ผมไปอยู่ในเครือข่ายนักวิชาการนานาชาติกลุ่มหนึ่งที่กำลังพยายามเอาเรื่องระบบซับซ้อน complex system) มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบสุขภาพ
เอาเข้าจริงก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก ถ้าไม่ไปมัวคิดจะวิเคราะห์ (analyse) หรือ คาดการณ์(predict) ระบบซับซ้อน แบบที่นักวิชาการส่วนใหญ่ชอบทำกัน เพราะธรรมชาติของระบบซับซ้อน ก็คือ มันเปลี่ยนแปลงไปจากที่ตั้งไว้เดิมได้ง่ายๆ เพียงเพราะการเปลี่ยนแปลงเล็กๆในระหว่างกลาง
แปลว่าจะไปสร้างสมการเพื่อบอกว่า หลังจากนี้ 3-5 ปี หรือ นานกว่านั้น มันจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้น ก็ให้เตรียมตัวผิดได้เลย
แต่การเป็นระบบซับซ้อนไม่ได้แปลว่า เราจะต้องปล่อยทุกอย่างไปตามยถากรรม จนกลายเป็นความวุ่นวายยุ่งเหยิง (chaos) ในที่สุด
เพราะผลสุดท้ายมันขึ้นกับการจัดการกับ ปรากฏการณ์อะไรบางอย่าง หรือตัวแปรอะไรบางตัวในสมการ
สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การทำความรู้จักว่า มีใคร หรือปัจจัยอะไรบ้างที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กัน แล้วดูว่า จะทำให้ปฏิสัมพันธ์ออกไปในทางบวก อย่างที่ระบบควรจะเป็น อย่างไร ไม่ใช่การคาดการณ์โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ ปฏิสัมพันธ์นั้นๆ
ระบบควรเป็นอย่างไร ก็ต้องหันกลับมาหาคนที่มีส่วนได้เสียจากระบบ แล้วตั้งเป้าหมายร่วมกัน พร้อมจัดการเรียนรู้ของฝ่ายต่างๆ ว่าจะไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้อย่างไร
แทนการปล่อยให้ต่างคนต่างคาดหวัง ต่างตั้งเป้า แล้วก็เรียนรู้แบบตัวใครตัวมัน จนเป้าหมายร่วมไม่เกิด เรื่องดีๆที่อยากเห็นก็คงเกิดยาก
เป้าหมายร่วม กับ การเรียนรู้ร่วมกัน จึงเป็นสองอย่างสำคัญที่ต้องพยายามสร้างให้เกิดขึ้นในระบบซับซ้อน ที่ไม่ได้มีแค่ ระบบสุขภาพ
พวกเราที่ทำ R2R ส่วนหนึ่งก็ต้องถือเป็นการสร้างการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการทำงานภายในองค์กร ซึ่งก็ถือเป็นระบบซับซ้อนประเภทหนึ่ง อย่างน้อยก็ในแง่ที่จะเอาแต่สั่ง หรือเอาเงินฟาดหัวก็จะไม่ได้ของดีๆเกิดขึ้นง่ายๆ
แต่ถ้าใช้การตั้งเป้าร่วม กับ สร้างการเรียนรู้ร่วมกันไปพร้อม ของดีๆอาจเกิดได้ง่าย โดยทุกฝ่ายมีความสุขมากกว่า
การพัฒนา...ระบบที่ซับซ้อน (complex system) มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบสุขภาพ... ขอบคุณ อจ.หมอมากนะคะ...ช่วยกันขับเคลื่อน ระบบสา'สุขไทย... คนไทยได้อนิสงฆ์ นี้มากเลยค่ะ
ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ