สนามบินสุโขทัย ไม่ใช่แค่สนามบิน


     เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(29 กันยายน 2555) ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่มชมสนามบินสุโขทัย พูดได้เต็มปากว่าประทับใจครับ แต่ไม่ใช่ประทับใจในการใช้บริการการบินนะครับ แต่ประทับใจในการบริหารจัดการของที่นี่ ได้ทราบจากไกด์ที่แนะนำว่า บริเวณพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ของสนามบินนี้ ถูกจัดให้มีการทำเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจร มีทั้งไร่ นา สวนผสม ผลผลิตของที่นี่ นอกจากจะพอเลี่ยงคนงานแล้ว ยังสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังที่อื่น ๆ ได้อีกด้วย

     ที่นี่มีนาข้าวหลายร้อยไร่ ที่เป็นข้าวที่ทำการทดลองผสมพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง เช่น พันธุ์ข้าวหอมสนามบิน(หาซื้อได้ที่ศูนย์จำหน่ายครับ) แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือการนำแหนแดง(ในภาพ) มาใช้ในการเพิ่มผลผลิต "ครูแดง" เคยสอนวิทยาศาสตร์นักเรียนชั้น ม.3 เมื่อสมัยหลักสูตรเก่าหลายปีมาแล้ว ว่า แหนแดง สามารถตรึงไนโตรเจนในน้ำ เพื่อให้ข้าวสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ แต่ก็ไม่เคยเห็นมีใครที่ไหนนำไปใช้จริง ๆ ส่วนใหญ่จะใช้ปุ๋ย และยาฆ่าแมลงที่เป็นสารเคมี จนเดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่า ชาวนา ไม่กินข้าวที่ตัวเองปลูกขายกันแล้ว เพราะรู้ตัวเองดีว่า ใส่อะไรลงไปบ้างเพื่อให้ข้าวโตเร็วทันใจขายได้ราคา ...กรรมของคนกิน

   นอกจากนั้นยังมีการเก็บรวบรวมอุปกรณ์ต่าง ที่เกี่ยวข้องกับการทำนาในสมัยก่อน ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ต้องขอขอบพระคุณ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (ที่คนงานทุกคนที่นี่กล่าวถึงท่านด้วยความชื่นชม และเรียกท่านว่า "คุณหมอ" )ที่ได้มีแนวความคิด ดี ๆ ที่จะอนุรักษ์สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาหาความรู้กันครับ

    อย่างที่บอกครับ ว่าที่นี่ ใช้พื้นที่คุ้มจริง ๆ บริเวณที่ยังไม่ได้ทำอะไร ก็ปลูกกล้วยไปก่อน พอกล้วยออกมามาก ๆ เข้า กินกันภายในโครงการไม่ทัน ก็แปรรูปเป็นกล้วยตาก แต่ถ้าจะเป็นแค่กล้วยตากธรรมดา ก็ดูจะเรียบ ๆ เกินไป เลยต้องใช้ตู้อบพลังแสงอาทิตย์ เพื่อจะได้รับรองเรื่องความสะอาดได้

   ในนาข้าวแปลงใดที่เก็บเกี่ยวแล้ว ก็จะปล่อยให้ฝูงเป็ดลงไปหาอาหาร ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วย รวงข้าวที่หล่น และกุ้ง หอย ปู ปลา เลี้ยงกันแบบเป็ดไล่ทุ่งจริง ๆ ครับ วันนั้น "ครูแดง" เห็นเป็ดสนุกสนานกันอยู่เต็มทุ่งนา เก็บไข่มากินไม่ทัน เลยต้องนำมาทำเป็น ไข่เค็มออร์แกนิค เพิ่มรายได้เข้าไปอีก

   แต่ถ้าจะให้ประทับใจจริง ๆ ต้องนี่เลยครับ ข้าวที่ปลูกที่นี่ เก็บเกี่ยวแล้ว มีโรงสีขนาดเล็ก สีข้าวกันในโครงการนี่เลย หลังจากได้เป็นข้าวกล้อง และข้าวซ้อมมือแล้ว ข้าวสารที่นี่ นำมาคัดเลือกด้วยมือ ทีละเม็ด ๆ เม็ดไหนฝ่อ เม็ดไหนลีบ เม็ดไหนหัก คัดออกไป (เอาไปเลี้ยงเป็ด) แอบทราบมาว่า นั่งคัดกันอย่างนี้ ได้ค่าแรงวันละ 200 บาทครับ แต่กิน-อยู่ในโครงการ

   เรียบร้อยแล้ว นำไปผ่านกระบวนการบรรจุถุงด้วยระบบสุญญากาศ เห็นราคาแล้วดูจะแพงกว่าข้าวบรรจุถุงทั่วไป แต่ถ้าเห็นกระบวนการแล้ว ก็ต้องยอมครับ เพราะของเขาคัดคุณภาพจริง ๆ ทำให้นึกถึงเพลง....เปิบข้าว ทุกคราวคำ จงสูจำ เป็นอาจิณ  เหงื่อกู ที่สูกิน จึงก่อเกิด มาเป็นคน....

   ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ที่นี่น่าจะเป็นแหล่งอนุรักษ์ควายเผือกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย...ไม่ยืนยันนะครับ "ครูแดง" ยังไม่เคยเห็นฝูงควายเผือกที่ไหน มากมายขนาดนี้ ไกด์นำเที่ยวบอกว่า คุณหมอ ไถ่ชีวิตความพวกนี้มา แล้วนำมาเลี้ยงรวมกัน ตอนเช้าก็จะต้อนให้ว่ายน้ำ ไปกินหญ้าฝั่งนู้น ตอนเย็นก็ว่ายน้ำข้ามกลับมานอน...ชีวิตน่าอิจฉาจัง แต่ยังไม่อยากเป็นควายนะครับ เป็นคนอย่างนี้แหละ ดีแล้ว  แล้วก็ไม่อยากได้ยินคนด่ากันว่า...ไอ้ควาย...เลย ถ้าควายฟังรู้เรื่อง มันจะคิดยังไง

   เที่ยวมาจนเหนื่อยแล้ว แวะที่ร้านอาหารข้างสนามบินดีกว่าครับ โต๊ะไม้ ใหญ่โต มโหฬารจริง ๆ น่าจะติดป้ายว่า ห้ามเคลื่อนย้าย...ถึงไม่ติดก็คงย้ายไม่ไหวครับ บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย อาหารราคาไม่แพงอย่างที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าลืมชิม ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยสูตร สุโขทัย นะครับ ..."ครูแดง"ชวนชิม

คำสำคัญ (Tags): #เกษตรอินทรีย์
หมายเลขบันทึก: 504101เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2012 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 ตุลาคม 2012 22:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

 

 

เมื่อได้อย่างหนึ่งมา .... อีกหนึ่ง...ถึง 2 อย่าง...อาจจะเสียไปนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท