ทว่านอกจากงานเขียน มายายังทำอาชีพต่างๆมาเเล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักเต้น นักเเสดง นักเเต่งเพลง ผู้กำกับ บรรณาธิการ นักเขียนบทละคร อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ฯลฯ หนำซ้ำชีวิตเเต่ละตอนก็เเสนจะเข้มข้นจนยากจะจินตนาการว่าผู้หญิงคนหนึ่งผ่านเรื่องราวทั้งหมดนี้ในชั่วชีวิตเดียวได้อย่างไร
มายา เเอนเจลู เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ.1928 ที่รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา เธอมีชื่อเดิมว่า มาร์เกอรีต เเอนน์ จอห์นสัน (Marguerite Ann Johnson) พ่อเเม่ของมายาหย่ากันตั้งแต่เธออายุได้เพียงสามขวบ เธอเเละพี่ชายจึงถูกส่งให้ไปอยู่กับปู่และย่าที่รัฐอาร์คันซอ พี่ชายมีอายุมากกว่าเธอเพียงปีเดียวทั้งคู่จึงสนิทกันมาก
สี่ปีต่อมาเมื่อแม่ของเธอเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวได้ จึงรับลูกทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นมายาเพิ่งอายุได้เพียงเจ็ดขวบ ทว่าแทนที่ชีวิตจะดีขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยกลับถูกเพื่อนชายของแม่ข่มขืน มายาไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังยกเว้นพี่ชาย และพี่ที่รักน้องก็นำเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ่
ในยุคนั้นสหรัฐอเมริกามีปัญหาการแบ่งแยกสีผิวรุนแรงกว่าสมัยนี้หลายเท่า แม้แต่กฏหมายก็ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาอย่างที่ควรจะเป็น คนที่ทำร้ายมายาจึงได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ทว่าอีกสี่วันถัดมา เขาก็ตายเพราะถูกประชาทัณฑ์ และเป็นที่เข้าใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือลุงของเธอเอง
เหตุการณ์นี้ทำให้มายาเชื่อว่า คำพูดของเธอฆ่าคนได้ ผู้ชายคนนั้นตายเพราะเธอเอ่ยชื่อของเขา เธอจึงไม่ย่อมพูดและกักขังตัวเองอยู่ในโลกเงียบเพียงลำพัง
มายาและพี่ชายถูกส่งกลับไปอยู่กับปู่และย่าอีกครั้ง ต่อมาเธอได้รับความช่วยเหลือจาก เบอร์ทา ฟลาวเวอร์ส ครูและเพื่อนบ้านผู้อารี เบอร์ทาแนะนำให้มายาอ่านหนังสือ เธอจึงได้รู้จัก เชคสเปียร์, ชาร์ลส์ ดิคเกนส์ , เอ็ดการ์ อัลลัน โป ตลอดจนนักเขียนสตรีผิวสีอีกนับไม่ถ้วนผ่านหน้ากระดาษ ประสบการณ์ที่ได้จากการอ่านวรรณกรรมดีๆทำให้เด็กหญิงเริ่มตระหนักถึงอำนาจของถ้วยคำที่แท้จริง ที่สามารถช่วยเยียวยาและปลุกปลอบจิตใจของมนุษย์ หาใช่การเข่นฆ่าแต่เพียงอย่างเดียว มายาจึงเริ่มพูดอีกครั้งเมื่อเธออายุ 13 ปี ไม่นานนักเด็กทั้งสองก็ย้ายกลับไปอยู่กับแม่ที่แซนแฟรนซิสโกถึงตอนนั้นมายาได้เปลี่ยนตัวเองเป็นเด็กกระตืนรืนร้นและกล้าแสดงออก เธอได้รับทุนการศึกษาให้เรียนด้านการเต้นรำและภาพยนตร์ในระดับมัธยมปลาย และเริ่มสาใจการเมืองตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ดี เธอพักการเรียนตอนอายุ 17 เพื่อทำงานขับรถรางของเมืองแซนแฟรนซิสโกมายาเป็นพนักงานขับรถรางที่เป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกของประเทศ
หนึ่งปีถัดมา มายากับมาเรียนต่อและสามารถผ่านการสอบเทียบระดับมัธยมปลายได้ ทว่าไม่กี่สัปดาห์ถัดมาเธอก็คลอดลูกชาย หลังจากนั้นก็ตัดสินใจออกจากบ้าน เธอหาเลี้ยงตัวเองและลูกชายด้วยการเป็นแม่ครัวและพนักงานเสิร์ฟ ทว่ายังไม่ละทิ้งความฝันที่จะทำงานในวงการบันเทิง
ตอนอายุ 24 ปี มายาแต่งงานกับกะลาสีเรือชาวกรีกและเริ่มทำงานเป็นนักร้องในไนท์คลับ โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า '' มายา แอนเจลู'' ชื่อมายามาจากชื่อที่พี่ชายชอบเรียกและแอนเจลูมาจากนามสกุลของสามี ซึ่งเป็นสิ่งเดียวจากเขาที่เธอเก็บไว้ เพราะไม่นานทั้งคู่ก็หย่ากันหลังจากนั้นมายาเริ่มมีชื่อเสียงจากการร้องเพลง เธอมีโอกาสแสดงโชว์ในรายการโทรทัศน์ และเมื่อถึงปี ค.ศ. 1957 เธอก็ออกอัลบั้มเพลงชุดแรกคือ คาลิปโซ (Calypso)
ช่วงต้นทศวรรษ 1960 มายารวมกลุ่มกับศิลปินและนักเขียนผิวสีรุ่นใหม่ในนิวยอร์กเพื่อเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีผ่านงานศิลปะ เธอเริ่มเขียนบทและแสดงในละครเวทีหลายเรื่อง
ต่อมามายาก็ตกหลุมรักนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุยษชนชาวแอฟริกัน และได้ย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ที่นั่นเธอทำงานเป็นบรรณาธิการของ The Arab Observer หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ภาคภาษาอังกฤษฉบับเดียวในตะวันออกกลาง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หย่าและพาลูกชายย้ายไปอยู่ที่ประเทศกานา มายาทำงานเป็นครู University of Ghana's School of Music and Drama เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และเขียนบทความประจำลงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ระหว่างที่ใช้ชีวิตในต่างแดนแม้จะมีภาระหน้าที่มากมาย แต่มายายังสามารถหาเวลาอ่านหนังสือและเรียนภาษาจนสามารถพูดได้ทั้งภาษาฝรั่งเศส สเปน อิตาลี อารบิก และฟานติ (Fanti) ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของชาวแอฟริกันตะวันตก และที่กานานี่เองที่เธอได้พบกับ มัลคอล์ม เอกซ์ (Malcom X) นักการเมืองเชื้อสายแอฟริกันผู้ต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนของคนผิวสิ มายาชื่นชมความคิดของมัลคอล์ม เอกซ์ มาก และตัดสินใจเดินทางกลับสหรัฐฯในปี ค.ศ. 1964 เพื่อช่วยเขาก่อตั้งองค์กรเพื่อความเป็นเอกภาพของชาวอเมริกันผิวสี
อย่างไรก็ดี หลังจากที่มายากลับถึงแผ่นดินเกิดได้เพียงไม่กี่วัน มัลคอล์ม เอกซ์ ก็ถูกลอบสังหาร เธอจึงหันไปผลิตรายการโทรทัศน์และยังคงมีบทบาทในการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง มายาเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทของ ดอกเตอร์มาร์ติน ลูเธอร์คิง ผู้นำคนสำคัญในการต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว แต่แล้วในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1968 ซึ่งตรงกับวันเกิดปีที่ 40 ของเธอ มาร์ติน ลูเธอร์คิง ก็ถูกลอบสังหาร ความสะเทือนใจในการจากไปของคิงเป็นแรงขับที่ทำให้มายาลงมือเขียนหนังสือเล่มแรกคือเรื่อง I Know Why the Caged Birb Sings งานชิ้นนี้เป็นอัตชีวประวัติที่มีสไตล์แปลกใหม่สำหรับยุคนั้น คือมีการวิจารณ์ตัวเอง มีการตีความ และใช้บทพูดคล้ายการดำเนินเรื่องใน นวนิยาย นับได้ว่าเป็นอัตชีวประวัติเริ่มแรกที่มีผู้หญิงผิวสีเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องว่าเล่าถึงการแบ่งแยกสีผิวอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ ไม่ใช่การใช้พื้นที่วรรณกรรมเพื่อหาตัวคนผิด ไม่แม้แต่จะแสดงความเจ็บช้ำ มายาเล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนว่า นกในกรงร้องเพลงไม่ใช้เพราะมันมีคำตอบ แต่เพราะมีเพลงที่อยากร้องต่างหาก
มายาแต่งงานครั้งที่สามในปี ค.ศ. 1973 แต่ก็หย่าในอีกแปดปีต่อมา เธออาจไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสมรส แต่ในความเป็นแม่เรื่องงาน และการทำเพื่อสังคม เธอประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ มายาสนิทกับลูกชายมาก งานเขียนของเธอเป็นงานเขียนชั้นดีที่ขายได้มายาเคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลด้านการแสดงทั้งจากบทบาทในละครเวทีและละครโทรทัศน์ ส่วนอัลบั้มบันทึกเสียงอ่านบทกวีของเธอก็คว้ารางวัลแกรมมี่มาได้ถึง 3 รางวัล เธอยังป็นผู้กำกับหญิงเชื้อสายแอฟริกันคนแรกจากการกำกับภาพยนตร์เรื่อง Down in the Delta ในปี 1998 (ขณะอายุ 70 ปี) และได้รับดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยต่างๆกว่า 30 แห่ง
มายา แอนเจลู เป็นไอดอลของผู้หญิง คนผิวสี และคนอีกนับล้านที่นิยมความกล้าหาญรวมทั้งชื่นชมในผลงานของเธอ แม้จะสูงวัยมากแล้ว แต่เธอก็ยอมรับอย่างสดใสยังมีอีกหลายสิ่งที่เธอไม่รู้และยินดีที่จะเรียนรู้ ส่วนหลายๆสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เรียนรู้แล้ว อย่างเช่น
'' การทำงานหาเลี้ยงชีวิตเป็นคนละเรื่องกับการสร้างชีวิต ''
'' เราไม่สามารถสวมถุงมือเบสบอลที่มือทั้งสองข้างเพื่อคว้าทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา บ่อยครั้งเราต้องโยนบางอย่างทิ้งไว้ข้างหลัง''
'' เมื่อตัดสินด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เราจะสามารถเลือกทางที่ถูกต้อง''
'' ผู้คนมักจะลืมสิ่งที่เราพูด ลืมสิ่งที่เราทำ แต่จะไม่ลืมความรู้สึก ที่เราเป็นคนสร้างขึ้นเป็นอันขาด...''
มายาบอกว่า เรื่องพวกนี้ใครๆก็เรียนรู้ได้แม้ไม่ต้องมีชีวิตที่จัดหนักเหมือนเธอ
secret Box
I can be changed by what happens to me, but I refused to by it.
''แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ฉันเปลี่ยนไป แต่คุณค่าในตัวฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง''
อ้างอิง
จากหนังสือ Secrrt of Life ของ Admirble One
มายา แอนเจลู... มายาบันดาลใจ หน้า 46-47
Thanks for your sharing.