แยะแยะเรื่องราว (ความคิด การตัดสิน+สิ่งที่เกิดขึ้นและที่มีอยู่ )


อยู่กับสิ่งที่มี ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ การตัดสิน ตีความ ให้ความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2555 นี้ผมได้รับเชิญให้เป็นกระบวนกรร่วมกับเพื่อนอีกท่านหนึ่ง ณ อาศรมวงค์สนิท จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นการรวมตัวของเครือข่ายเกษตรทางเลือกหรือเกษตรอินทรีีย์ โดยมีนานาประเทศเข้าร่วมกว่า 50 คน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าอย่างผมเนี่ย ภาษาไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไร เจออังกฤษธรรมดาก็จะแข็งทื้ออยู่แล้ว ยิ่งเจอกับทางแอฟริกายิ่งร้ายเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมองว่าเป็นคุณค่านอกเหนือไปจากการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนต่างๆแล้วคือ 1.เห็นเรื่องของการสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากเป็นภาษาไทยแล้วผมมั่นใจว่าจะสร้างความแตกต่าง น่าประทับใจได้ไม่อยาก แต่พอตัวเองมีข้อจำกัดในการสื่อสารแล้ว เห็นเลยว่าความรู้ความสามารถเป็นเพียงสิ่งที่มีประดับไว้ในใจเท่านั้น และ 2.สิ่งที่ผมได้คุณค่ากับประสบการณ์ครั้งนี้คือ การใช้ชีวิตที่ไม่มีพลังเกิดจากการติดกับดัก"เรื่องราว"ที่เกิดจากการรวมตัวกันของสิ่งที่เกิดขึ้น+กาตัดสิน ตีความ ให้ความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้น_ เมื่อตอนที่ผมสนทนากับผู้เข้าร่วมระหว่างพักหรือช่วงรับประทานอาหาร เห็นเลยว่าบทสนทนาจะเกิดประโยคที่เข้าใจง่าย ตรงๆ ได้ผลลัพธ์ ไม่มีเรื่องราว กริยา มารยาท เรื่องราวมากมายที่ไม่ทำให้เกิดผลตามที่ต้องการเลย เช่น เมื่อพวกเขาต้องการไปห้องน้ำ แค่คำว่า Tolet บวกกับอาการสักหน่อย ผมเข้าใจเลยว่าต้องการไปห้องน้ำ คือ ผมจะฟังหาว่าเขาสนใจ ต้องการอะไร สนทนากันก็ง่ายๆ แบบจำเป็น และต้องการผลลัพธ์บางสิ่งบางอย่างเท่านั้น คือจะไม่มีเรื่องราวอื่นๆยาวๆใดๆมาพูดคุยเพื่อสร้างบารมี เรื่องราวที่เคยทำตรงนั้นตรงนี้ เพื่อให้เขายอมรับ ว่าเคยทำงานกับองค์ใหญ่โตนะ เก่งนะ มียศศักดิ์ มีตำแหน่งใหญ่โต…มันมีแค่ปัจจุบันตอนนั้นจริงๆ และมันไม่ต้องกังวลอะไรเลยหากว่าเขาจะเข้าใจในตัวผมอย่างไร คือ ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะคิดยังไงกับผม และแม้แต่เขาจะด่า นินทาผมก็ตาม ผมก็ไม่เข้าใจเท่าไร แต่ต่างจากเพื่อนผมที่ประเมิน ตัดสินไปแล้วว่าเขาคนนั้น คนนี้เป็นยังไง และมีทีท่ายังไงกับเราตอนเราทำกระบวนการ จึงเป็นทุกข์ ไม่สบายใจ ไม่มีพลังกับงานที่ทำ ดังนั้นผม ขอสรุปว่า การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์แต่หากไม่แยกแยะการตัดสิน การปรุงแต่งของเรา จากความคิดของเรา ปะปนกับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น มันจะรวมตัวกันเป็นเรื่องราวและมันจะไปในทิศทางที่เรามีมุมมองกับมันอยู่ จากประสบการณ์เดิม และเราก็จะถูกมันครอบงำ การกระทำและส่งผลกระทบกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาอีก และมันไม่น่าพึ่งพอใจสักเท่าไร ลองพิจารณาดูเถิดครับ เพียงแค่เมื่อรู้สึกกำลังจะบ่นหรือตีความ ตัดสินอะไรก็ตาม ให้ลองมองอย่างจริงใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้นจริงๆมีอะไรบ้าง แล้วเราให้ความหมายมันว่าอย่างไรบ้าง แล้วมันมีผลกระทบอะไร กับใครบ้าง สุดท้าย คุณก็แค่เลือกว่าจะอยู่กับสิ่งใด ระหว่างเรื่องราวที่เหมือนจะจริงสำหรับคุณกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้นวินาทีนั้น มีอยู่ตรงนั้นจริง ๆ เท่านั้น ปลายทางยอมรับกับผลลัพธ์ที่จะเกิดจากการเลือกของคุณเท่านี้ก็ง่ายแล้วครับชีวิต อย่าไปติดกับความรู้ ความคิดของตนเอง อยู่กับโลกข้างนอกความคิดและกับปัจจุบันขณะกันนะครับ…

หมายเลขบันทึก: 494816เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 21:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท