สวัสดีนักเรียนที่รักทุกคน ครูมีความสุขมาก ๆ เมื่อได้มาพบปะพูดคุยกับเธอ วันศุกร์ที่แล้วครูไม่ได้พุดคุยกับเธอ คิดถึงมาก ๆ หวังว่าเธอคงคิดถึงเช่นกัน วันนี้นำเรื่อง ดี-เก่ง มาฝาก
จริง ๆ เรื่องนี้ได้พูดคุยกับเธอในทุกชั้นที่ครูแล้ว ขอพูดเป็นการทบทวน เป็นการต้องย้ำอีกครั้ง เอาของดี สิ่งดีมาฝาก แม้จะซ้ำ ๆ ก็คงไม่เบื่อใช่ไม่ เปรียบเสมือนเธอชอบทุเรียน ครูนำมาฝากกี่ครั้ง ๆ ก็คงพอใจ ยิ่งได้เปลี่ยนพันธุ์ทุเรียนบ้างก็ยิ่งไม่มีวันเบื่อเลย ใช่ไม่ วันนี้หมอนพรุ่งนี้ชะนี มะรืนนี้ก้านยาว แหมเชื่อว่าหลายคนชักน้ำลายไหล การพูดเรื่อง ดี-เก่งวันนี้ก็คงเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยน หรือเพิ่มเนื้อหาสาระกันบ้าง ฟังแล้วนำไปเปรียบเทียบดูว่าเหมือนกันต่างกันอย่างไรกับที่ครั้งผ่านมา
ศิษย์ทุกคนที่อยู่รั้วของโรงเรียน อยู่ในความรับผิดชอบของโรงเรียน จุดมุ่งหมายสูงสุดของครูทุกคนคือต้องการให้ศิษย์รักมีความดี และ เก่งควบคู่กันไป อย่าลืมนะไม่ใช่บรรลุจุดหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว จะต้องได้เรียนรู้ทั้งดีทั้งเก่ง
ดีกับเก่งเป็นของคู่กัน มีความสัมพันธ์กัน ส่งผลสืบเนื่องประสมประสานกันอย่างกลมกลืน จนแยกจากกันไม่ได้ ที่พูดเช่นนี้เพราะทั้งสองอย่างมีความเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวข้องกัน ถ้าไม่มีความดีก็เก่งไม่ได้ ครูจึงสรุปว่านักเรียนต้องสร้างความดีก่อนเมื่อมีความดีเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้วความเก่งก็จะตามมา
ดีคืออะไร ดีก็คือคุณธรรม และ จริยธรรม คุณธรรมกับจริยธรรมมองดูผิวเผินแล้วคล้าย ๆ กัน แยกไม่ค่อยออก ครูจะบอกและอธิบายสองอย่างนี้ให้เธอเห็น ให้เปรียบเทียบ เดี๋ยวก็แยกแยะออกได้แน่นอน
คุณธรรม หมายถึง "สภาพคุณความดี" เช่น ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความขยันหมั่นเพียร ความอดทน ความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สุจริต ไม่โบบดมดเท็จ ไม่ฉ้อโกง ไม่ลักขโมย โอ้มากมายกายกองสังเกตง่าย ๆ คือสิ่งดี ๆ ทั้งหลายล้วนเป็นคุณธรรมทั้งสิ้น ครูถามเธอหน่อย ดื้อเป็นคุณธรรมไม่ ขี้เกียจจัดเป็นคุณธรรม ไม่รังแกเพื่อละเป็นคุณธรรมไม่ ไม่ทำการบ้านเป็นคุณธรรมไม่ ทำงานไม่ทันเวลาที่กำหนดเป็นคุณธรรมไม่ ถึงตอนนี้ครูคิดว่าเธอคงเข้าใจถึงคุรธรรมได้แล้ว
จริยธรรมคืออะไร จริยธรรมคือธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือการมีกริยามารยาทอันดีงามที่สอดคล้องกับประเพณีวัฒนธรรมของชาตินั่นเอง เช่น รู้จักกราบไหว้ พูดถึงเรื่องนี้ขอเน้นสักนิดว่า ต้องทำด้วยจิตใจนะ หมายถึงทำด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แสดงแต่เพียงท่าทาง แต่ต้องด้วยใศรัทธา ความเลื่อมใส ด้วยความรักจากใจจริง ๆ ไม่เสแสร้งแกล้งทำ นอกจากการกราบไหว้แล้วมีอะไรอีก การพูด การเดินผ่านหน้าผู้ใหญ่ การแต่งกายที่เหมาะสมกับกาลเทศะ กิริยาท่าทางในอริยบทต่าง ๆ เรื่องจริยธรรมยังมีอีกมากมาย ถึงตอนนี้คงนึกออกได้บ้างแล้ว
เก่งคืออะไร เก่งคือ เก่งแก่เรียน ก็คือเรียนเก่งนั่นเอง วิชาที่เราเรียนมีแปดกลุ่มสาระ ทั้งแปดกลุ่มสาระที่เขาจัดให้เราเรียนเราจะต้องให้เก่ง อาจจะไม่เก่งเท่ากันทุกวิชา แต่ต้องเก่ง ปกติคนเราหากเก่งในวิชาใดวิชาหนึ่งก็มักจะเก่งวิชาอื่น ๆ ไปด้วย ตรงข้ามหากเรียนอ่อนก็มักจะอ่อนไปเกือบทุกวิชา ด้วยเหตุนี้การตั้งต้นให้เป็นคนเก่งจึงมีความสำคัญยิ่ง
ได้บอกแต่ตอนต้นว่าความดี ความเก่งเป็นของคู่กัน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ ที่สำคัญดีต้องมาก่อนเก่ง คุณธรรมที่ต้องใช้ในการเรียนเพื่อให้เก่งประกอบด้วยคุณธรรม 3 ข้อคือ ประการแรกความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ประการที่สองมีความตั้งใจ และประการที่สามมีความขยันหมั่นเพียร หากเรานำคุณธรรมสามข้อนี้ปฏิบัติอย่างจริงจังก็จะส่งผลให้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนได้เป็นอย่างดี
ขอนำมาแยกพูดให้เห็นเป็นประเด็น ๆ ไป เริ่มด้วยเรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่ หน้าที่ของนักเรียนคือเรียนหนังสือ ศึกษาหาความรู้ เมื่อเรารู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่การเรียน เช่น ฟังคุณครูสอนอย่างตั้งใจ อย่างมีสมาธิ ฟังอย่างเดียวไม่พอต้องปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครูสั่ง ที่ครูมอบหมายนี่เป็นบันไดแรกของคุณธรรมที่ต้องใช้ ย้ำอีกครั้งว่า "ต้องมีนิสัยรับผิดชอบต่อหน้าที่"
การปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบในที่นี้หมายถึงการปฏิบัติต่อการเรียน การปฏิบัติให้ได้ผลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเธอต้องมีความตั้งใจ เช่นฟังครูอย่างมีสมาธิ ทำกิจกรรมอย่างตั้งอกตั้งใจ เช่นแบบฝึกหัดไม่ใช่ทำเพียงเพื่อให้เสร็จเท่านั้น การทำเพียงเพื่อให้เสร็จเป็นการทำแบบลวก ๆ เพียงแต่กันอย่าให้ครูลงโทษ อย่างนี้ถือว่าไม่มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ แบบฝึกหัดทุกแบบฝึกหัดเปรียบเสมือนครูเช่นกัน เพราะแบบฝึกหัดช่วยสอนเราได้ในหลาย ๆ เรื่อง นั่นก็คือครูของเรา เมื่อความตั้งใจมาความรู้ก็เกิด ความเก่งก็เกิด นอกเหนือจากแบบฝึกหัด เช่น งานต่าง ๆ ก็ปฏิบัติตนเช่นเดียวกับการทำแบบฝึกหัดคือต้องมีความตั้งใจ
ประการที่สามคือความขยันหมั่นเพียร เราปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งอกตั้งใจ เท่านั้นยังไม่พอ คุณธรรมสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมคือ
"ความขยันหมั่นเพียร" จำไว้ว่ามนุษย์เราย่อมมีการลืม ลืมกับจำเป็นของคู่กัน เมื่อมีการจำก็มีการลืม สิ่งกันลืมที่ดีในเรื่องการเรียนก็คือ ความขยันหมั่นเพียรนี้เอง คือต้องขยันทบทวน ขยันหาความรู้ในบริบทที่เกี่ยวข้องที่เรากำลังเรียน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้เิกิดได้ด้วยความขยันหมั่นเพียรเป็นสำคัญ
สรุปว่านักเรียนจะเรียนรู้อะไรได้ดี ได้อย่างกว้างขวางสมบูรณ์ และมีการจดจำไปชั่วนิรันดร์ สามารถนำความรู้มาใช้ได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที นักเรียนจะต้องมีคุณธรรม 3 ประการที่กล่าวมา คือ การรับผิดชอบหน้าที่ ตั้งใจปฏิบัติในหน้าที่ และ ขยันหมั่นเพียรต่อหน้าที่ที่ทำ
ดี-เก่งเป็นของคู่กัน ถึงตอนนี้เธอมีความชัดเจนแล้วนะ ต้องมีคุณธรรม หรือความดีเป็นเบื้องต้นก่อน จากนั้นความเก่งก็จะ็ตามมา อย่างที่ครูอธิบายยกตัวอย่างไว้ข้างต้น ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างหน้าที่การเรียน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็เข้าทำนองเดียวกัน คือต้องดีก่อนแล้วส่งผลให้เกิดความเก่ง นี่เป็นความคิดของครู เธอจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเธอปฏิบัติตนอย่างที่ครูแนะนำ ความดี และความเก่งเกิดแก่เธออย่างแน่นอน สวัสดี
ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสภาพการดำเนินชีวิตตามระบบ "วัตถุนิยม"
หากเราเปลี่ยนแนวคิดใหม่ที่ทรงด้วยคุณค่ายิ่ง โดยการดำเนินชีวิตตามระบบ "พอเพียงนิยม"
ปัญหาต่าง ๆ จักลดลง หรือแทบไม่มี
ด้วยความปรารถนาดีจาก "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"
"ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"
เว็บไซต์นำเสนอแนวคิดเพื่อการดำรงชีพของมวลมนุษยชาติ
ตามแนว "พอเพียงนิยม" และ สาระอื่น ๆ
ท่านคลิกเว็บไซต์ที่ปรากฏ..เข้าสู่เว็บทันที
http://www.nature-dhrama.com
ไม่มีความเห็น