เรื่องเล่าจากบ้านแม่ตาด :
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลแห่งการทำนา ซึ่งที่บ้านแม่ตาดเองชาวบ้านที่มีอาชีพทำนาก็กำลังลงมือกันอย่างขะมักเขม้นเลยทีเดียว
ที่บ้านแม่ตาด มีการทำนาอยู่ 4 แบบ ด้วยกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของเจ้าของนา คือ
1. นาหว่าน คือ การทำนาโดยการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวลงไปในนาที่ไถและคราดไว้เรียบร้อยแล้ว และปล่อยให้ข้าวเจริญเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยการหว่านนั้น มีทั้งการหว่านด้วยมือและการใช้เครื่องพ่นข้าวให้กระจายออกไปทั่วพื้นที่นาตามที่ต้องการ
ปัจจุบันการทำนาหวานกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากเหนื่อยน้อยและประหยัดค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างเยอะ สามารถทำคนเดียวก็ได้
2. นาดำ คือ การทำนาโดยการหว่านเพาะต้นกล้าเอาไว้ในแปลง เมื่อกล้าข้าวโตได้ที่ ก็นำไปปลูกในนาที่ได้ทำการไถและคราดไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำนาแบบนี้เป็นการทำนาแบบดั้งเดิม
การทำนาดำ มีข้อดีคือกอข้าวจะใหญ่และให้ผลผลิตมาก แต่ข้อเสียคือใช้เวลานาน ใช้แรงเยอะ และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องจ้างคนมาช่วยด้วย
3. นาโยน คือ การทำนารูปแบบใหม่ โดยการเพาะกล้าข้าวเอาไว้ในกระบะพลาสติก เมื่อกล้าโตได้ที่แล้วก็แกะต้นกล้าออกจากกระบะพลาสติก แล้วก็นำไปโยนลงในนาที่เตรียมดินไว้เรียบร้อยแล้ว โดยโยนให้ได้ระยะที่กำลังพอดีๆ ไม่ถี่หรือห่างจนเกินไปนัก
การทำนารูปแบบใหม่นี้ มีข้อดีคือ ประหยัดแรง และประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถทำคนเดียวก็ได้
4. นาหยอด คือ การทำนาโดยการใช้ปลายไม้แหลมจิ้มลงในท้องนาให้เป็นหลุมเล็กๆ แล้วก็หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวลงไป หลุมละประมาณ 5-6 เมล็ด โดยจะมีการแบ่งหน้าที่เป็น 2 แผนก คือ แผนกจิ้มหลุม กับแผนกหยอดเมล็ด
รูปแบบการทำนาหยอดนี้ เดิมทีใช้สำหรับการปลูกข้าวไร่หรือทำนาดอนเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้มีการนำมาประยุกต์ใช้กับนาลุ่มด้วย โดยมีข้อดีก็คือ ข้าวจะกอใหญ่และให้ผลผลิตดีพอๆ กับนาดำ
ไหนๆ ก็ไหนๆ วันนี้ผมก็เลยนำเอารูปชาวบ้านแม่ตาดกำลังดำนามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันนะครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้
ต้นกล้าที่หว่านไว้ในแปลง
มัดไว้เป็นกำ แล้วก็ตัดปลายออกเล็กน้อย
หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินจริงๆ
การลงแขกยังมีให้เห็นอยู่ที่บ้านแม่ตาด
เหนื่อย...แต่ก็ยังยิ้มได้
แถวใครแถวมัน
ยิ้มอย่างมีความสุข
อีกไม่นานนาผืนนี้ก็จะเขียวขจี
เป็นแถวเป็นแนว....ของใครของมัน
ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติจริงๆ
นาผืนนี้ปลูกข้าวแบบ "นาหยอด"
ข้าวนาหยอดจะขึ้นเป็นกลุ่มๆ อย่างที่เห็น
อันนี้เป็นข้าวแบบนาหว่าน
ท้องทุ่งที่เขียวขจีของบ้านแม่ตาด
เพลง "บ้านนายังคอย"
ศิลปิน "เอกชัย ศรีวิชัย"
ขอบคุณบันทึกดี ๆ ภาพเขียว ๆ ของท้องนา...ทำให้สดชื่นสบายตาค่ะ
เคยไปร่วมทำนาโยน... สนุกมากๆๆๆๆค่ะ
การทำนา มีหลากหลายวิธี หลายรูปแบบ นะคะ เมืองไทย ผลิิตข้าวได้มากที่สุด แต่ชาวนาก็ยังยากจน มีหนี้สิ้น ต่างกับ ชาวนาเช่น ญี่ปุ่น ชาวนาเขารร่ำรวยมาก เพราะ รัฐบาล เห็นความสำคัญของชาวนาเท่าที่ควร
ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ
สวัสดีครับ คุณ หยั่งราก ฝากใบ
ผมเคยลองทำทั้ง 4 แบบนะครับ แต่แบบที่สนุกมากๆ ก็คือ นาโยน นะครับ
ส่วนแบบที่เหนื่อยและเจ็บหลังมากที่สุดก็คือ นาดำ ครับ ลองดำชั่วโมงเดียว แต่ปวดหลังเป็นอาทิตย์เลยล่ะ 555
สวัสดีครับ คุณ Somsri
ชาวนาชาวไร่ของเมืองไทยน่าสงสารมากที่สุดนะครับ
เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นอกจากรัฐบาลจะไม่เหลียวแลแล้ว
พ่อค้าคนกลางก็ยังเอารัดเอาเปรียบอีกต่างหาก
คุณภาพชีวิตของชาวไร่ชาวนาไทยก็เลยยังแย่อยู่เหมือนเดิมตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
น่าเศร้ามากๆ เลยนะครับ
ใจตรงกันจังค่ะคุณอักขญิช
วันนี้ได้อ่านบันทึกคุณหมออ้อ (ธิรัมภา) แล้วนึกอยากเขียนประสบการณ์ในวัยเด็ก เคยช่วยแม่ทำนาค่ะ.. แต่มาเจอบันทึกนี้ ได้ทั้งการเรียนรู้ และภาพประกอบ ถือว่า kunrapee ได้ย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็กแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
สวัสดีครับ คุณ kunrapee
* ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่กรุณาเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ผม 555
** สมัยเด็กผมเคยเป็นลูกชาวนา เคยทำนา และเคยเป็นเด็กเลี้ยงควายมาก่อน
พอถึงตอนนี้มีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ตามท้องทุ่งนาอีกครั้ง
รู้สึกมีความสุขมากๆ เลยครับ
*** อดีตมีไว้สำหรับให้คนเราระลึกถึงนะครับ
ไม่ได้ดำนาเองมาหลายปีแล้ว
ไม่เด็กนะคะ เรียนคณะทันตฯ แล้ว พ่อยังพาลูกทุกคนลงนา ช่วยกันดำนาอยู่เลย...ไม่ให้ลืมทักษะ การเป็นลูกหลานชาวนา (อันนี้คิดเอง พ่อไม่ได้บอกตรง ๆ)
ลูกเขยพ่อบางคนทำนาไม่เป็น ยังต้องมาหัดดำนาด้วยกัน
ขอบคุณบันทึกน่าชื่นชมนี้นะคะ
การทำนา...คือ สิ่งบ่งบอกลมหายใจของผืนแผ่นดินโดยแท้เลยครับ
สวัสดีครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา
* ผมเคยทำนาสมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ที่ศรีสะเกษบ้านเกิด ทั้งไถนาและดำนา จนกระทั่งถึงตอนที่ได้ไปบวชเรียน เดี๋ยวนี้พอระลึกถึงช่วงเวลานั้นทีไร ก็รู้สึกมีความสุขใจทุกทีนะครับ
** ดีใจมากๆ ครับ ที่ทราบว่าคุณหมอเองก็เคยมีประสบการณ์อันมีค่าแบบนี้มาเช่นกัน
สวัสดีครับ อาจารย์ แผ่นดิน
สิ่งที่บ่งบอกให้ทราบถึงวิถีชีวิตแบบไทยๆ อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การดำนา นะครับ
เป็นมรดกอันล้ำค่าที่มีการถ่ายทอดต่อๆ กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล
เป็นลมหายใจของผืนแผ่นดินอย่างที่อาจารย์กล่าวมาจริงๆ แหละครับ
จากนี้ไปเราจะเห็น การดำนา หรือเปล่า ...เพราะนาโยน จะเป็นที่นิยม..กลัวนาดำ จะหาย เหมือน ลานตีข้าว ไม่มีแล้ว เพราะ มีเครื่อจักรแทน...สวัสดีครับ
สวยใบข้าวเขียวงามจับจิตจริงครับ
ปีนี้ที่บ้าน นาดำ หายากแล้วค่ะ
จะเหลือนาหว่านอย่่างเดียวแล้วสิ
แม่เคยเล่าให้ฟังว่า พี่ชายดำนาเร็วตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก
เรียนรู้จากพ่อ... เด็กชายฟังเสียงจ๋อมๆๆจากต้นข้าวในมือของพ่อที่ปักลงในท้องนา
และแล้ว...เด็กชายก็ดำนา มีเสียงจ๋อมๆๆ ขยับถอยหลัง เคียงไปกับพ่อจนสุดท้องนา
แต่ทว่า... พอเงยหน้าขึ้น ข้างหน้าเด็กชาย...ไร้ต้นข้าว!
เขาเรียนรู้ ฝึกเทคนิคขั้นต้น(ด้วยตนเอง) จิ้มเพียงมือลงท้องนาให้ทันพ่อก่อน :)
แล้วย้อนกลับมาดำนา แบบมีต้นกล้าจริงๆตามหลัง :)))
และดำได้...เร็วจริงๆ เหมือนดำมือเปล่าๆเลยเชียวหละ ๕๕๕
บ้านแม่ตาด ยังมีการทำนาครบทุกแบบอยู่ เพิ่มนาโยนมาด้วยดีจัง
ขอบคุณมากค่ะ ที่นำภาพสดๆมาให้ชม
สวัสดีครับ คุณ Sila Phu-Chaya
ข้าวหอมมะลิของสุรินทร์เป็นข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดของประเทศเลยนะครับ
ดีใจแทนด้วยจริงๆ ครับ ที่ได้บริโภคข้าวคุณภาพดีโดยไม่ต้องเสียสตังค์ซื้อเลย
สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ
*อ่านข้อความที่บอกมา ทำให้นึกถึงเพลง "หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ "ขึ้นมาทันทีเลยครับ 555
** ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นของธรรมดานะครับ....สายน้ำไม่มีวันไหลกลับด้วยครับ
สวัสดีครับ คุณแว่นธรรมทอง
ไม่ใช่นาดำอย่างเดียวหรอกนะครับที่จะหายไป
นานๆ เข้าทั้งนาหยอดและนาโยนก็คงจะหายไปด้วย
แล้วเหลือไว้เพียงนาหว่านเพียงอย่างเดียว
อ้อ! การดำนาโดยใช้รถ ก็เริ่มเข้ามาแล้วนะครับ
สุดท้ายวิถีชีวิตการทำนาแบบเดิมๆ คงถูกเครื่องจักรทำแทนหมดนะครับ
สวัสดีครับ คุณ พ.แจ่มจำรัส
สีเขียวคือสีที่เห็นแล้วสบายตาและมีความสุขมากที่สุดนะครับ
โดยเฉพาะสีเขียวของต้นข้าว เห็นแล้วเย็นตาจริงๆ ครับ
สวัสดีครับ คุณ Tawandin
* บ้านแม่ตาดยังมีครบทั้ง 4 แบบ นะครับ แต่ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะยังอยู่ได้อีกนานสักแค่ไหน เพราะโลกเราหมุนเร็วเหลือเกิน
** ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณานำประสบการณ์อันล้ำค่ามาแบ่งปันเพิ่มเติมด้วย
นาโยน กับ นาหยอด ที่บ้านไม่ค่อยเจอเลยครับ....ชาวบ้านจะดีใจที่ได้ดำนาครับ...เป็นความสุขจริงๆ ครับ
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
* ทางอีสานใช้รูปแบบ "นาหยอด" กับนาไร่หรือนาโคกนะครับ ซึ่งหลายแห่งยังใช้วิธีนี้อยู่
** ชาวนาทุกคนก็มีความสุขตามวิถีชีวตของตนเองนะครับ และจะมีความสุขมากยิ่งๆ ขึ้น ถ้าหากได้ผลผลิตมากและข้าวราคาดี
ที่บ้านผม...นาโยน คร๊าบ เห็นภาพแล้ว...นึกถึงประโยคเด็ด... หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน... อยากฟังเพลง..สาวนาสั่งแฟน..น่ะ ของ คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ครับ
สวัสดีค่ะ...เลือดสุรินทร์ฉีดแรงเลย ที่มีข้าวหอมมะลิที่อร่อยที่สุด นุ่ม เคี้ยวหนึบหนับ แต่ตอนนี้ชาวนาสุรินทร์กำลังเผชิญความแห้งแล้ง ชาวนาส่วนใหญ่อาศัยเทวดาเมตตาให้ฝนมา ไม่มีชลประทานที่สามารถบริหารจัดระบบการทำนา ทำการเกษตรได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง นึกถึงสมัยเด็กนั่งล้อมวงกินข้าวข้างเถียงนาน้อย กับข้าวง่าย ๆ แต่ทำไมมันอร่อยมากที่สุดก็ไม่ทราบ ส้มตำก็ไม่ต้องมีครก มะนาวไม่ต้องใส่เอามดแดงนี่นล่ะแทน กินหมดเกลี้ยงเลยค่ะ