ความพยายามในสงคราม


ในสงครามมีการใช้เพนนิซิลินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ War Production Board(WPB) ต้องมีการตอบสนองต่อปริมาณการใช้ยาที่เพิ่มขึ้น  โดย WPB ได้พิจารณาเลือก 21 บริษัทจากทั้งหมด 175 บริษัท เข้าร่วมโครงการเพนนิซิลินภายใต้การนำของ อัลเบิร์ต เอลเดอร์ ,Lederl ,Merck, Pfizer, และ Squibb นอกจากนี้ Abbott Laboratories(ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของวัสดุทางคลินิกของยาเพนนิซิลิน ถึงกลางปี 1943)  เป็นบริษัทแรกที่เริ่มผลิตยาเพนนิซิลินเป็นจำนวนมาก บริษัทเหล่านี้ถูกให้ความสำคัญสูงสุดในด้านปัจจัยการผลิตและวัสดุสิ้นเปลืองอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิต และ WPB ควบคุมการจำหน่ายทั้งหมดของเพนิซิลินที่ผลิต ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญก็คือการมียาพอสำหรับความต้องการเพื่อใช้ในการบุก D-Day ที่ยุโรป ความรู้สึกรักชาติอย่างมากในช่วงสงครามการกระตุ้นการทำงานเกี่ยวกับ penicillin ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น Albert Elder เขียนถึงผู้ผลิตในปี 1943 ว่า “คุณต้องกระตุ้นและสร้างความประทับใจแก่ทุกคนในโรงงานของคุณว่าเพนนิซิลินที่ผลิตในวันนี้จะช่วยชีวิตของคนในไม่กี่วันหรือจะช่วยรักษาชีวิตของคนที่กำลังติดเชื้อ สร้างคำขวัญของบริษัทขึ้นมา สร้างความกระตือรือร้นให้คนที่ปฏิบัติงานในโรงงานจนถึงระดับล่างสุด”

เมื่อข่าวเกี่ยวกับยามหัศจรรย์นี้แพร่กระจายไปถึงประชาชน ความต้องการใช้ยาเพนนิซิลินก็เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากปริมาณยามีจำกัด จึงมีการอนุญาตให้ใช้ในการทหารเท่านั้น  Dr. Chester Keefer จากบอสตัน, ประธานคณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติเกี่ยวกับยาเคมีบำบัด ต้องบริหารสัดส่วนการใช้ยาของพลเรือน โดยจะเลือกใช้เพนนิซิลินเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อใช้วิธีรักษาอื่นไม่ได้ผลเท่านั้น งานของเขายังรวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลทางคลินิกที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวประสิทธิภาพและข้อจำกัดของยา เพื่อการพัฒนาต่อไป Keefer ถูกขอร้องอ้อนวอนเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการให้ยาเพนนิซิลิน เห็นได้จากหนังสือพิมพ์ในนิวยอร์ก Herald Tribune วันที่ 17 ตุลาคม 1943 “ทุกคนต่างขอร้อง Dr.Keefer ให้ใช้ยาเพนนิซิลินกับคนไข้ โดยยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวนมาก แต่เขาก็ตัดสินใจโดยใช้เงื่อนไขทางการแพทย์แทนที่จะใช้อารมณ์”

เป็นโชคดีที่ผลิตภัณฑ์ของเพนนิซิลินเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี 1944 ผลิตภัณฑ์ของยาในสหรัฐอเมริกานั้นพุ่งจาก 21 พันล้านหน่วยในปี 1943 ไปเป็น 1663 พันล้านหน่วยในปี 1944 ไปเป็นมากกว่า 6.8 ล้านล้านหน่วยในปี 1945 และเทคนิคในการผลิตนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งในด้านขนาดและเครื่องมือที่มีความทันสมัยจากขวดแก้วขนาด 1 ลิตรที่มีร้อยละผลได้น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์มาเป็น 10000 ถังแกลลอนที่มีร้อยละผลได้ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในที่สุดก็สามารถกำจัดข้อจำกัดทั้งหมดในการนำมาใช้ได้  และในวันที่ 15 มีนาคม 1945เพนนิซิลินได้ถูกกระจายไปอย่างแพร่หลายและผู้บริโภคก็สามารถหาได้ง่ายทั่วไปตามร้านขายยาทั่วไป

ในปี 1949 ผลิตภัณฑ์ประจำปีของเพนนิซิลินในสหรัฐอเมริกามีมากถึง 133229 พันล้านหน่วยและราคาได้ล่วงลงไปจาก 20 ดอลลาร์ต่อ 100000 หน่วยในปี 1943 ไปเป็นน้อยกว่า 10 เซ็นต์ บริษัทสัญชาติอังกฤษส่วนใหญ่ได้ขยับขยายไปใช้ถังที่มีความลึกในการหมักผลิตภัณฑ์ของยาเพนนิซิลิน โดยเริ่มในสหรัฐอเมริกา หลังสิ้นสุดสงครามเพื่อเผชิญกับความต้องการของพลเรือน ในสหราชอาณาจักร เพนนิซิลินได้เริ่มวางขายในสาธารณะทั่วไป ตามการกำหนดในการใช้ยาของแพทย์เท่านั้น ในวันที่ 1 มิถุนายน 1946

ที่ประเทศอังกฤษ Chain และ Abraham ได้ร่วมกันดำเนินการต่อเกี่ยวกับโครงสร้างโมเลกุลของเพนนิซิลิน โดยอาศัยเทคนิค X-ray crystallography ของ Dorothy Hodgkin  ในการสร้างรูปสามมิติของโครงสร้างโมเลกุล ที่มหาวิทยาลัย Oxford  รูปร่างของโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ได้ถูกเผยแพร่ในปี 1945 โดยมีรูปร่างเป็น วง beta-lactam ที่ไม่มีความสเถียรสูง 4 วง ผสมกับวง thiazolidine ในปีเดียวกัน Alexander Fleming, Howard Florey, and Ernst Chain ได้รับรางวัลโนเบลจากผลงานวิจัยเพนนิซิลินของพวกเขา

ความพยามยามในการทำงานร่วมกันของ นักเคมีชาวอเมริกัน วิศวกรเคมี นักจุลชีววิทยา ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเห็ดและรา รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนผู้ผลิตผลิตภัณ์ทางเคมีและยา มีความเสมอกันในการเผชิญหรือท้าทาย  แจ้งไว้โดย Howard Florey และ Norman Heatley ในปี 1941 ดังที่ Florey ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในปี 1949 ว่า “บรรณาการที่สูงมากนั้นไม่สามารถที่จะถูกแจกจ่ายไปยังกิจการต่างๆ และความสามารถหรือกำลังของบริษัทที่ผลิตยาสัญชาติอเมริกันก็เผชิญกับปัญหาในการผลิตยาที่มีปริมาณมาก ถ้ามันไร้ซึ่งความพยายามของเขาเหล่านั้นแน่นอนว่าจะไม่มียาเพนนิซิลินที่เพียงพอในวัน D-Day ที่ Normandy ในปี 1944 ที่จะใช้รักษาอาการบาดเจ็บที่รุนแรงทั้งหมด ทั้งชาวอังกฤษและชาวอเมริกัน”   

คำสำคัญ (Tags): #penicillin
หมายเลขบันทึก: 499010เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2012 20:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 สิงหาคม 2012 01:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ภายใต้ความโหดร้ายของสงคราม ก็ยังคงมีด้านดีๆซ่อนอยู่จริงๆ

เหตุการ์ที่เกิดขึ้นจะต้องมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และโทษเสมอ แม้แต่สงครามก็เหมือนกัน ^^

ประวัติการผลิต Penicillin มีเรื่องให้ค้นหาอยู่เยอะเหมือนกันนะ : ))

ให้ข้อคิดอะไรตั้งหลายอย่าง ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท