ความสุขที่ไม่ต้องมีการพึ่งพา


ความสุขที่ไม่ต้องมีการพึ่งพา เป็นความสุขที่ไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยภายนอกมาเป็นส่วนประกอบของกระบวนการการผลิตความสุข เป็นไปในลักษณะของความสุขที่มีอยู่เต็มเปี่ยมภายใน ไม่ยึดติดถือมั่นในภายนอก (วัตถุ) ที่มีมาปรนเปรอผ่านทางทวารทั้ง ๖ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ)

 

         โดยปกติของคนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบัน จะมีปฐมฐานด้านความคิดที่ติดยึดว่า การที่จะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อ มีวัตถุมาบำรุงบำเรออย่างพรั่งพร้อม ฐานความคิดดังกล่าวก็จะมาเป็นตัวกำหนดบทบาท แนวทางในการประพฤติปฏิบัติกำกับพฤติกรรมโดยการ พยายามเสาะแสวงหาความมั่งคั่งและวัตถุมาสนองตอบต่อความต้องการ (ไม่มีที่สิ้นสุด) ให้ได้มากที่สุด ก็จะกลายเป็นว่า ต่างคนต่างพยายามหาวัตถุ มุ่งเข้าสู่ลู่ทางแห่งการแก่งแย่ง แข่งขัน นำไปสู่การเบียดเบียนกัน รวมทั้งก้าวล่วงไปตักตวงและเบียดเบียนธรรมชาติในที่สุด

        

        การพัฒนาจิตใจให้มีความรู้เท่าทัน “กิเลส” เป็นสิ่งที่สำคัญในการนำพาวิถีของชีวิตให้โคจรออกจากวังวนแห่งกับดักของวัตถุ มุ่งตรงเข้าสู่ประตูของเส้นทางแห่งความสุขภายในที่ไม่ใช่การการพึ่งพา (วัตถุ) ภายนอก ซึ่งหลักธรรมในการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพจิตใจให้สูงขึ้นนั้นมีหลากหลายหลักธรรมที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตคุณธรรมนำทางชีวิตเพื่อพัฒนาตนเองต่อยอดไปถึงการพัฒนาสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข ซึ่งหลักธรรมที่สำคัญนั้นคือ “พรหมวิหาร ๔”

          “พรหมวิหาร ๔” เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่

             - เมตตา    ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข

             - กรุณา     ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

             - มุทิตา     ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี

             - อุเบกขา  การรู้จักวางเฉย วางใจเป็นกลาง

 

         ๑ เมตตา เป็นไปในลักษณะของการมีไมตรีจิตกับคนทั่วไป เจอใครก็ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส รักใคร่ปรารถนาดีต่อทุกคน เมื่อมีเมตาคอยกำกับแล้วมุมมองในเรื่องของการแก่งแย่ง แข่งขัน และเบียดเบียนกันระหว่างมนุษย์รวมทั้งการก้าวล่วงไปตักตวงและเบียดเบียดในธรรมชาติก็จะลดน้อยลง เกี่ยวเนื่องจาก การพร้อมที่จะให้ไมตรีจิตกับทุก ๆ คน

      

          ๒. กรุณา เป็นไปในลักษณะที่เห็นใครตกทุกข์ได้ยากก็พร้อมช่วยเหลือเขา หากว่ามีความกรุณาในจิตใจแล้ว “วัตถุ” ภายนอกก็จะลดค่าลงมา เป็นความพรั่งพร้อมที่ใช้ปัญญารวมถึงการจะสละทรัพย์สินบางส่วนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก เช่น

               - พระมหาสุภาพ พุทฺธวีริโย แห่งวัดป่านาคำ จ.กาฬสินธุ์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของพระสงฆ์รุ่นใหม่ที่ใช้แนวคิดของพระพุทธศาสนามาพัฒนาปรับใช้ในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยพระอาจารย์ได้เล่าว่า เดิมทีท่านเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อท่านเป็นสามเณรและได้เดินธุดงค์มาตั้งแต่อายุ ๑๔ มาอยู่ในป่าช้า และต่อมาได้พัฒนามาเป็นวัดจนถึงปัจจุบัน จากพื้นที่ป่าช้าที่มีอยู่ ๔๓ ไร่ ต่อมาขยายไปอีก ๘๓ ไร่ ท่านแบ่งเป็น ๓ ส่วน ส่วนแรกเป็นวัด ส่วนที่สองเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียงซึ่งอยู่หลังวัด และส่วนที่สามเป็นส่วนของการบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติดจากศาลแขวงพระนครเหนือโดยการใช้หลักศาสนาบำบัด โดยใช้วิถีชีวิตของความพอเพียงเป็นเครื่องมือ

               - บิล เกตส์ หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ สองคู่หูเพื่อนซี้ต่างวัย อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งและสองของโลกกลับหลังหัน ๑๘๐ องศาจากการแสวงหาความมั่งคั่งทางด้านธุรกิจ กลับไม่ยึดติดกับวัตถุ รู้จักความพอเพียงทางจิตวิสัย (จิต) อุทิศชีวิตให้กับการกุศลโดยการบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลไปแล้วรวมกันกว่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สรอ. เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสทางสังคมในด้านต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศด้อยพัฒนา

               - ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา นักฟุตบอลกองหน้าทีมชาติไอเวอรี่ โคสต์ สังกัดสโมสรเชลซีแห่งพรีเมียร์ลีก (อังกฤษ) ได้รับการจัดอันดับจากไทม์ นิตยสารชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ให้เป็นหนึ่งในร้อยของบุคคลที่มีอิทธิพลต่อคนอื่นมากที่สุดในโลก โดยริชาร์ด สเตนเกิ้ล บรรณาธิการของไทม์ ได้อธิบายว่า

                    “เดอะ ไทม์ ๑๐๐ ไม่ใช่เฉพาะแค่บุคคลที่ทรงอำนาจ แต่เรายังรวมถึงคนที่มีอิทธิพลต่อคนส่วนใหญ่ ซึ่งบางคนที่ติดอันดับเป็นบุคคลที่คนทั่วไปรู้จักดีว่าเขามีอิทธิพลมากแค่ไหน แต่เรายังมองหาบุคคลที่นำเสนอไอเดียหรือการกระทำที่เป็นตัวอย่างให้แก่คนอื่น ๆ ในการพัฒนาชีวิตและเปลี่ยนแปลงตัวเองตามแบบคนเหล่านี้”

                    ดร็อกบาถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา โดยดร็อกบาที่จะพาทีมชาติไอเวอรี่ โคสต์ ลงสู่ศึกในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริการใต้ในปี ค.ศ. ๒๐๑๐ ถือได้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดในทวีป นอกจากนั้นในระหว่างการคัดเลือกฟุตบอลโลกปีค.ศ. ๒๐๐๖ ที่มีแฟนบอลไอเวอรี่ โคสต์เสียชีวิต ๒๒ ราย เนื่องจากแฟนบอลเหยียบกันตายในสนาม ดร็อกบาได้บริจาคเงินของเขาเพื่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ให้ประชาชนในประเทศ และยังเป็นนักเตะที่บริจาคเงินช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในการกุศลต่าง ๆ มากมายอีกด้วย

 

         ๓. มุทิตา เป็นไปในลักษณะของการเห็นใครได้ดี ประสบความสำเร็จ มีความเจริญก้าวหน้า ก็โมทนาส่งเสริมไป ซึ่งถือได้ว่าเป็นการฝึกฝนจิตใจให้เป็นคนใจกว้าง มองโลกในด้านดี เกี่ยวเนื่องจาก ความดีและความสำเร็จไม่ได้มีไว้เพื่อให้ใครผูกขาดหรือครอบครองเพียงคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น เมื่อมีใครคนอื่นที่ได้ดี ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ก็ยินดี ส่งเสริมในความดีและความสำเร็จนั้น เมื่อคิดได้อย่างนี้จิตใจก็จะเข้าสู่กระบวนการผลิตสารตั้งต้นแห่งความใจกว้าง มองโลกในด้านดี นำพามาสู่สิ่งที่ดี ๆ ทั้งภายในและภายนอก

         

        ๔. อุเบกขา เป็นไปในลักษณะของการวางใจเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรม เกิดจากผลของการใช้ปัญญาฝึกให้รู้จักรับผิดชอบต่อตัวเอง (จิตสำนึกส่วนตน) และรับผิดชอบต่อส่วนรวม (จิตสำนึกต่อส่วนรวม) ในส่วนของอุเบกขานั้นสิ่งสำคัญท่านว่าเป็นการมี ปัญญา มากำกับในกระบวนการวางใจให้เป็นกลาง เช่น เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจจนกระทบต่อวิถีของการดำเนินชีวิต  เราไม่สามารถที่จะไปควบคุมหรือแก้ไขปัญหาที่ปัจจัยเหตุได้โดยตรง เกี่ยวเนื่องจาก ปัจจัยเหตุที่มีหลากหลายทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ เราสามารถที่จะใช้อุเบกขาในการวางใจให้เป็นกลางต่อปัจจัยเหตุของวิกฤติทางเศรษฐกิจ แล้วพัฒนาต่อยอดทางปัญญาโดยการรู้เท่าทันของการก่อเกิด ตั้งอยู่และดับไปของกระบวนการวิกฤติเศรษฐกิจดังกล่าว นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตโดยการมีอุเบกขาที่เป็นพื้นพัฒนาต่อยอดนำไปสู่การมี “สติสัมปชัญญะ” กำกับและดูแลอย่างเข้มข้น เพื่อเสริมสร้างเป็นภูมิคุ้มกันให้กับชีวิตเมื่อเผชิญกับวิกฤติในรูปแบบต่าง ๆ

              มีนิทานปรัชญาของเซนอยู่เรื่องหนึ่ง : มีหญิงสาวสวยนางหนึ่ง เธอชอบเข้าวัดเซนอยู่เป็นประจำ ซึ่งคนแถวนั้นต่างก็รับรู้ แต่อยู่ ๆ เธอก็ท้องขึ้นมาเมื่อไปพลาดท่าเสียทีให้กับชายคนหนึ่ง ชาวบ้านที่สอดรู้สอดเห็นต่างถามเธอว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ถามมาก ๆ เข้าเธอรู้สึกกดดัน จึงพลั้งปากออกไปว่า

             “หลวงพ่อเจ้าอาวาสคือพ่อของเด็กในท้อง”

          ชาวบ้านเมื่อทราบว่าใครเป็นพ่อของเด็กจากปากของนาง ต่างมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันที่ว่า คิดไว้อยู้แล้วต้องเป็นอย่างนี้ เพราะเห็นหล่อนเข้า – ออก วัดบ่อยๆ

          หลังจากนั้น ชาวบ้านต่างพากันไปเล่าเรื่องราวที่ได้ยินจากปากของเธอ เพื่อถามเอาความจริงกับหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบว่า “ยังงั้นรึ”

         ต่อมา พ่อแม่และญาติพี่น้องของหญิงสาวยกขบวนไปด่าทอท่านถึงในวัด หลวงพ่อก็ยังนิ่งเฉยไม่พูดว่ากระไร จนคนเหล่านั้นด่าสาแก่ใจแล้วจึงหยุดด่า หลวงพ่อหันมายิ้มน้อย ๆ พร้อมกับพูดว่า “ยังงั้นรึ”

          หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไป หลวงพ่อก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย จนกระทั่งหญิงสาวคลอดลูกออกมา โดยที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าใครคือพ่อเด็ก เธอเริ่มสำนึกผิด คิดได้และละอายแก่ใจ อีกทั้งยังเกรงกลัวต่อบาปหนักที่ไปปรักปปรำหลวงพ่อย่างนั้น เธอจึงรวบรวมความกล้าไปสารภาพกับพ่อแม่ว่าใครคือพ่อของเด็กตัวจริง

          เมื่อพ่อกับแม่ครั้นรู้ข้อเท็จจริงแล้ว ต่างตกใจกันใหญ่รีบไปกราบไหว้ขอขมากับหลงพ่อทันที พอเล่าความจริงให้ท่านฟังจบ หลวงพ่อยิ้มให้น้อย ๆ ด้วยความเมตตาพร้อมกับกล่าวว่า “ยังงั้นรึ”

          

         คุณธรรม คือ พรหมวิหาร ๔ ซึ่งประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา นั้นท่านว่า เป็นทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ติดตัว ใช้เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด มีแต่จะเจริญงอกงามทั้งภายในและภายนอกมากยิ่งขึ้น สร้างความสุขให้เกิดขึ้นภายในแล้วยังมีเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปให้กับคนรอบข้างต่อยอดไปถึงสังคมโดยรวม

 

"คุณธรรมไม่ต้องเสียต้นทุน (มูลค่าทางตัวเงิน) ในการผลิต ใช้แค่ปัจจัยการผลิตคือ กระบวนการทางความคิดที่ดีงามของจิตใจผ่านเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยใช้ปัญญา ก็จะได้ผลผลิตออกมาในลักษณะของการกระทำในสิ่งที่ดีและมีคุณค่า

ทั้งต่อตัวเองและสังคม"  





     









หมายเลขบันทึก: 494779เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 14:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 23:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เป็นสุขแท้ ที่ไม่ต้องมีข้อแม้ แบบความสุข ทางโลกจริงๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท