5. ค่าธรรมเนียม และรอสัมภาษณ์วีซ่า


ก่อนการเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ขอวีซ่า ผมต้องเตรียมเอกสารหลายอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือ

1. พาสปอร์ต ผมมี 3 เล่ม ก็เอาไปหมด

2. DS-160 ในส่วนที่เสร็จสิ้นกระบวนความแล้ว หรือ เอกสาร Confirmation เป็นไฟล์ของ Acrobat มีรูปถ่ายและบาร์โค้ด ทั้งนี้ต้อง print ให้ชัดเจน

3. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า 140 ดอลล่าร์ ซึ่งผมไปจ่ายที่ไปรษณีย์จังหวัด ก่อนการเดินทาง 1 วัน (หวังว่าค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นอีกหน่อย แต่ก็เท่าเดิม อิอิ)

4. รูปถ่ายขนาด 2 x 2 นิ้ว ขอย้ำนิ้วนะครับ ไม่ใช่ ซ.ม. และพื้นหลังสีขาวซึ่งผมก็ใช้ภาพที่ลูกสาวถายให้นั่นแหละ เพราะหล่อถูกใจ

เอกสารประกอบอื่นๆ ผมก็เตรียมไป ประมาทไม่ได้ สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ จัดไปให้หมด ผมแก่แล้วก็เลยไม่มากมายอะไร หากยังทำงานอยู่ก็ต้องมีเยอะมาก เช่น หนังสืออนุญาตไปต่างประเทศ คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หากแต่งงานแล้ว ก็ควรมีหนังสืออนุญาตจากคู่สมรสให้เดินทางไปต่างประเทศ หากมีบุตรกำลังศึกษา ก็ต้องหนังสือรับรองจากสถานศึกษาของบุตร ว่า บุตรเรียนชั้นอะไร ผลการเรียนเป็นอย่างไร ซึ่งเหล่านี้เป็นเอกสารให้ผู้สัมภาษณ์เชื่อว่า เราต้องกลับมา ไม่เป็นโรบินฮุ้ดแต่อย่างใด

ผมรับการสัมภาษณ์วันจันทร์ เวลา 08.30 น. ซึ่งจะต้องไปถึงสถานกงสุลก่อนเวลาอย่างน้อย 30 นาที

คืนวันอาทิตย์ผมใช้บริการ บขส. ตีตั๋วเด็ก ครึ่งราคา ฮ่า ฮ่า ไปถึงสถานีขนส่งอาเขตเช้ามืด มืดจริงๆ ต้องนั่งตบยุงรอให้สว่างเกือบ 3 ชั่วโมง ดีหน่อยที่มีเซเว่น ผมได้อาศัยซื้อน้ำยาฉีดไล่ยุง กับน้ำดื่มแก้กระหาย และมีแผงลอยขายพวกข้าวต้ม ก๊วยเต๋ยว แก้ท้องว่าง

ก่อนหกโมงเล็กน้อย ผมเริ่มเดินจากอาเขต มุ่งหน้าสู่เจดีย์ขาว แวะที่วัดเกตุการาม ขอใช้บริการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วเดินต่อ ข้ามสะพานแก้วนวรัฐ เลี้ยวขวาเลียบแม่น้ำปิง ผ่านสถานกงสุลอเมริกาไปก่อน เพื่อหาข้าวกินในสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่

กินข้าวอิ่มแล้ว เวลายังไม่ถึง 8.00 น. มองไปยังประตูเข้าสถานกงสุล มีผู้คนยืนบ้าง เดินเกร่ไปมาบ้าง ทั้งชาย หญิง เกือบ 10 คน เขายังไม่เปิดให้เข้าครับ

ผมก็เลยใช้บริการเก้าอี้ยาวของเทศบาลนครเชียงใหม่นั่งรอไปก่อน

ติดตามการสัมภาษณ์ในตอนต่อไปนะครับ

อุโบสถวัดเกตุการาม สวยมากครับ

บริเวณวัดมีพิพิธภัณฑ์ของวัดเป็นอาคารไม้เก่าแก่ล้ำค่า

บันทึกภาพนี้ ขณะเดินข้ามสะพานแก้วนวรัฐ ด้วย BB คู่ตัว เสียดายสายไฟระเกะระกะ น่าตัดทิ้งจริงเชียว

อาคารที่มองเห็นตระหง่านคือ สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ กำแพงสีขาวมีภาพเขียนคือ กำแพงของสถานกงสุลอเมริกาฯ ประจำเชียงใหม่

หมายเลขบันทึก: 502046เขียนเมื่อ 12 กันยายน 2012 17:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2015 15:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอสอบถามครับ

ถ้ามีจะขอ Transit ที่ Detroit แล้วข้ามไป Windsor แคนาดาโดยรถประจำ

ผมต้องขอวีซ่าและต้องสัมภาษาณ์ด้วยหรือเปล่าครับ

ถ้าบินไปที่โตรอนโต แล้วไป วินเซอร์จะไกลกว่ามาก

ต้องขอวีซ่าแคนาดาครับ ผมไปถึงน้ำตกไนแองการ่าฝั่งอเมริกา จะข้ามไปดูฝั่งแคนาดา ยังต้องทำวีซ่าเลย แต่ผมไม่ได้ทำนะครับ เพราะมีเวลาไม่มาก ต้องรีบไปวอชิงตัน 

ครับทราบว่าจะต้องทำวีซ่าแคนาดา อันนี้หลักอยู่แล้วครับ

แต่อย่าทราบว่า ขอวีซ่าอเมริกา แค่ผ่านทาง(transit) ต้องรอคิวสัมภาษณ์หรือเปล่าครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท