ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศไทย
น้ำฝนเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของไทย จากสถิติภูมิอากาศของประเทศไทยในคาบ 30 ปี (พ.ศ. 2504 - 2533) ปรากฏว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีมีค่าเท่ากับ 1,539.74 มิลลิเมตร นับได้ว่ามีปริมาณมากพอควร ฝนส่วนใหญ่จะตกในฤดูฝนซึ่งมีระยะประมาณ 5 - 6 เดือน ส่วนฤดูร้อนและฤดูหนาวจะมีฝนตกน้อย ยกเว้นภาคใต้และบางส่วนของภาคตะวันออกที่มีฝนตก ตลอดปี
ปี 2554 ประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปีฝนที่มาเร็วกว่าปกติและปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2554 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 35% เนื่องมาจากปรากฎการณ์ลานีญา พายุ ร่องมรสุมและลมประจำท้องถิ่น
เนื่องจากปัจจัยทางธรรมชาติหลายประการ ทำให้แต่ละภาคของประเทศได้รับปริมาณน้ำฝนไม่เท่ากัน ภาคใต้เป็นภาคที่ได้รับปริมาณน้ำฝนมากที่สุด เฉลี่ยตลอดปีเท่ากับ 2,272.64 มิลลิเมตร ภาคที่ได้รับฝนน้อยที่สุดคือภาคตะวันตก เท่ากับ 1,215.53 มิลลิเมตร ต่อปี หากพิจารณาในระดับจังหวัด จะพบว่าแม้จะอยู่ในภาคเดียวกัน ก็ได้รับปริมาณน้ำฝนไม่เท่ากัน เช่น กรุงเทพมหานครได้รับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีเท่ากับ 1,496.8 มิลลิเมตร ในขณะที่จังหวัดนครสวรรค์ซึ่งอยู่ในภาคกลางเช่นเดียวกัน ได้รับฝนเพียง 1,119.0 มิลลิเมตร ต่อปี
การพิจารณาถึงแหล่งน้ำจากน้ำฝนนั้น จะพิจารณาเพียงด้านปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอย่างเดียวจะไม่เป็นการเพียงพอ จะต้องพิจารณาถึงด้านการกระจายของน้ำฝนด้วยว่ามีการกระจายสม่ำเสมอตลอดทั้งปีหรือไม่ การเกษตรของไทยนั้นอาศัยน้ำจากน้ำฝนเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทานนั้นมีเพียงเล็กน้อย จากสถิติของกรมชลประทานปี พ.ศ. 2544 ประเทศไทยมีพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทานเพียงร้อยละ 24.03 ของเนื้อที่ถือครองทางการเกษตร (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) การเพาะปลูกพืชส่วนใหญ่จึงเป็นการเพาะปลูกตามฤดูกาล ในบางครั้งความไม่แน่นอนของฝน ก็ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลเป็นอย่างมาก
ที่มา:http://human.tru.ac.th/elearning/Human%20Being/human-detail3_6.html
http://www.thaiwater.net/current/flood54.html
ไม่มีความเห็น