รู้เรื่องเอ็นเนียแกรมทำให้งานทีมง่ายขึ้นเยอะ


เรียนรู้เรื่องเอ็นเนียแกรมเพื่อสร้างทีมงาน

เมื่อพูดเรื่องทีมงาน ฉันจะคิดถึงเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันห้าวันในสัปดาห์ค่ะ ขอให้ได้เข้าใจว่าแต่ละคนเป็นเช่นไร  บุคลิก พฤติกรรม การแสดงออกโดยคำพูด สีหน้า ท่าทาง  เมื่อมีการปฏิสัมพันธ์ด้วย ฉันจะได้ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ให้รู้หลบรู้หลีกได้ ให้เจ็บตัวน้อยที่สุดถ้ามันจะต้องเกิดเหตุ

ฉันเองพยายามหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้คนมาอ่านอยู่เรื่อยๆ บางเล่มก็อ่านสนุก บางเล่มก็ไม่รู้เรื่อง พอมีจังหวะเหมาะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันจึงรีบคว้าโอกาสไว้ เพราะฉันคิดว่าการอ่านหนังสือเองคนเดียว ฉันไม่เกิดความมั่นใจพอที่จะตัดสินใจอะไรลงไป ต้องขอมีแหล่งอ้างอิงเป็นเครื่องช่วยเหลือให้การคิด วิเคราะห์และตัดสินใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ และรู้เพิ่มเติมที่ได้ในบันทึกนี้จึงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ การใช้ Enneagram เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารในทีมงาน” ซึ่งการอบรมครั้งนี้เป็นการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จัดโดยสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มช. ค่ะ

การอบรมครั้งนี้เท่ากับว่าฉันไปทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง Enneagram จากตำราที่หาอ่านเรื่อยมา และการนำประยุกต์ใช้ในการทำงานร่วมกับผู้คนมากมาย  วิทยากรบรรยายเรื่องนี้คือ ผศ.ดร.ถวัลย์ เนียมทรัพย์  รองคณบดีฝ่ายพัฒนาองค์การและประสานงาน  คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดการอบรมโดย บริษัทเอ็นทียู (ประเทศไทย) จำกัด

อย่างที่ฉันเองเคยบ่นเกริ่นไว้ใน “อนุทิน” เรื่อง ที่ทำงานฉันมีคน 9 คน ก็ 9 แบบ แถมความอ่อนด้อยในการศึกษาทีมงานยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แม้จะอ่าน/อ่าน/อ่านหนังสือ เล่มนี้ที่เลือกแล้วว่าเข้าใจง่ายดีจริงๆ ก็ยังรู้สึกว่าขาดผู้ชี้แนะแบบครูผู้ให้ไปค่ะ เวลานี้ฉันเข้าใจเพิ่มขึ้นแล้ว จากหัวข้อที่วิทยากรแนะนำมา

และก็ยิ่งแน่ใจด้วยว่าตัวฉันเองนั้นเป็นคนลักษณ์ไหน  เมื่อรู้จักตัวเองแล้ว...แล้วจะยังไงต่อไปล่ะ? นั่นสิคะ  คำถามนี้ได้คำตอบตรงนี้เองค่ะว่า วิเคราะห์  ตัวฉันเองคือลักษณ์... ที่มีปีกของลักษณ์...และลักษณ์...  ส่วนลูกศรวิ่งไปที่ลักษณ์...เมื่อเราเครียด แสดงออกด้านลบ  แต่เมื่อฉันผ่อนคลายฉันจะไปใช้ลักษณะเด่นของลักษณ์... แต่สิ่งที่สำคัญและสบายใจขึ้นเยอะก็คือ “คนเราเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของเราเองได้ถ้าเรารู้ว่าเราเป็นอย่างไร แต่ลักษณ์ของเราจะไม่เปลี่ยนไป”

ฉันว่าฉันภูมิใจนะที่รู้ว่าเป็นคนลักษณ์ไหน มันทำให้ฉันอดคิดถึงการกระทำของตัวเองไม่ได้ และคิดเลยไปถึงหนังสือแนวจิตวิทยา “ฉันก็เป็นฉัน” แบบนี้จะให้เปลี่ยนได้อย่างไรกันเล่า?

สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมในครั้งนี้ คือ การเรียนรู้เรื่องนพลักษณ์สำคัญอย่างไร ทำไมลักษณ์ทั้งเก้าต้องอยู่บนเส้นรอบวงของวงกลม ทุกเบอร์ลักษณ์มีความเท่าเทียมกัน มีข้อดีด้อยเหมือนกัน นพลักษณ์ช่วยการเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างไร

ฉันได้ความเข้าใจเพิ่มมาว่านพลักษณ์แบ่งคนออกเป็นสามศูนย์ ทุกคนมีพลังสามศูนย์  ท้อง/ใจ/หัว
ท้อง   8   9  1      อารมณ์พื้นฐานคือ  ความโกรธ >> มาเลยมาสู้กัน
ใจ     2   3  4     อารมณ์พื้นฐานคือ ความกังวล >> คิดจะอยู่กับเขายังไงดี
หัว    5   6   7  อารมณ์พื้นฐานคือ  ความกลัว
มาดูคนแต่ละลักษณ์ตามลำดับศูนย์กันนะคะ


ศูนย์ท้อง   Body  8/9/1
9 ประสานไมตรี
โลกมองข้ามเรา  ไม่ค่อยปฏิเสธ ทำให้คนอื่นก่อน  ส่วนของตัวเองดินพอกหางหมู  โกรธแรงแต่นานๆโกรธเพราะสะสมโกรธไว้ กิเลสทางอารมณ์คือเฉื่อยชา ด้านความคิดยึดติดเกียจคร้าน  เป็นการหลงลืมตนเอง เห็นตัวเองค่อนข้างหยาบ  จากภาพอยู่ตรงกลางสามเหลี่ยมศูนย์ท้อง
8  ผู้รักษาสิทธิ์ เจ้านาย  มองโลกนี้ไม่ยุติธรรม  จะเข้ามาพิทักษ์โลกถ้าเห็นการเอารัดเอาเปรียบจะเข้าไป ปกป้องคนอ่อนแอ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องอะไรของตน  กล้าพูดแสดงสิทธิ จนดูเหมือนเป็นคนก้าวร้าว สร้างเกราะให้ตัวเองดูเข้มแข็ง พลังรังสีอัมหิตชัด แต่ถ้าคบด้วยกับคนแปดไปนานๆ จะรู้ว่าจริงๆ แล้ว ข้างในลึกๆ คนแปดจะมีตุ๊กตาหมีพูห์ซ่อนอยู่  การคบคนลักษณ์แปดต้องพยายามดูตัวจริงข้างในเขา  คนแปดเวลาทำอะไรจะสุดๆ  ทำเต็มที่  และมีกิเลสทางความคิดคือการแก้แค้น  จะคิดว่าถ้าวันนี้ยังปกป้องใครไม่ได้  วันพระไม่ได้มีหนเดียวยังมีเวลาที่จะกลับมาปกป้องให้ได้ ไม่เก็บพลังโกรธ
1 คนเนี้ยบ  มองโลกนี้ยังมีข้อผิดพลาด ไม่สมบูรณ์  จะมองแล้วจะเข้าไปแก้ไข  เป็นคนที่มองอะไรแล้วแต่จะมองไปหาความผิดพลาด จะมีคำของตัวเอง  ควร/ไม่ควร ต้อง  ถูก/ผิด  เป็นคนเครียดยึดกฎเกณฑ์  คิดว่าคนอื่นต้องอยู่ในกฎเหมือนกัน มักมองตัวเองยังไม่ดีพอจะพัฒนาตัวเองมากขึ้น   เก็บความโกรธของตัวเองโดยเชื่อว่ามันไม่ดี แต่ท้ายสุดก็ต้องแสดงซึ่งจะรุนแรงมากและจะกลับมาด่าทอตัวเองในสิ่งที่ทำไม่ดีออกไป ยึดติดความขุ่นใจที่อะไรของแค่นี้ทำไมไม่รู้

ศูนย์ใจ   Heart  2/3/4
3  ผู้ใฝ่สัมฤทธิ์  
เป็นนักแสดง  โลกนี้จะยอมรับเรา  มีเป้า ต้องให้ประสบสำเร็จ มีทีละหลายเป้า  จะพัฒนาทักษะ ปรับตัวเองกับคนที่ไปมีปฏิสัมพันธ์เพื่อไปถึงเป้าหมายของตัว  จิ้งจกเปลี่ยนสี  บางครั้งมุ่งเป้าหมายมากจนลืมนึกถึงคนอื่น (คนอื่นไม่ได้คิดเหมือนสาม)  กิเลสด้านอารมณ์เป็นเรื่องความหลอกลวง  เป้าหมายที่อยากให้เป็นท้ายสุดแล้ว มันใช่หรือเปล่า หลอกตัวเอง/คนอื่น? กิเลสด้านความคิดคือความอวดโอ่ ว่ามีใครจะทำได้เหมือนเราไหม สามจะค่อนข้างเหนื่อยเพราะมีเป้าๆๆๆ ต้องทำอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา  เวลาเข้าสังคมจะสังเกตชัดเรื่องท่าทางการแต่งกายต้องดูเด่นเป็นเอกลักษณ์มากกว่าคนอื่น  เป็นเป้าสนใจ
2  ผู้ให้   โลกนี้จะได้ความสุขเมื่อเป็นผู้ให้  เป็นการให้แบบมีความหมาย ให้ไปแล้วคนที่รับจะต้องประทับใจมากๆ  คบหาสมาคมกับใครเป็นพิเศษก็จะมีทักษะสังเกตรู้ความต้องการอารมณ์คนพิเศษและจะคัดสรรอย่างดีสิ่งที่จะให้ เพราะอยากได้ความรักก็เลยต้องให้ ให้โดนใจถูกใจที่สุด  คำถามมีว่าให้อะไรไปแล้วคนสองหวังอะไรตอบแทนหรือเปล่า  ในเบื้องหลังการให้  ก็หวังเหมือนกันแต่ไม่กล้าจะบอกกับใคร  คือจะรู้ความต้องการของตัวเองแต่จะอ้อมไปอ้อมมาไม่บอกตรงๆ กลัวความสำคัญของตัวเองด้อยค่าลง  สองจะมีวิธีการหว่านเสน่ห์วาง แผนให้คนอื่นทำ เป็นคนอยู่เบื้อหลัง ไม่ออกหน้า กุมบังเหียน กิเลสทางอารมณ์มีคือความถือตัว ฉันเก่ง มีความสามารถรู้ความต้องการคนอื่น ไม่มีใครทำได้ดีกว่าสอง จะคิดว่า  ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก  กิเลสทางความคิด ยึดติดการประจบ  คิดว่าคนที่ตัวเองจะให้อะไรจะสามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้
4  คนโศกซึ้ง  เข้าใจยาก วิธีการมองโลกว่าโลกนี้มีบางสิ่งขาดหายไป โลกนี้ไม่เข้าใจเรา  พยายามจะแสวงหาเติมเต็ม แต่มันไม่เต็ม  มีอารมณ์เศร้าที่คนสี่คิดว่ามันดี ศิลปิน  เป็นแรงผลักดัน  ความสัมพันธ์แบบผลักๆ ดึงๆ  เวลาเจอใครที่คิดว่าใช่เลย จะดึงเป็นของตัวเอง แต่พอคบหาสักระยะเห็นว่าไม่ใช่ จะปล่อยไป พอเขาไปจริงๆ ก็จะไปดึงกลับมาว่าของฉันหายไป เป็นคนที่เมื่อพูดคุยกับใครจะเข้าใจความรู้สึกอารมณ์คนอื่นได้เป็นอย่างดี  เวลาคุยกับคนลักษณ์สี่เราต้องใช้อารมณ์ พูดคุยด้วย  กิเลสคนสี่ทางอารมณ์คืออิจฉา  คนอื่นมีทำไมเราไม่มี ได้ไม่เหมือนเขา  แล้วจะพยายามแสวงหา กิเลสทางความคิดคือความโศกซึ้ง แต่มันเป็นตัวหล่อเลี้ยงให้ตัวเอง  พลังใจมุ่งเข้าสู่ตัวเอง อยู่กับตัวเอง

ศูนย์หัว  Head  5/6/7
6 นักปุจฉา
 โลกนี้อันตราย น่ากลัว ต้องพยายามทำอะไรให้รู้สึกปลอดภัย หาทางป้องกัน   ออกจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไว้วางใจใครยากมาก เจอคนใช้อำนาจจะกลัวและหลีกเลี่ยง  แต่ถ้าทำให้คนลักษณ์หกไว้วางใจ เขาจะเป็นคนที่อุทิศตัว จงรัก  สิ่งที่จะทำให้คนหกดีด้วยเราต้องคง เส้นคงวากับเขา  ทำให้เขารู้สึกมั่นคง  แต่คนลักษณ์หกมีสองแบบ เวลาเจออันตราย คนที่ออกไปสู้ เป็นพวก...counter phobic กับ ถอยหนี กิเลสคือความกลัว  ถ้าไม่สู้ก็หนี  คนลักษณ์หกอยู่กลางศูนย์หัวเลยเป็นคนที่คิด กลัวอันตรายมาก
7 นักผจญภัย  คิดว่าโลกนี้จำกัดเรา  ทำให้อึดอัดทนไม่ได้ ต้องแสวงหาทางออก ถ้าถูกบีบ บังคับให้ทำงานแต่ไม่มีอารมณ์  ลักษณ์เจ็ดจะหาทางออกหาทาเลือกให้ตัวเอง ที่สนุก จะมีจินตนาการ คิดเรื่องอื่นๆ  มองโลกแง่ดีตรงข้ามลักษณ์หก  ทุกอย่างมีทางออกแก้ได้  เป็นเจ้าวางแผน เจ้าโปรเจค แต่ทำไประยะหนึ่งแล้วปล่อยให้คนอื่นทำ กิเลศความคิด วางแผนเก่ง คิดคล้ายคนลักษณ์แปด  พุ่งออก
5 นักสังเกตการณ์  มองโลกเรียกร้องเขาเยอะ มาวุ่นวายกับเขามาก จะต้องการความเป็นส่วนตัว  พื้นที่ส่วนตัวจะทำให้เขาเป็นตัวของตัวเอง  จะอึดอัดถ้าไม่ได้เตรียมตัว  เป็นศูนย์หัวที่ชอบแสวงหาข้อมูล  จะลงลึกรู้จริง  เวลาประชุมจะแยกตัวมานั่งข้างหลัง จะจดบันทึก  เป็นประเภทประหยัดอารมณ์ไม่ชอบ แสดงความรู้สึกของตัวเอง  แต่ก็มีอารมณ์  กิเลสคือความโลภ  โลภข้อมูลข่าวสาร  สุขกับการแสวงหาข้อมูลให้ตัวเอง  กิเลสทางความคิดคือตระหนี่ ได้ข้อมูลแล้วจะเก็บไม่อยากให้คนอื่นรู้  พลังหัวของลักษณ์ห้าจะพุ่งหาตัวเอง  เก็บตัว  อยู่คนเดียวต่างลักษณ์เจ็ด

เรียนรู้ศูนย์และลักษณ์ทั้งเก้าแบบแล้วยังมีองค์ประกอบอีกสองที่สำคัญคือ ปีก และ ลูกศร

ปีก มีความหมายมีอิทธิพลมีผลต่อพฤติกรรมแสดงออกของคน  และเพราะหนึ่งคนมีได้หลายลักษณะ แต่มีลักษณ์หลักได้แค่เบอร์เดียว  ลักษณ์หลักคืออะไร  จะมีปีกสองปีก แต่ละปีกทำงานมากน้อยไม่เท่ากัน  เช่น  ลักษณ์เก้า  มีปีกแปดกับหนึ่ง
ลูกศร  จุดในวงกลมวิ่งไปที่ไหน  และภาวะวิ่งทวนลูกศร อธิบายภาวการณ์ที่คนๆ นั้น  ผ่อนคลาย จะย้อนศรไปใช้ลักษณะด้านบวกของเบอร์นั้น  ถ้าเครียด  แสดงลักษณะลบ จะวิ่งไปตามศร เก้าจะวิ่งไปสาม จะสบายใจมีเป้าหมาย เริ่มกำหนดทิศทางการดำเนินชีวิตได้ชัดเจนขึ้น


ประโยชน์นพลักษณ์

เราได้เข้าใจตัวเราเองเราจะเห็นทุกข์/สุข เราจะเข้าใจคนรอบข้าง แล้วยอมรับ ทั้งตัวเราเองละคนอื่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะ ต่อตนเอง/ผู้อื่น เสริมความเมตตา ปราณี ให้อภัย ปรารถนาดีต่อคนรอบข้าง และสามารถทำให้ตนเองมีความสุข

เรียนรู้นพลักษณ์แล้วควรใช้งานมันให้ต่อเนื่อง พัฒนาสู่ทางธรรมๆ

การค้นหาลักษณ์ มีวิธีการต่างๆ ตั้งแต่ ทบทวนตัวเอง สังเกตตัวเอง  ดูพฤติกรรมที่เกิดขึ้นว่าเบื้องหลังคืออะไร  เรามีวิธีคิด ทำยังไง  ถ้าให้ดีการสำรวจตัวเองก่อนอายุสามสิบจะทำให้เราเริ่มเห็นตัวเอง  ข้อแนะนำควรจะต้องเปิดเผย   การอ่านหนังสือ  อ่านแล้วพยายามเทียบเคียงว่าเราเป็นใคร  การใช้แบบทดสอบ และการฝึกอบรม

นพลักษณ์กับการทำงานเป็นทีม เราเรียนรู้ใช้นพลักษณ์เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ผู้พูดและผู้ฟัง ดูผู้พูด  ดูลักษณะหรือสไตล์การพูด  และ ภาษาท่าทาง ดูผู้ฟัง ดูถึงสิ่งที่ปิดกั้นการรับฟัง ดูค่ะว่าแต่ละคนนั้นมีพื้นฐานทางบุคลิกภาพอย่างไร  แต่วิธีที่ดีในการมองคน ให้มองตัวเราและลองสลับบทบาทตัวเราระหว่างการเป็นผู้พูดและผู้ฟังด้วย เรื่องนี้ฉันนึกตามสถานการณ์ที่เป็นจริง เวลาเราอยู่ร่วมกันหลายๆ คน ลักษณ์แต่ละลักษณ์จะแสดงลักษณะการพูดและภาษาท่าทางออกมา  อย่างลักษณ์ห้า พูดสั้นไม่ขยายความ ท่าทางเฉยๆ ไม่แสดงอารมณ์ ก็น่าลำบากใจนะคะ ไม่รู้ความต้องการที่แท้จริง  มองกลับกัน คนลักษณ์ห้าก็อยากจะบอกจะอธิบาย แต่ไม่รู้สิคะ อะไรทำให้ต้องเก็บคำก็ไม่ทราบค่ะ  ^__^

สำหรับการเรียนรู้ดูผู้คนให้ออก บางครั้งฉันเองก็สับสนค่ะ อย่างเช่น เรื่องที่พบเจอบ่อยๆเวลาอยู่กับทีมงาน  จากการเฝ้าสังเกตความสนใจ  มีคนลักษณ์เก้าเขาจะไม่รู้ความต้องการของคนอื่น  ต่างจากคนลักษณ์สอง  สองจะรู้ แต่เก้าต้องบอกให้รู้ จึงจะช่วย และทั้งสองลักษณ์ก็ดีค่ะ คือ ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นั่นคงเป็นเพราะการมองโลกที่ไม่เหมือนกัน มุมมองเลยแตกต่างส่งผลต่อการแสดงออก การกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้น 

ในการทำงานร่วมกันนั้น นพลักษณ์ที่ฉันศึกษาเรื่อยๆ มา ช่วยให้ฉันมองผู้คนด้วยมุมมองที่เข้าอกเข้าใจ ทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกเหมือนอารมณ์กำลังจะ “เดือดปุดๆ” แต่พอ "สติ" เตือนให้เห็นเหตุของการกระทำนั้นๆ  เสียงที่ดังอยู่ข้างในหัวฉันจะบอกว่า ก็เขาเป็นเช่นนั้นนี่นา พยายามเข้าใจเขา เลิกคิดว่าจะให้เขาเป็นแบบที่เราต้องการ เดี๋ยวก็แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้  แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกัน ซึ่งก็ตรงกับที่วิทยากรเสริมไว้ว่าหากเราศึกษารู้และคิดว่าคนที่เรารู้จักเป็นคนลักษณ์อะไร เราก็ควรจะรู้อยู่กับความคิดของเรา ปรับตัวเราให้เข้ากับเพื่อนของเราเอง ไม่ควรต้องไปบอกกับใครๆ ว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนลักษณ์ไหน  เหมือนเราไปตัดสินใครๆ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าตัวจะบอกให้รู้ว่าเขาเองเป็นคนเช่นไร(ลักษณ์อะไร)

และจะอย่างไรก็แล้วแต่ วิทยากรสรุปไว้น่าฟังและคิดตามค่ะว่า  เรียนรู้นพลักษณ์ทำให้เห็นและเข้าใจตัวเราเอง ช่วยให้เรามีความสุขในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่จะทำให้เราสุขมากขึ้นคือหลักธรรมคำสอนพุทธศาสนา

มาถึงตรงนี้ฉันคิดถึงหลายๆ คนที่ฉันรู้จัก โดยเฉพาะ คุณ Blank Sila Phu-Chaya ท่านจะได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะมากจากคุณศิลาค่ะ

แนะนำหนังสือค่ะ

  • มองคนด้วยมุมใหม่ เปลี่ยนใจให้เป็นสุข เอ็นเนียแกรม คนเก้าแบบ = The Enneagram made easy / เรนนี บารอน และ อลิซาเบ็ท เวเกิล เขียน ; วาจาสิทธิ์ ลอเสรีวานิช แปล พิมพ์โดย  มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2549
  • รักผลิบาน งานผลิผล เข้าใจคนด้วยเอ็นเนียแกรม / เฮเลน พาล์มเมอร์ ; ร. จันเสน, แปล พิมพ์โดย  มูลนิธิโกมลคีมทอง, 2550

แนะนำเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องค่ะ

หมายเลขบันทึก: 495242เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2012 21:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม 2012 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เห็นด้วยที่สุดเลยค่ะ.. ขอบคุณมากเลย

 

สวัสดีค่ะคุณ Blank kunrapee

  • ยินดีค่ะ
  • ต้องใช้เวลาศึกษาเยอะเหมือนกันนะคะ

 

สวัสดีเจ้าค่ะน้าBlank น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ

  • การบ้านส่วนบุคคลค่ะ
  • เรียนรู้เพิ่มเติม ไม่บันทึกไว้ก็ลืมหมดสิคะ
  • มีการบ้านอีกเยอะเลย  ไม่รู้ทำหมดเมื่อไร ไปดูการทำงานของ "นกฮูก" ที่ AIS เอย องค์กรแห่งความดีอีกเอย...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท