เรียนรู้จากบรมครูทางธุรกิจ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ตอนที่ 4


นี่เป็นความเข้าใจความเป็นคน ความเข้าใจโลก ที่ท่านสวัสดิ์ต้องทำใจด้วยสโลแกนประจำใจ ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย และไม่ผูกคอตาย จึงเป็นบทเรียนว่าจะทำอะไร ถ้าเข้าใจความเป็นคน ความเข้าใจโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ก็จะอยู่รอดปลอดภัยได้ และอาจเจริญก้าวหน้าได้ หากไม่ตั้งใจโกง

@ไม่เบี้ยว ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย

ก็บริหารดำเนินงานไปเรื่อย ๆ ผมมีหน้าที่ผลัดหนี้ ยกตัวอย่าง วันหนึ่งผมเดินออกจากห้องเห็น CFO ของผมเป็นผู้หญิง ความรู้ดี สวยด้วย เดินออกมาร้องไห้เข้าห้องน้ำ ผมถามว่า มีอะไรหรือ เขาบอกไม่มีอะไร มีเจ้าหนี้นั่งในห้องประชุม 10 กว่าคน ผมเลยเดินเข้าห้องประชุมและพูดกับเจ้าหนี้ในห้องนั้นทุกคนว่า 

ผมบอกว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นสมุห์บัญชี เป็น CFO จบบัญชีเกียรตินิยมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบปริญญาโทที่อเมริกา จบบัญชีการเงิน เขามาจากครอบครัวที่ดี วันที่มาสมัครงานขับรถเบนซ์ 190 แล้ววันนี้ เขายังทำงานอยู่กับผม จริง ๆ แล้ว พวกคุณเรียกตัวเองว่า โปรเฟสชั่นแนล คุณรู้มั๊ย โปรเฟสชั่นแนลหมายถึงอะไร พวกคุณไม่รู้หรอก หรือรู้แต่อาจจะลืม แต่เธอมี 100% เลย คือ เขาไม่ทิ้งบริษัทยามที่บริษัทลำบาก ที่จริงทิ้งไปก็ได้ เงินเดือน 1 แสนบาท พ่อแม่รวย ความรู้ดี แต่ทำไมเธอถึงยังอยู่ เขามีความเป็นมืออาชีพ

 คนทำงานเก่ง และรวย  จะอยู่กับนายต่อไปหรือไม่ บางทีก็ไม่ใช่เพราะเงิน  ความผูกพันในไมตรีจิต  ที่มีต่อกันมายาวนาน คงเป็นเหตุไม่ให้ตีจาก   อันนี้เรียกว่าเป็นผู้มีความกตัญญูประการหนึ่ง  เมื่อมาบวกกันกับเจ้านายดี ที่ปฏิบัติกับลูกน้องด้วยการเคารพในศักดิ์ศรีของกันและกัน  ก็อยู่กันได้ยาว  ถ้าเจ้านายฮ่วย  ก็ตีจากไปนานแล้ว อันนี้ก็เป็นตัวชี้ว่า ท่านสวัสดิ์  ก็เป็นเจ้านายชนิดเป็นเทวดาของลูกน้องเหมือนกัน ลูกน้อง 4000  คน ท่านไม่ทิ้ง ก็สุดยอดแล้ว

เมื่อกี้พูดอะไรเขาถึงร้องไห้ออกไป ถ้าจะทวงเงินทวงกับผม ผมบอกออกทีวีไปแล้วว่า ไม่จ่าย ทวงทำไม ด่ามันหมดทุกแบงก์เลยและอีกอย่างพวกคุณจำไว้ด้วย ผม ไม่ได้จ้างเธอมาเป็นหนังหน้าไฟ ผมนั่งอยู่ที่ออฟฟิศทุกวัน และไม่เคยไม่รับสายนายแบงก์คนไหน ถ้าผมไม่รับสาย หมายถึงผมไม่ว่าง

เจ้านายที่ดี ต่ออย่างนี้ ไม่เพียงรับหน้าคนที่จะมาด่าว่าลูกน้อง สามารถด่ากลับไปได้จึงต้องได้ใจจากลูกน้อง ที่ต้องทำงานแบบถวายหัยหัวเหมือนกัน

@ช่วงวิกฤตนอกจากคุณสวัสดิ์มีหนี้เป็นแสนล้านบาทยังไปช่วยเพื่อนๆหลายคนที่มีปัญหา

ช่วงวิกฤตผมต้องไปปลอบเพื่อนอีกคนปี 1997-1998 เพื่อนผมเดินเข้าเดินออกห้องผมปกติเพื่อนผมจะใส่เสื้อนอกช่วงนั้นไม่ใส่ เดินใส่รองเท้าแตะ พอเปิดประตูเข้ามาบอก ”หวัด” มีอะไรอม มันไม่สบาย  ผมบอกผมกำลังหาคนอมอยู่พอดี

มันบอกไม่สบาย อยากตาย เดินเข้าเดินออกเป็น 10 ครั้ง ผมเลยรำคาญ เปิดกุญแจผลักหน้าต่างออกไป เอาเก้าอี้ตั้งตรงบันได แล้วบอกอยากตายมานี่ ไปยื่นตรงนั้น ผมบอกถ้าไม่กล้าโดดจะถีบลงไปเอง

มันบอกไม่ได้หมายความอย่างนั้น กำลังกลุ้มใจมาก บริษัทมีปัญหา แล้วดูพวกคนอยากตาย เมียอ้อนวอน ตำรวจอ้อนวอนก็ยังไม่ยอม แต่พอหลุดเท้าพื้นเท่านั้น ให้พระเจ้าช่วย

ผมบอกเพื่อนต้องคิดเป็นหนี้คน ไม่ใช่คดีอาญา คิดให้มันตรรกะ นายแบงก์ต้องกลัวเรา  เงินอยู่กับเรา เจ้าหนี้ต้องพูดกับเราดี ๆ ไปกลัวทำไม แล้วไม่ถามผมเหรอว่า เป็นหนี้เท่าไหร่ เพื่อนผมมีหนี้ 4,000 ล้านบาท อยากกระโดดตึกตายต่อหน้าคนเป็นหนี้ แสนกว่าล้านบาท ถ้าหากคิดตามบัญญัติไตรยางค์ ผมต้องตายก่อนเพื่อนหลายพันปี เพื่อนผมควรจะถามผมว่า อยู่อย่างไร ถูกหรือไม่

ท่านสวัสดิ์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะโกงเงินแบงค์  หนี้เป็นแสนล้าน ก็เพราะรัฐบาลทำให้ค่าเงินบาทลอยตัวจาก 25  บาท  ต้องกลายเป็นสามสิบบาท  หนี้ที่เคยมีน้อย ก็กลายเป็นหนี้มาก  ไม่อยากโกง ก็ต้องกลายเป็นคนโกงไปด้วย  เป็นความซวยที่เกิดจากรัฐบาลแท้ ๆ

แต่ด้วยความเป็นนกรู้ว่า  คนเป็นหนี้คนอื่นเพียงผิดกฎหมายแพ่ง  ไม่ได้เป็นกฎหมายอาญา  ที่ต้องทำให้ติดคุก จึงกล้าที่จะต่อกรกับแบงค์ผู้เป็นเจ้าหนี้ ชนิดไม่มีถอย

ผมก็บอกผมอยู่อย่างนี้ เพื่อนผมธุรกิจเป็นบริษัทส่วนตัวมันง่าย ผมบอกเพื่อนว่า ในเมื่อนับถือศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร ท่านสอนบอกว่า วันที่ขาดสติ ก็หมดปัญญา กว่าเจ้าหนี้จะฟ้องล้มละลายใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา

ที่พูดในตอนต้น ๆ แล้วว่า ทำไมที่ท่านสวัสดิ์สามารถกระเตงหนี้มาได้ ถึงประมาณ  11 ปี  ก็เพราะท่านรู้กฎหมาย  ท่านจึงเฉยได้กับหนี้แสนล้าน

ก็นับว่าเป็นโชคของธนาคารเหมือนกัน ที่หนี้ไม่หายไปหมด  หากท่านสวัสดิ์ผูกคอตายเมื่อปี 2540 หนี้ธนาคารก็หายไปด้วย ซวยกันไปทั้งสองฝ่าย

เป็นเพื่อนผมต้องมาปรึกษาผม ผมแนะนำให้สร้างพยานหลาย ๆ คน  เฉพาะศาลชั้นต้นใช้เวเลาสืบพยาน 4-5 ปีแล้ว ในระหว่างนั้น ก็ทำธุรกิจไปปกติแล้วไซฟอน ( Syphon คือ การยักย้ายถ่ายเทผลประโยชน์ของบริษัทไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว)  มันถามว่า ไซฟ่อนคืออะไร ผมถามเพื่อนว่า เคยอมเงินเมียหรือเปล่า บอกว่า เคย ก็เปลี่ยนจากเมียเป็นแบงก์ก็เหมือนกันแหละ ทำไปก็อมเงินไป

ย่อหน้าข้างบนนี้  ต้องขอบคุณท่านสวัสดิ์ที่ออกมาบอกกล่าว  ให้ชาวพาราเห็น

วิธีการเอาตัวรอด ยามวิกฤติ   และทำให้รู้ว่าถ้าวิธีการนี้ถูกนำไปใช้ในการวางแผนโกงของบริษัทห้างร้าน  การโกงก็จะเติบใหญ่  ต่อไปได้ 

ความรู้ตรงนี้ น่าจะมีประโยชน์ตรงนี้

1.1 เอาไว้ใช้โกงบ้าง  แต่ก็ระวังให้ดี เพราะวิธีการนี้มันอาจจะสาย ตกยุคไปเสียแล้ว  หรือไม่ก็คงไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย พ้นไปได้ก็ใช่ว่าจะรอด เครียดเมื่อไร เป็นเหยื่อของมะเร็งร้ายอีก หรือไม่สันดานชั่วก็ติดไปยังลูกหลานอีก

1.2 เอาไว้ป้องกันความโลภรวยลัดของตนเอง จากการเล่นหุ้นที่ยังไม่รู้จริงจากสิ่งยั่วให้เป็นแมงเม่าเข้าโกงไฟ  ของพวกเซียนหุ้น หรือ บริษัทหน้าตาดี ที่คิดว่าไม่มีโกงใช้วิธีการไซฟอน  จนบริษัทล้ม เหมือนดังที่ อรหันต์ที่นอนได้บอกไว้ในตอนที่ 1

 

ปัญหามันกลุ้มใจ เพราะลูกเรียนเมืองนอกหมด ครึ่ง ๆ กลาง ๆ บ้านสร้างเอาไว้ คิดว่าชาตินี้ไม่มีจนแล้ว ผมบอกเจ้าหนี้ยังไม่ได้ฟ้อง ผมไม่ได้สอนให้ใครโกง เวลานี้ เอาความเป็นมนุษย์เป็นที่ตั้งสันดานดิบของมนุษย์เป็นที่ตั้ง  ศาสนา กฎหมาย กติกาสังคม มาทีหลังสันดานดิบมนุษย์

 ถามว่า มันหมดจากตัวเราทุกคนหรือเปล่า ยังอยู่ทั้งนั้นเลย ไม่อย่างนั้นจะเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน ข่มขืนเด็ก ข่มขืนคนชรา ฆ่ากันตาย ทั้ง ๆ ที่กฎหมายก็มี ศาสนาก็สอน แต่ทำไมทำ สันดานดิบ มันไม่ได้หมดจากคนเลย วันนี้ยังอยู่กับเรา เราต้องเอามาใช้ เราต้องดูแลครอบครัว  ถูกหรือไม่

การไซฟ่อนเงิน หรืออมเงิน ทำตามวิธีนั้น พอผ่านไป 4-5 ปี บ้านยังไม่ได้ฟ้อง ก็ให้ทำการโอนเลย มีลูกคนไหนบรรลุนิติภาวะ ขายให้ไปเลย เขายังไม่ได้ฟ้องให้โอนทรัพย์สินทุกอย่างให้หมด เหมือนวิชามาร แต่เราเป็นมนุษย์ ตอนวิกฤติเศรษฐกิจปี 1997 มีข่าวพ่อกลับไปถึงบ้านบีบคอลูกตาย ยิ่งเมีย ยิ่งตัวเองตาย หมายถึงหมดทาง คนไม่ได้เหี้ยม แต่คิดไม่ออก สรุปแล้วข่าวพาดหัวมีหนี้มากกลับไปถึงบ้านกลุ้มใจตายดีกว่า

นี่เป็นความเข้าใจความเป็นคน   ความเข้าใจโลก  ที่ท่านสวัสดิ์ต้องทำใจด้วยสโลแกนประจำใจ ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย  และไม่ผูกคอตาย   จึงเป็นบทเรียนว่าจะทำอะไร  ถ้าเข้าใจความเป็นคน  ความเข้าใจโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง  ก็จะอยู่รอดปลอดภัยได้ และอาจเจริญก้าวหน้าได้ หากไม่ตั้งใจโกง

เพราะฉะนั้นพวกเราลืมคิดว่า พวกเราเป็นมนุษย์ ต้องดูแลตัวเองก่อน และผมไม่หนี้ไปไหน เจรจาไป ศาสนามาทีหลังหรือเปล่า มนุษย์เกิดมาก่อน ค่อยมีศาสนา ค่อยมีกติกาสังคม ค่อยมีกฎหมายอย่าคิดว่า ตัวเองไม่มีสันดานดิบ เพียงแต่เราระงับได้ ทุกอย่างอยู่กับตัวเราเองไมได้หายไปไหน นี่คือสิ่งที่ผมคิด แล้วผมก็สอนเพื่อนทุกคน

วันนี้ที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนบอกคุณสวัสดิ์เยี่ยม แล้ววันนี้เป็นอะไร มันเป็นไปได้อย่างไร Only one night หากถามว่า ผมรักหน้าผมหรือไม่ รัก แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้ Let it be ถูกหรือไม่ ทุกคนชอบ เพลง Que Sera, Sera (Whatever Will Be, Will Be) อะไรเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด มันไม่ได้ติดคุก ล้มละลายมันยังอยู่นอกคุก

ความมั่นคงทางจิตใจของท่านสวัสดิ์  เกิดขึ้นได้เพราะความเข้าใจโลก เข้าใจสถานการณ์ ใช่ไหมครับ

แล้วจำไว้อะไรที่ไม่ได้ตีทะเบียน ไม่มีใครสามารถยึดได้ บางคนระหว่างเป็นหนี้คน เพื่อนผมผู้หญิงคนหนึ่งปกติชอบใส่แหวนเพชร เวลาไปหาแบงก์เจ้าหนี้ถอดออกหมด เราซื้อตอนเรารวยเป็นรางวัลชีวิตเรา วันนี้ไปเจรจาแบงก์ถอดทำไม เจ้าหนี้ยึดคุณไม่ได้ ถอดออกทำไมถ้าจะยึดผมผมก็บอกแหวนนี้ของเพื่อนผม มันเห็นผมทุเรศเกินไป ก็เลยให้ผมใส่ นาฬิกาก็เหมือนกัน เดี่ยวมันก็เอาคืนไป

อะไรที่จดทะเบียน เขายังไม่ได้ฟ้อง หรือถึงฟ้องแล้วยังไม่รู้ชนะหรือเปล่า เป็นสิทธิ์จะขายมันทิ้งไปเลย  ใครจะว่าโกงอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าไปคิด คิดอยู่อย่างเดียว มนุษย์ย่อมเอาตัวรอด กว่าเจ้าหนี้จะฟ้อง 10 ปี ก็ทำไปเก็บไป จะกลัวทำอะไร พอผ่านไปลูกเรียนจบทุกคนก็ยิ้มแย้มแล้ว

จบตอนที่ 4

ยังมีตอนที่ 5

หมายเลขบันทึก: 496469เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2012 11:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2013 09:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

 ศาสนา กฎหมาย กติกาสังคม มาทีหลัง สันดานดิบมนุษย์...สำคัญมากนะคะ

ขอบคุณบทความดีดีนี้นะคะ

กทน.สมศรี ครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน อย่างน้อยก็คอยส่งซิกให้พอรู้ว่า พอไปได้

แม้จะอ่านกันไม่มากก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะอ่านแล้วบางที บางคน มันอาจทำให้เครียด การโกงกันเป็นพันเป็นหมื่นล้าน เป็นไปได้หรือไม่ว่า มันไกลตัวเรา ใครจะโกงเอา ๆ ก็ทำไปเถิด เราไม่เกี่ยว

แต่ถ้าหากคิดให้ดี ๆ ไกล ๆ ก็ทำให้เห็นว่ามันกลับมาโกงเราเหมือนกัน อาจคิดว่าแบงค์ถูกโกงก็ช่างมันปะไร ไม่ใชเงินเรา แล้วเงืนแบงค์ละเงินใคร ก็เงินเรา ๆ ที่เข้าไปอยู่ในแบงค์นั่นแหละใช่ไหม แทนที่เราจะได้ดอกเบี้ยแพงๆ แบงค์ก็มาขูดเอา ๆ เพราะเขาไปหักกับที่ถูกโกงไป หรือ ไม่คิดกำไรไว้ให้มาก ๆ ไว้ชดเชยการโกง ตรงนี้ภาษาธนาคารอาจพูดโก้ ๆ ว่า การบริหารความเสี่ยงของแบงค์  แบงค์จึงไม่กลัวโกง เพราะคนส่วนใหญ่ คอยให้เงินแบงค์อยู่แล้ว หากเราไม่เข้าใจ ไม่เรียนรู้ เรา ซึ่งเป็นคนโดนทั่ว ๆ ไป ก็ถูกกระทำได้ โดยทั้งพวกขี้โกงและแบงค์ใช่ไหมครับ 

ย้ำนะครับว่าผมกำลังเรียนรู้ เรื่อง ธุรกิจ จากบรมครูสวัสดิ์ หอรุ่งเรื่องด้วยการคิดและเขียนมาแบ่งปันกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท