เมื่อถูกถามว่า เมื่อไหร่จึงจะทำความดี ทำบุญกุศล
คำตอบยอดฮิตคือ รอให้รวยก่อนเพราะตอนนี้ยังไม่พอกิน หรือรอให้แก่ก่อนตอนนี้ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้ม
พระพุทธเจ้าสอนวิธีทำบุญที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนไว้หลายวิธี และสามารถสะสมไว้ทีละน้อยโดยไม่ต้องคอยให้แก่ก่อนดังนี้
๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้วัตถุสิ่งของ เช่น การใส่บาตร การบริจาคโลหิต การให้อาหารสัตว์ ฯ
บุญเกิดจากการให้อภัยทาน การสละอารมณ์โกรธต่อผู้อื่นทิ้งไป การอโหสิกรรมแก่ผู้สำนึกผิด
บุญเกิดจากการให้วิทยาทาน การให้ความรู้และคำแนะนำที่ดี มีประโยชน์แก่ผู้อื่น
บุญเกิดจากการให้ธรรมทาน การชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตที่ดีและมีความสุขแก่ผู้อื่น
๒. สีลมัย บุญเกิดจากการสำรวมระวังกายวาจาใจไม่ทำ ไม่พูด ไม่คิดในสิ่งไม่ดี ไม่เบียดเบียนคนอื่นให้ลำบากด้วยการกระทำ คำพูดและความคิดของเรา
๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการฝึกนั่งสมาธิ หรือ การสวดมนต์ไหว้พระ การเดินจงกรม ให้จิตใจสงบเยือกเย็น
๔. อปจยานมัย บุญเกิดจากความรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เชื่อฟังและเคารพต่อบุพการี บิดามารดา ครูบาอาจารย์และผู้ใหญ่ การแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย
๕. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการช่วยเหลือการงานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือต่อพระศาสนา
๖. ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการอุทิศส่วนบุญและความเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นตลอดถึงสัตว์ทั้งหลายด้วยความเมตตาปรารถนาจะให้มีความสุข
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำความดี หรือ มักเรียกว่า อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการตั้งใจฟังธรรม ศึกษาธรรม อ่านหนังสือธรรมะ ฟังคำแนะนำตักเตือนให้ทำความดีของผู้มีคุณธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการพูดธรรมะ สอนธรรมะ หรือแนะนำตักเตือนให้ทำความดี
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญเกิดจากการทำความเห็นให้ตรงตามทำนองคลองธรรม การคิดดี พูดดี ทำดีตามหลักธรรมคำสอน
บุญย่อมเกิดขึ้นใน ๓ กาล คือ ก่อนทำ ขณะทำ และหลังจากทำแล้ว
เหตุที่ทำให้ได้บุญมาก = ผู้ทำบุญเป็นผู้มีศีล วัตถุที่ใช้ทำบุญบริสุทธิ์ ผู้รับเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม
สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย การสั่งสมบุญนำสุขมาให้
ไม่มีความเห็น