มนุษย์เป็นสัตว์ที่อุบาทว์ที่สุด


อย่างดีที่สุดที่มนุษย์เราทำได้คือ ทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ที่เราเรียกกันโก้หรูในวันนี้ว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

รากฐานแห่งความทรงนงของมนุษย์ที่อ้างตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐนั้น ดูช่างตั้งอยู่บนขี้เมฆจริงๆ เพราะมนุษย์นั้นเป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลกที่ “ทำลายสิ่งแวดล้อมได้”   ในขณะที่สัตว์ชนิดอื่นๆนั้นเขาต่าง “สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม”  ด้วยกันทั้งนั้น

 

 

เช่น เสือ เกิดมาเพื่อช่วยสร้างสมดุล  เพื่อให้มันกินกวาง ก่อนที่กวางจะระบาดจนกินหญ้าหมดโลกจนเสียสมดุลธรรมชาติ ส่วนกวางก็เกิดมาเพื่อกินหญ้าก่อนที่หญ้าจะลามคลุมทำลายพืชอื่นเสียหมด นกหนูกินแมลง งูกินหนู ฯลฯ เป็นวัฏจักรที่ลงตัวตามธรรมชาติ ส่วนต้นไม้ใหญ่ก็ให้ร่มเงา บังแดดอันร้อนจ้า ให้ที่พึ่งพิงแก่สัตว์น้อยใหญ่ รวมทั้งสร้างวงจรอากาศบริสุทธิ์ให้สรรพสิ่งดำรงอยู่ได้  (รวมทั้งสัตว์ที่อ้างตนว่าประเสริฐเลิศกว่าใครเขาหมด)

 

อย่างดีที่สุดที่มนุษย์เราทำได้คือ ทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด  ที่เราเรียกกันโก้หรูในวันนี้ว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  เช่น การปลูกป่านั้นเราคิดว่าเราทำดีแล้ว แต่ถ้าเราไม่ทำชั่วด้วยการทำลายมันเสียแต่แรกก็ไม่ต้องมาอนุรักษ์และหรือฟื้นคืนมันหรอก ซึ่งรื้อฟืนคืนอย่างไรก็ทำได้ไม่ดีเหมือนเดิมตามธรรมชาติที่สัตว์และพืชทั้งหลายเขาช่วยกันสร้างขึ้นมาได้หรอก

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์คิดและสร้างขึ้นมาด้วยสมองอันเลิศของเขานั้นล้วนทำลายสมดุลธรรมชาติทั้งสิ้น ตั้งแต่เครื่องจักรไอน้ำของเจมส์ วัตต์ ยันไอแผ็ด ไอโฟน ....สมดุลธรรมชาติที่สรรพสัตว์อื่นเขา “คิด” และร่วมกันสร้างขึ้นมา “ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต” เป็นเวลาหลายล้านปี เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมให้มนุษย์เราดำรงชีวิตอยู่ได้

 

คิดดูให้ดีๆ แล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์ที่อุบาทว์ที่สุด  และเณรคุณต่อธรรมชาติมากที่สุด

 

สังคมมนุษย์ที่ร่ำรวยที่สุด มักได้รับการนับถือมากที่สุด เช่น ยุโรป สรอ.  ญี่ปุ่น เกาหลี  แต่ถ้านับตามระดับการทำลายสิ่งแวดล้อมแล้วสังคมเหล่านี้อุบาทว์ที่สุด และน่าขยะแขยงที่สุด  

 

พระพุทธเจ้าดูเหมือนจะ “อุบาทว์น้อยที่สุด” เพราะทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดนั่นเอง  เช่น นุ่งผ้าห่อศพเพียงสามผืนตลอดชีวิต กินน้อย ไม่สะสมอะไรให้เปลืองธรรมชาติ  แต่คนเราโดยเฉลี่ยทุกวันนี้มีเครื่องเครามากหลาย เอาแค่เสื้อผ้าก็มีคนละหลายสิบชุดเข้าไปแล้ว รองเท้าอีกกี่คู่ และยังอื่นๆ อีกมากโข ล้วนสร้างขึ้นมาด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น

 

อุบาทว์จริงๆ  มนุษย์เรา

 

...คนถางทาง (๒๔ สค. ๒๕๕๕) 

หมายเลขบันทึก: 499832เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2012 00:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 16:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เพราะมนุษย์เรายังมีความอยากได้ อยากมี ( ทุกอย่าง) จึงคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของโลกและสามารถทำได้ทุกอย่าง ก็ซื้อมาแล้วนี่นา.. คิดได้เท่านี้แหล่ะค่ะ ..ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง -- หลายๆเรื่องที่ตัวเราเองก็ยังทำเองเลยค่ะ

Saint Francis of Assisi ก็ใกล้เคียงกับพระพุทธเจ้าเรื่องความสมถะและอยู่กับธรรมชาตินะครับ

ทำไมมนุษย์เราช่างน่ากลัวอย่างนี้

 

แหมหลานฝนทิพย์ เรียกพี่ของพี่ก็ได้นะ

kunrapee ครับ มนุษย์เราวันนี้น่ากลัวจริงๆ แม้แต่ผียังกลัว ไม่ค่อยมีผีหลอกคนเหมือนสมัยก่อนแล้ว อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท