พระสงฆ์กับเงินตรากับกรณีปัญหาพระอ.เกษม อาจิณฺณสีโล


            พระเกษม อาจิณฺณสีโล พระผู้โด่งดังเพราะข้อหาอยากดัง ด้วยการทำอาการต่างๆ ที่ไม่เรียบร้อย ดังปรากฏเป็นข่าวในสื่อกระแสหลักและ social media ชาวพุทธส่วนใหญ่รับไม่ได้กับการแสดงออก ดังกล่าว โดยไม่ทันได้ฟังคำพูดของท่าน ก็ก่นด่าเสียไม่มีเหลือชิ้นดี ผู้เขียนได้สนใจติดตามข่าวก็ พบว่า มีสานุศิษย์ของท่านกลุ่มหนึ่งยังเชื่อมั่นศรัทธาในตัวท่าน แม้ท่านจะถูกศาลพิพากษาจำคุกและ ปรับเงินแล้วก็ตาม สิ่งที่ลูกศิษย์กลุ่มนี้ยังศรัทธาแน่นแฟ้นก็คือ การแสดงออกทางกายกับสิ่งที่ต้อง การสื่อนั้นไม่ได้สัมพันธ์กันนัก กล่าวคือ การแสดงอาการดังกล่าวนั้นท่านให้เหตุผลว่า เพื่อให้สังคม สนใจและรู้ว่า ท่านไม่ได้อยากดัง พระที่อยากดังต้องไม่กล้าทำเช่นนี้ แต่แสร้งทำเป็นนั่งเงียบขรึม และพูดจาให้เคลิบเคลิ้ม หรือ เสกเป่าเวทมนต์คาถาต่างหาก ประเด็นต่อมาที่ท่านต้องการให้สื่อและ สังคมสนใจก็คือ ท่านอยากให้มหาเถรสมาคม แก้ปัญหาพระทำผิดวินัย หลักๆ ก็คือ ภิกษุรรับเงินและ ทองเป็นอาบัติปาจิตตีย์ ทั้งรับไว้เพื่อตนหรือรับเพื่อผู้อื่น ก็ตาม รวมถึงให้คนอื่นเก็บไว้ให้ตน ก็ผิด พระวินัยเช่นกัน (แต่อย่างไรก็ตาม แบบอย่างที่ดีก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ พระสงฆ์ก็ยังควรรักษาพระวินัย แม้เล็กน้อยเอาไว้ให้อนุชนได้ประพฤติตาม การประพฤติตนไม่สำรวมโดยอ้างว่าใครอยากสำรวมก็ให้สำรวมเอาเอง ไม่ใช่ให้พระเกษมท่านสำรวมให้ ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ก็ผิดอีกส่วนหนึ่งก็คือ การประพฤติตนไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย ก็ เป็นอาบัติ การยังชุมชนที่ไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใสก็ทำไม่ได้ และการทำผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ให้ศรัทธาตกไปก็ไม่ถูกต้องนัก หากพระพุทธเจ้าและพระอริยะทั้งหลายคิดแบบนี้ทั้งหมดก็คงจะเห็นพระหลุดโลกกันเต็มไปหมดแน่ ) อย่างไรก็ตามการไม่สำรวมของท่านก็เป้นคนละประเด็นกับสิ่งที่ ท่านนำเสนอกล่าวคือ

             พระเกษมกล่าวว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาเพราะ

             ๑. พระสงฆ์รับเงินกันจนเป็นปกติ

             ๒. ชาวบ้านก็เคยชินกับการถวายเงินพระ

             ๓.พระสังฆาธิการตั้งแต่เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด เจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน รองสมเด็จ สมเด็จ เรื่อยไปจนถึงสมเด็จพระสังฆราช รวมถึงพระพิธีธรรมต่างๆ ล้วนมีนิตยภัต หรือ เงินเดือนพระ ซึ่งเจ้าตัวคือพระสงฆ์ต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับการโอนเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

             ๔. หลายกรณีพระสงฆ์เปิดบัญชีธนาคารเพื่อสะสมเงินโดยใช้ชื่อตนเอง และเมื่อวาสิกขาไปก็พบว่า บางคนร่ำรวยมาก จากเงินที่เก็บสะสมได้ในขณะเป็นพระ

             ๕. พระสงฆ์ที่เรียนหนังสือ ต้องเสียค่าเทอมกันรูปละ หลายหมื่นบาท หรือ หลักแสนในระดับป.โท ป. เอก ก็จำเป็นต้องหาเงินมาจ่้ายค่าเทอม

             ปัญหาดังกล่าว ยังส่งผลต่อเนื่องไปถึง

            ๑.ปัญหาอาชญากรรม พระสงฆ์หลายรูปถูกฆ่าตายเพราะการชิงทรัพย์ และถูกขโมยเงินไป (จนเป็นข่าว ชาวบ้านอาจคิดว่า โจรใจบาปปล้นแม้กระทั่งพระ ผู้เขียนคิดเพิ่มเติืมไปอีกว่า พระทำไมมีเงินให้โจรปล้น)

            ๒. พระสงฆ์หลายรูป ถูกลักขโมยโทรศัพท์ขณะออกไปบิณฑบาตทั้งวัด

            ๓. ชาวพุทธยึดติดค่านิยมการทำผ้าป่า กฐิน เพื่อหาเงินไปให้พระมากๆ ๔.พระสงฆ์ถูกวัตถุนิยมครอบงำได้ง่าย และสะสมเงินทองมาก เกินไป

          หากเราจะหันกลับไปปฏิบัติตามพระวินัยให้เคร่งครัด เหมือนเดิม ปัญหาที่ตามมาบ้างก็คือ พระสงฆ์ที่จำเป็นต้องเดินทาง แต่รถโดยสารไม่พอใจที่จะรับเท่าไหร่ หากไม่มีเงินจ่าย และค่าน้ำค่าไฟของวัด หากไม่มีผู้เป็นเจ้าภาพ ก็อาจจะลำบาก ซึ่งปัญหานี้ก็น่าแก้ไขได้ ไม่ยากนัก แต่ที่ยาก ก็คือ พระสงฆ์ทั้งประเทศจะคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ หรือ จับพระเกษมสึกซะ แล้วเรา ก็รับเงินกันต่อไปเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หมายเลขบันทึก: 494920เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2012 23:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 กรกฎาคม 2012 23:08 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท