ไปคุมสอบวิชาพื้นฐานมา 2 วัน วิชาแรกเป็น Introductory biology ผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นนิสิตปี 1 และปี 2 ของคณะวิทยาศาสตร์ ผู้สอบกว่า 400 คน วิชาที่สอบ เป็น Cell & Molecular Biology มีผู้เข้าสอบเกือบ 700 คน เป็นนิสิตปีที่1 สายวิทยาศาสตร์สุขภาพ ผมมีมุมมองเกี่ยวกับการสอบดังนี้
ในด้านกรรมการคุมสอบ
ในด้านนิสิตที่เข้าสอบ
เวลาผ่านมา 20 ปี กิจกรรมการสอบก็ทำเหมือน ๆ เดิมไม่มีอะไรใหม่ ความรู้ด้านสาระของนิสิตลดลงไปเรื่อย ๆ นะครับ แค่ปริญญาตรีไม่พอแล้วสำหรับยุคนี้ นิสิตต้องขวนขวายในการศึกษาให้มาก ระบบการสอนควรต้องเป็นแบบ 2 ทาง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน เวลาวัดผลถ้าเป็นไปได้ คำตอบไม่มีถูกผิด แต่เน้นที่วิธีการคิด............... ถ้าทำอย่างนี้ได้ สังคมไทย จะกลายเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้..ครับ
อาจารย์ค่ะ,
จากการประชุมนักวิจัยรุ่นใหม่ พบเมธีวิจัยอาวุโส ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เมื่อเดือนที่แล้ว มีท่านอาจารย์จากมหิดล เสนอว่า การประเมินผลนักศึกษา ควรจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นการออกไปสู่ชุมชน (ถ้าเป็นสาขาวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับชุมชน เช่น ชีววิทยา เคมี วิศวะ ฯลฯ) แล้วให้นักศึกษาเหล่านี้ ซึ่งคงต้องเป็นปี 3 ปี 4 ตอบคำถามของชาวบ้าน หากตอบไม่ได้ ก็ไม่ผ่าน เพราะการศึกษาสมัยนี้ทำให้คนเมืองห่างออกจากคนชนบท อย่างไม่ได้ตั้งใจ บางสิ่งที่ร่ำเรียนอย่างหนัก ก็ไม่ทำให้นักศึกษาเห็นว่าจะเอาไปใช้จริงได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม อ.วิจารณ์ ได้เสนอว่า น่าจะใช้วิธีนี้กับ คณะอาจารย์ด้วย
ครูบาสุทธินันท์ ปราชญ์ชาวบ้านบุรีรัมย์ เคยเล่าให้ฟังว่า นักเรียนเทคนิคบุรีรัมย์ เขาจะออกไปฝึกงานในชุมชน แบกเครื่องไม้เครื่องมือไปเคาะประตูบ้านทุกบ้าน แล้วถามชาวบ้านว่าใครมีอะไรให้พวกเขาซ่อมบ้าง ทำอย่างนี้ก็เท่ากับเป็นการตอบแทนสังคมด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าการฝึกงานในบริษัทเอกชนจะไม่จำเป็นนะคะ คงจะอยู่ที่ความสมดุลย์มากกว่า