตัวเอง" ครับ (ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าไม่แน่ใจ)
การเรียนรู้ , การศึกษา, การตรวจสอบ (ตัวเอง), การเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกันกับความรู้, การเฝ้าสังเกตติดตามพูดคุยกับตัวเองบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการพัฒนาตัวเองของมนุษย์เราธรรมดานี้เอง
เมื่อเราสามารถล่วงรู้ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราแล้ว "เราก็จะนิ่ง" เมื่อนิ่งก็จะมีสติ เมื่อมีสติ ก็ใช้ความมีสติค้นหาความจริงของสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัว เพื่อทำความเข้าใจกับสภาวความจริงของธรรมชาตินั้น ๆ
การที่เราได้เรียนและรู้ยิ่งมากก็ยิ่งเข้าใจสรรพสิ่งทั้งหลาย ระดับจิตของเราก็จะพัฒนาสูงขึ้นและค่อย ๆ เกิดปัญญาในที่สุด ครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์ศิริพงษ์ ครับ
แน่นอนในการที่คนเราจะทำอะไรนั้นก่อนอื่นเราต้องรู้ตัวเองก่อน
ประมาณต่อมาเมื่อเราจะไปทำงานร่วมกับใคร หรืออยู่กับใครเราก็ต้องเรียนรู้คนอื่นด้วยเพื่อที่จะเราจะทำงานได้สำเร็จ
เสมือนกับสุภาษิตของ ซุนวู ครับที่บอกว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ขอบคุณครับ
เขาเรียกว่าคนเหนือโลกครับ
คนที่เก่งกว่าขงเบ้ง ยังมี ซุยเป๋ง ศิษย์ร่วมสำนัก แต่ไม่ยอมร่วมทำงานกับเล่าปี่ โดยบอกว่า "การจะกู้บัลลังก์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เดี๋ยวก็ดับไป (ตถตา) มีอยู่ให้เห็นมาตลอดในประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล เราขอใช้ชีวิตตามอัตภาพของเราเถอะ ขออภัยที่ไม่สะดวกจะเข้าร่วมขบวนกับท่าน" ผมจึงนับถือซุยเป๋งมากพอๆกับขงเบ้ง และสุมาอี้
แต่ละคนมียุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน ใช้ข้ามต่างมาตรฐานไม่ได้ เราจะต้องเคารพในชีวิตของเขา แต่ทำงานร่วมกับคนที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับเราโดยไม่ไปรังเกียจใครให้เกิดแรงงต้านให้เสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์
ลองอ่านสามก๊กสัก๓รอบแล้วจะติดใจ คำถามข้างต้นจะเป็นเรื่องง่ายไปหมดเลยครับ โดยเฉพาะในทางทฤษฎี แต่ทางปฏิบัติก็เป็นไปตามความสามารถอีกที แม้แต่นักก๊ฬาก็ยังเก่งกันคนละอย่างเลย ใช่ไหมครับ จะให้นักยกน้ำหนักไปวิ่งแข่งคงไม่ไหว ทั้งๆที่รู้วิธี (ทฤษฎี) ใช่ไหมครับ