ปฐมบทก่อนการตัดสินใจที่จะปลูกลำไย


ยุ้ยมาถึงทางแยกของชีวิตแล้ว.... จะทำอย่างไรดี ถ้าต้องการให้แม่เก็บที่ดินไว้ ยุ้ยต้องออกมาช่วยเป็นแรงงานแม่ และจะไม่ได้เรียนหนังสือ ม.4 ต่อ มันยากที่ยุ้ยจะทำใจได้ ถึงจะเรียนหนังสือไม่เก่งเหมือนพี่น้อง.....แต่ยุ้ยยังอยากเรียนต่อ

ลำไย : ชุมชนคนสนใจเรื่องลำไย ถามตอบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

https://www.facebook.com/groups/www.longankipqew/

หรือ

http://www.gotoknow.org/dashboard/home/#/posts/545415/edit

สาวน้อยใจดี นู๋ยุ้ยแก้มตุ่ย

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000397078840

.

บทที่ 1 ปฐมบทก่อนการตัดสินใจที่จะปลูกลำไย

               หนูชื่อยุ้ยค่ะ เป็นลูกคนสุดท้อง อาศัยอยู่กับพ่อ และแม่ หนูมีพี่สาว 1  คน ซึ่งปัจจุบัน แต่งงานแล้ว และย้ายไปอยู่กับครอบครัวของเขา  ส่วนพี่ชายอีก 1 คนออกไปเรียนหนังสือ และทำงานนอกบ้านหลายปีแล้ว ดังนั้นหนูเลยต้องอาศัยอยู่กับพ่อ และแม่ รวม 3 คน...ค่ะ

               เท่าที่รู้ เมื่อก่อนปู่ ย่า ตา ยาย ของหนู มีที่ดินมากมาย แต่เนื่องจากญาติๆ ของพี่น้องทั้งพ่อ และแม่ ติดหนี้สินการพนัน  จึงจำเป็นต้องขายที่ดินเหล่านั้นจนหมดสิ้นไป  

               ในช่วงเวลานั้น บ้านของเรายังมีรายได้ดีมาก  อ้อ.. ลืมบอกไป แถวๆ บ้านของเรามีอาชีพเกี่ยวกับการทำไม้ และเฟอร์นิเจอร์...ค่ะ  ที่บ้านยุ้ยทำเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน โดยใช้วัสดุจากเศษไม้ รากไม้ พ่อมีฝีมือในการทำเครื่องเรือนจากไม้ธรรมชาติมาก แม่ช่วยทาแลคเกอร์ บ้านเรามีรายได้ดี แม่มีเงินเก็บเยอะ เรามีกินมีใช้ไม่ลำบากเลย 

               จนกระทั้งอุตสาหกรรมไม้ในท้องถิ่นของเราเริ่มซบเซา และพี่สาวจะแต่งงาน พ่อแม่ซึ่งตอนนี้ไม่ค่อยมีเงินมากแล้ว  จึงต้องขายบ้านในตลาด นำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อที่ดินบนภูเขา 2 งาน และปลูกบ้านใหม่หลังเล็กๆ  เพื่ออยู่เองพร้อมทั้งยกที่ดิน 1 งาน และออกเงินให้พี่สาวสร้างบ้าน 1 หลัง รวมไปถึงเงินค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงาน พร้อมเงินเริ่มต้นทำธุรกิจสำหรับเริ่มต้นชีวิตของพี่สาว 

              พี่สาวจะรู้หรือไม่ว่า หลังวันแต่งงานแม่นั่งน้ำตาซึม ทานกับยุ้ยด้วยปลาทูเพียงตัวเดียวแบ่งกันกิน  ที่บ้านเรายากจนลงมาก ในหมู่บ้านของเราหลายครอบครัวทำอาชีพเสริมที่ไม่ถูกกฎหมาย  หลายครั้งก็มีคนมาชักชวนให้ที่บ้านทำด้วย  เขาเหล่านั้นหลายคนร่ำรวยอย่างรวดเร็ว แต่มีหลายคนโดนจับไปติดคุก  หลายคนถูกยิงตายในช่วงเวลาที่รัฐบาลสั่งให้จับตาย

              ที่บ้านของเราไม่ทำสิ่งเหล่านั้น จึงไม่มีใครต้องตาย แต่เราก็ไม่ค่อยมีเงินสำหรับใช้จ่ายในครอบครัว  พ่อจึงตัดสินใจออกไปขายแรงงานรับจ้างเป็นกรรมกร อยู่ตามไซค์งานในจังหวัดต่างๆ  ซึงก็แล้วแต่นายจ้างจะพาไป ปีหนึ่งๆจะกลับมาบ้านเพียงครั้ง หรือสองครั้ง เมื่อพอมีเงินเก็บ ก็จะกลับบ้าน นำเงินเก็บไว้ให้แม่ และอยู่ที่บ้านจนกว่าเงินใกล้จะหมดจึงจะเริ่มออกไปทำงานใหม่

              แม่ไปกู้เงินสหกรณ์มาเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านตลอดหนึ่งปี ส่วนหนึ่งเอาไปเป็นทุนในการปลูกข้าวโพด ยุ้ยจึงต้องไปช่วยแม่ปลูกข้าวโพดมาตั้งแต่เป็นยังเด็กๆ  จึงชินกับการทำไร่ข้าวโพด และไม่เคยกลัวแดด ตรงกันข้ามกับพี่สาว และพี่ชาย ซึ่งรักสวย รักงามกันทั้งคู่  ต่างคนต่างออกไปประกอบอาชีพตามเส้นทางของตนเอง  ไม่มาช่วยแม่ทำไร่ข้าวโพดเลย แต่เราก็พอมี พอกินเล็กๆ น้อยๆ

              เมื่อประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้ากับอาเซียน ทำให้ข้าวโพดจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาขายในประเทศไทยได้ ทำให้ราคารับซื้อข้าวโพดตกต่ำลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านเราก็ย่ำแย่กว่าเดิม 

              ส่วนพี่สาวเมื่อขาดเงินในการทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ ก็มาให้พ่อกู้เงินกองทุนของพ่อให้ เพื่อนำไปทำทุนต่อ แต่ไม่ค่อยได้ส่งเงินคืนให้กองทุน จนกองทุนมีจดหมายมาทวงเงินพ่อถึงบ้าน จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ใช้คืน ปัจจุบันพี่สาวต้องเดินทางไปต่างจังหวัดร่วมกับพี่เขย โดยจำเป็นต้องให้หลานสาวสองคนให้แม่ช่วยดูแล โดยส่งเงินค่าใช้จ่ายมาให้แม่สัปดาห์ละครั้ง พร้อมทั้งฝากเงินให้พ่อไว้ใช้จ่ายบ้างเล็กๆ น้อยๆ แม่ก็ได้อาศัยทานอยู่กับหลานๆ

             พี่ชายคนกลาง จะโทรศัพท์มาขอเงินตลอด อ้างว่าต้องใช้สำหรับเรียนหนังสือ และยังขอเงินซื้อมอเตอร์ไซค์คันใหม่อีก โดยแม่ต้องหาเงินช่วยผ่อนตลอด แม่ต้องไปกู้เงินมาส่งให้พี่ชายเรียน และผ่อนค่ารถมอเตอร์ไซค์ พร้อมทั้งค่ากินอยู่อื่นๆ พี่ชายจึงออกไปทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสริฟในร้านพิสซ่า และยังดีที่ส่งเงินบ้างส่วนมาให้แม่ แต่ถ้าเป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ก็ยังคงขอให้แม่ส่งเงินให้ตลอดเวลา

              แม่หวังในตัวพี่ชายคนกลางเสมอ  แม่คิดว่าอีกสองปี พี่ชายก็จะเรียนจบปริญาตรีในมหาวิทยาลัยแล้ว และจะได้มีงาน มีเงินมาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านดีขึ้น  

              แต่ในความเป็นจริง พี่ชายโกหกพ่อ และแม่มาตลอดเวลา  เขาเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบเที่ยว จึงเรียนจบเพียง ปวช. เมื่อเรียนต่อ ปวส. ก็ยังไม่จบอีก แต่เมื่อครบ 2 ปี  ก็หลอกแม่ว่าจะไปเรียนต่อปริญาตรีในมหาลัย  ทั้งที่ความเป็นจริง เป็นการย้ายไปเรียนเริ่มต้นปี 1 ใหม่  

             พี่ชายเป็นคนติดเพื่อน และชอบเที่ยวกลางคืนมาก เงินรายได้พิเศษที่ได้มาก็หมดไป กับสิ่งเหล่านั้น ทำให้ตื่นสายไม่ได้ไปเรียนบ่อยมาก คะแนนสอบไม่ถึงเกณฑ์จึงโดนมหาลัยให้ออก  ซึ่งพ่อ และแม่มารู้ตอนหลังว่าพี่ชายเรียนไม่จบ

             พี่สาว และพี่ชาย รวมถึงญาติๆ คนอื่นๆ สนับสนุนให้แม่ขายที่ดินซึ่งใช้ในการปลูกข้าวโพด เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายให้กับทุกๆ คน แม่เริ่มลังเลใจว่าจะขายหรือไม่ ช่วงนั้นมีเถ้าแก่ลานมัน และนายหน้าหลายคนมาติดต่อแนะนำการขาย แต่ยุ้ยบอกแม่ว่าอย่าเพิ่งขายเลย แม่บอกว่าถ้าไม่ขาย ยุ้ยคงไม่ได้เรียนหนังสือ และต้องออกมาช่วยแม่ทำไร่ข้าวโพด

             ยุ้ยมาถึงทางแยกของชีวิตแล้ว.... จะทำอย่างไรดี ถ้าต้องการให้แม่เก็บที่ดินไว้  ยุ้ยต้องออกมาช่วยเป็นแรงงานแม่ และจะไม่ได้เรียนหนังสือ ม.4 ต่อ  มันยากที่ยุ้ยจะทำใจได้  ถึงจะเรียนหนังสือไม่เก่งเหมือนพี่น้อง.....แต่ยุ้ยยังอยากเรียนต่อ

            ถ้าแม่ขายที่ดินผืนนี้ไป  พี่สาว พี่ชาย และญาติๆ ก็คงมาหยิบยืมเงิน จนในที่สุดเราก็คงไม่เหลืออะไรอีกอยู่ดี

            ยุ้ยจะทำอย่างไรดี........... ???????????

            สิ่งที่บ้านยุ้ยเหลืออยู่ คือที่ดินแปลงสุดท้ายเพียง......แปลงเดียว

            ต้องปลูกไม้ผล...สิ เผื่อชีวิตครอบครัวของเรา..จะดีขึ้น

            สรุป...หากคุณคิดจะทำบางสิ่งบางอย่าง (อาจจะปลูกลำไย) แสดงว่าคุณต้องมีเหตุผล หรือความจำเป็นบางอย่างที่จำเป็นก่อน  จึงเกิดแรงจูงใจอย่างมากที่สุดให้.....ต้องทำ

(ความทรงจำเมื่อ สิงหาคม 2550)

หมายเลขบันทึก: 505473เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2012 11:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2014 15:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สุดยอดเลยน้อง พี่เป็นกำลังใจให้ สักวันต้องได้ดี สู้สู้ครับ

ขอบคุณ คุณวิศวกร ยังไม่เคยเขียนบันทึกสักบทเลย...นะคะ 

เล่าเรื่องเริ่มต้น เมื่อต้องมารับผิดชอบสวนเกษตร ก็ได้ อยากฟังค่ะ

สู้ๆครับ น้องยุ้ย เป็นกำลังใจให้



จากวิศวกร..กลายเป็นชาวสวน

น้องยุ้ย พี่อ่านประวัติน้องแล้วชอบ พี่เป็นคน กทม. เรียนจบวิศวะ ทำงานมา 15 ปี เปิด บริษัท ตัวเอง พอดีได้แฟนเป็นคนตราด แล้วพ่อแม่แฟนแก่มากแล้ว 80 up เลยต้องมาดูแลท่าน เริ่มมาอยู่ประมาณ 1 เดือนแล้วที่บ้านแฟนมีพี่น้อง 3 คน แฟนพี่เป็นคนเล็ก พ่อแฟนเริ่มแบ่งที่ต่างๆ ว่าให้ใคร ( แต่ไม่มีใครยอมกลับมา ) ที่บ้านสวนใหญ่เป็นสวนยาง มีผลไม้ที่อยู่ในสวนยางบ้าง พวก ทุเรียน มังคุด เงาะ สวนที่แฟนได้เป็นสวนยาง 22 ไร่ พ่อเพิ่งตัดต้นยางไป 

การที่ตัดสินในกลับมาครั้งนี้ ปัญหาเยอะมาก บางครั้งก็ท้อ ( เรื่องงานหนักเราไม่กลัวแต่เรื่องที่พ่อแม่ไม่เข้าใจเรา นั้นเหนื่อย ) ตอนนี้กำลังเตรียมปลูกยาง ( ต้องรออีก  7 ปี จึงจะเริ่มได้เงิน โคตรนานเลย ) เลยต้องหาพืชที่ปลูกระยะสั้น ได้เงินเร็ว ใช้พื้นที่ไม่มาก เลยออกมาที่ เมล่อน เพราะใช้พื้นที่เริ่มต้นแค่ 1 งาน แต่ต้องลงทุนทำโรงเรือน กำลังจะข้นไปฝึกงงานที่คนเขาปลูกเป็นมืออาชีพ ที่ มหาสารคาม เขาอยู่ เจียไต๋มา 10 ปี และมีความรู้มาก ไม่หวงความรู้ เลยมุ่งมาที่เมล่อนเพราะอายุเก็บเกี่ยว 65-90 วันแล้วแต่พันธ์ 

หลังจากที่ไปเรียนรู้การปลูกและเริ่มสร้างโรงเรือนและทำการปลูกคงจะเริ่มเขียน บทความบ้าง

ปล.พี่เป็นเพื่อนกะยุ้ย ทาง FB ด้วยนะ 

   มาเยี่ยมสวนลำใยสาวน้อยใจดีค่ะ

พี่วิศวกร ปลูกได้ผล ได้ความรู้อย่างไร ก็นำมาเขียนเลยค่ะ คนอื่นจะได้ศึกษาไปด้วย 

ขอบคุณครูทิพย์ ค่ะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท