อนุภาคพระเจ้า (ค้นพบแล้ว) : บันทึกเพื่อความเข้าใจ


“เราพบที่ไปที่มาของจักรวาลแล้วว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร สอดคล้องกับความเข้าใจของคนไทยที่นับถือพุทธศาสนาว่า….มันเป็นธรรมชาติ!!! ธรรมชาตินั่นเองที่สร้างจักรวาลมา”

ข่าวใหญ่ในระดับโลกเมื่อวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2555  ก็คือที่มีการค้นพบอนุภาคพระเจ้า  ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไร  จึงได้อ่านและบันทึกไว้ เพื่อให้ตนเองได้เข้าใจและเผื่อมีใครมาชี้แนะเพิ่มก็จะขอบคุณยิ่ง

Ico_uni1

ภาพจักรวาล

 

ทบทวนความรู้เดิม ก่อนเริ่มอ่านข่าว

เอกภพ (มาจาก universe = uni + verse) หรือ จักรวาล ในดาราศาสตร์นั้น คือ พื้นที่อันกว้างใหญ่มหาศาลข้างนอกนั่นสุดที่จะจินตนาการได้ ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ที่รวมทั้งโลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือกของเรา และกาแล็คซี่อื่น ๆ อีกมากมาย และยังมีพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างกาแล็คซี่  (จาก  เอกภพ - วิกิพีเดีย)      

 

สรุปความจากข่าวที่อ่านได้ เข้าใจได้

 

 

ศูนย์วิจัย   CERN  ในสวิตเซอร์แลนด์พบอนุภาคใหม่ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "อนุภาคพระเจ้า" (God Particle) หรือ อนุภาคฮิกก์ส์   หรือ  ฮิกกส์ โบซอน (Higgs boson) ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของผู้เสนอว่ามีอนุภาคนี้อยู่   และอนุภาคนี้นี่เองที่ เชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งในจักรวาล   มีคนถึงกับเปรียบเทียบว่ายิ่งใหญ่เทียบเท่ากับการส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ เมื่อปี 2510   องค์กรค้นคว้าวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป เซิร์น (CERN) หรือ  องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research)

CERN แถลงข่าวนี้ต่อคณะนักวิทยาศาสตร์ที่มาร่วมฟังรายงานการค้นพบเมื่อวันพุธ  ที่ 4  มิถุนายน 2555ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและลุกขึ้นยืนปรบมือของผู้คนในห้องนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ปีเตอร์ ฮิกส์  (Peter Higgs) นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษวัย 83 ปี ผู้มีส่วนสำคัญในการค้นพบถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความปีติ

Original_godparticle11

เชิญชมวีดิโอ

http://www.youtube.com/watch?v=OCbSKcLIXl0&feature=player_embedded#t=0s

 

จากข่าวเขาบอกว่า   โรล์ฟ เฮาเออร์ ผู้อำนวยการเซิร์นกล่าวต่อคณะนักวิทยาศาสตร์"เราได้ค้นพบรากฐานที่หายไปของฟิสิกส์อนุภาคแล้ว"

      ขอตีความตามที่เขาว่าอีกที (ฮาฮาฮา)

“เราพบที่ไปที่มาของจักรวาลแล้วว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร  สอดคล้องกับความเข้าใจของคนไทยที่นับถือพุทธศาสนาว่า….มันเป็นธรรมชาติ!!!  ธรรมชาตินั่นเองที่สร้างจักรวาลมา”


 เขาดีใจกันที่ตรงไหน

 เขาดีใจกันตรงที่มีอุโมงทดลองที่ลงทุนมหาศาลามานาน 19 ปี มีนักวิทยาศาสตร์ 2500 คน จากทุกประเทศในยุโรปลงขันกันทำอุโมงค์วงกลมยักษ์ ยาว 27 กิโลเมตร แล้วมีเครื่องตรวจจับที่บ่งบอกว่า นี่แหละหนาอนุภาคพระเจ้า

ภาพที่เขาถ่ายมามีหลายรูปแบบที่ก็อปมาได้คือภาพนี้

Original_godparticle

เขาทำการทดลองกันอย่างไร

ปีเตอร์ ฮิกส์ ต้นคิดของการทดลอง กับอุโมงค์การทดลองของ CERN

 Ico_godparticle1

แม่เหล็กซูเปอร์คอนดัคเตอร์ซึ่งจัดแสดงอยู่หน้า "โกลบ" (Globe) สำหรับแสดงนิทรรศการและนวัตกรรม 

Ico_godparticle2

แม่เหล็กซูเปอร์คอนดัคเตอร์หรือแม่เหล็กตัวนำยิ่งยวด (Superconducting Magnet) ถูกลำเลียงสู่อุโมงค์ใต้ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติเร่งอนุภาคของ  CERN ที่เรียกว่า เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ที่อยู่ในอุโมงค์ทดลอง 

Original_godparticle3

เมื่อเอา แม่เหล็กซูเปอร์คอนดัคเตอร์ ไปต่อกับท่อก็จะเป็นอย่างนี้

Original_godparticle4

เครื่อง LHC นี้ ขดเป็นวงกลมระยะทาง27 กิโลเมตรทำหน้าที่ควบคุมลำอนุภาคของโปรตอน 2 ลำให้เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม ไปตามท่อเส้นรอบบวง  ที่เป็นสุญญากาศ  แล้วชนกันที่ความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง 99.9999% ที่พลังงานสูงระดับ TeV หรือระดับล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (1012 eV)  

 Ico_godparticle6

การชนกันของลำอนุภาคโปรตรอนนี้  เป็นการจำลองการระเบิดครั้งใหญ่ (Big Bang)ที่นักวิทยาศาสตร์เขาคิดว่า เป็นที่มาของการเกิดจักรวาล ในอดีตหลายแสนปีที่ผ่านมาเมื่อประมาณ 15,000 ล้านปีที่แล้ว  จนเกิดจักรวาล เกิดโลกและมนุษย์เรา

เมื่อก่อนการเกิดของจักรวาล ไม่มีมวลสาร ช่องว่าง หรือกาลเวลา จักรวาลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมเท่านั้น และด้วยเหตุใดยังไม่ปรากฏแน่ชัด จักรวาลที่เล็กที่สุดนี้ได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงและรวดเร็วในเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาทีที่เรียนว่า Big Bang (จากhttp://www.baanjomyut.com/library/bigbang/03.html)

ผลที่ได้ก็คือ ที่กล่าวแล้ว  การอนุภาคพระเจ้า หรือ Higgs Boson

หรือ อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม ซึ่งแต่ก่อนนี้ยังไม่มีชื่อเรียกกัน

 Original_godparticle

 ซึ่งสามารถตรวจจับได้กับเจ้าเครื่องตัวนี้

Ico_godparticle7

เครื่องเร่งอนุภาค แอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ที่อยู่ในอุโมงค์ทดลองอุโมงค์ทดลองทั้งหมดนี้อยู่ลงไปใต้ดิน 100  เมตร นี้ ตั้งอยู่ที่ใต้เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์และชายแดนฝรั่งเศส  ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 19 ปีที่ผ่านมาโดย CERN

 

มันอยู่ที่นี่

Ico_godparticle8

มันอยู่ตรงนี้

 Original_godparticle9

สรุปพอเข้าใจบ้างตามประสาคนที่ไม่ได้เรียนวิทยาศาตร์มาโดยตรงแล้วเกิด  คำถามขึ้นมากมาย  ท่านใดตอบได้ กรุณาตอบมา ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน

  1. มีอะไรลึก ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกบ้างอยากได้อ่านจากผู้ที่รู้จริง
  2. ผลการค้นพบครั้งนี้  น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกด้านใดบ้าง
  3. เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้คนเชื่อว่าว่า  เพราะเจ้าเป็นผู้สร้างโลก
  4. เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะนำผลการการทดลองไปทำลายล้างกัน
  5. เป็นไปได้หรือไม่ที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จะกลับมาเป็นเพ็ชรฆาตทำลายล้างมนุษย์
  6. อะไรที่จะเป็นผลดีต่อมนุษยชาติจากข้อค้นพบในครั้งนี้
  7. น่าจะมีอะไรบ้าง ที่จะมีผลมากระทบต่อประเทศไทย  คนไทยชีวิตไทย
  8. กระทรวงวิทยาศาสตร์รู้อะไร ทำอะไร ไปบ้างแล้วเกี่ยวกับเรื่องการทดลองนี้

สนใจอ่านเพิ่มเติมจากต้นฉบับที่นำมาเรียบเรียง

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000041638

http://wikipedia.org/wiki/เอกภพ

 

http://www.thaipost.net/news/050712/59187

 

http://www.krobkruakao.com/.../สวิตเซอร์แลนด์  -- ... 

 

http://www.com5dow.com/บทความที่น่าสนใจ/2225-เซิร์น-ประกาศค้นพบสิ่งคล้ายอนุภาคฮิกกส์-อนุภาคพระเจ้า.html

 

เอวัง....ก็มีแต่เพียงเท่านี้ที่ขอบันทึกไว้  ผิดถูกอย่างไรช่วยแนะนำด้วย ช่วยเอาบุญ หรือ มีอะไรลึก ๆ ที่จะบอกกล่าวก็ช่วยบอกด้วยช่วยกันรู้นะครับ

หมายเลขบันทึก: 493962เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2012 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม 2012 21:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ CERN มาเรื่อยๆครับ ตอนที่สื่อเริ่มนำเสนอเรื่องราวการก่อสร้างมโหฬารของโครงการนี้มานำเสนอ หลายๆคนบอกว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ตอนที่ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ประกาศเรื่องการค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพก็คงมีน้อยคนที่จะเชื่อและเข้าใจ ส่วนใหญ่ก็คงจะบอกว่าเหลวไหลไร้สาระกันทั้งนั้น

ถ้าบอกว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องของสัจจธรรม เป็นสิ่งที่มีตัวตนพิสูจน์ได้ สรรพสิ่งในโลกนี้ก็เป็นได้ทั้งที่เป็นคุณและเป็นโทษ มนุษย์นั่นแหละครับที่จะเป็นผู้กำหนด

ผลงานทางวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์และโนเบล (Alfred Nobel ผู้ค้นพบระเบิดไดนาไมท์) เริ่มแรกก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ในทางการทหารการสงคราม สร้างความเสียหายทำลายล้างมวลมนุษยชาติมามากมายเหลือคณานับ แต่ทั้งสองสิ่งนี้ก็สร้างประโยชน์ให้กับผู้คนมหาศาลทั้งในด้านพลังงานและการก่อสร้าง อินเทอร์เน็ตเองก็เช่นกันที่ถือกำเนิดจากโครงการวิจัยทางการทหารเรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้ แต่ทำไมวันนี้กลับเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราจนแทบแยกกันไม่ออก ของสิ่งเดียวกันจะให้คุณหรือให้โทษได้ก็มาจากมนุษย์ผู้ที่ใช้งานมันที่จะเลือกให้มันเป็นครับ

ในโลกนี้ มีอะไรอีกมาย มากมายเหลือเกิน ความรู้ที่เรามีอยู่นั้น "น้อยนิด" นะคะ เมื่อเทียบกับ "จักรวาล" นะคะ

ความรู้ ค้นหา เท่าไหร่ก็ไม่เคย พอสักที นะคะ

ขอบคุณมากๆ สำหรับบทความดีดีนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรัลข้อมูลที่แนะนำนะปู่ ต้องเรียกปู่ยุคไฮเทค

  • เข้ามาชื่นชมการหาข้อมูลและร้อยเรียงของอาจารย์ค่ะ ในฐานะผู้ไม่รู้จริงเท่าไหร่ แต่อ่านคำถามของอาจารย์แล้วอดแสดงความเห็นไม่ได้
  • น่าจะมีอะไรบ้าง ที่จะมีผลมากระทบต่อประเทศไทย  คนไทยชีวิตไทย?
  • วิชาวิทยาศาสตร์ น่าบรรจุเรื่องนี้ ให้เด็กค้นคว้า ตีความ อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เด็กได้เห็นคือนักวิทยาศาสตร์ที่ดีไม่ใช่ คิดเก่งอย่างเดียว ต้องมี "ความมุ่งมั่นพยายามพิสูจน์ให้เห็นจริง" นี่ตั้ง 19 ปีกว่าจะเห็นผล
  • เทคโนโลยี "Big bang" ได้รับการลงทุนมหาศาลจากสหรัฐ? จนอดมองไม่ได้ว่าเป็นวิธีปรามประเทศที่พัฒนานิวเคลียร์ หรือเปล่า. ในเรื่องนี้ ประเทศไทยเราคงไม่กระทบโดยตรง แต่ต้องติดตาม momentum ทางเศรษฐกิจ ที่ไปตามอำนาจการเมืองการทหารค่ะ 

ขอบคุณทุกท่่าน ที่ให้ดอกไม้และความคิดเห็น

เมื่อวานซืนนี้ มีผู้ที่ไม่ถนัดที่จะเขียนโทร์ และไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ก็มาคุยด้วยว่าที่เรียกว่า อนุภาคพระเจ้านั้น มันน่าจะเป็นเพราะว่า มันเป็นอนุภาคผู้สร้าง ที่มาพร้อมกับอนุภาคผู้การทำลายล้าง ประมาณว่าพอเกิด big bang ของดวงอาทิตย์ขึ้นมา มันก็มีพลังงานออกมา และอนุภาคนั้นก็ค่อยรวมตัวกันเป็นเป็นมวล เป็นดาว เป็นเดือน เป็นโลก ฯ และเป็นจักรวาลพวกที่เป็นพลังงานก็สลายไป หรือจริง ๆ จะเป็นอย่างไรในข้อนี้ยังนึกไม่ออกตามทฤษฎีที่นึกเอาเองของเขา ที่ผมก็ว่าน่าจะเป็นไปได้ และใช้ทฤษฎีเดียวกัน

อนุภาคที่มารวมตัวกันจึงเป็นอนุภาคพระผู้สร้าง หรืออนุภาคพระเจ้าการค้นพบครั้งนี้ ถือว่าเป็นการต่อยอดทฤษฎีของไอสเนไตล์ ที่ถือเอาพลังงานมาใช้ในการขจัดศัตรู และต่อมานำพัฒนาในทางการใช้ประโยชน์

เท่าที่รู้การสร้างระเบิดปรมณู เข้าใช้ยูเรเนียมเป็นวัตถุตั้งต้น ถ้าดูที่เขาทดลองหาและยืนยันว่าอนุภาคพระเจ้ามีจริง เขาใช้แม่เหล็กความแรงสูง (นักวิทยาสาดนะครับ555) ไปทำให้ลำโปรตรอนไปชนกัน แล้วเกิดอานุภาคพระผู้สร้างได้ และคงจะใช้เป็นเครื่องมือทำลายด้วย ในอนาคต โดยไม่มีการใช้ยูเรเนียม (นึกเอาครับ) แล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก กรณีนี้มีอะไรให้จินตนาการได้อีกมาก อย่างนี้นี่เอง ที่มีคนบอกว่าเป็นการค้นพบที่ยิ้งใหญ่เทียบได้กับคนไปเหยียบดวงจันทร์ แต่หากให้ผมจินตนาการบ้างก็คิดว่า น่าจะยิ่งใหญ่กว่า เพราะ มนุษย์อาจไปสร้างโลก สร้างดวงจันทร์ กันได้ในอนาคต 555

การค้นพบระเบิดปรมณู นับว่ายิ่งใหญ่ และจำกันได้ตรงที่เอามาทำลายล้างกัน ที่เป็นประโยชน์ก็มี แต่ที่ทำให้ยับเยิน ก็ที่เชอนาวินในรัสเซีย และที่ญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับสึนามิ

ทำไมถึงลงทุนมหาศาล ก็เพราะต้องการต่อยอดระเบิดปรมณูได้ ทั้งทางดีทางร้ายต่อไปอีก

 

ทางดีที่คิดเอา 555 เช่น

-ใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้กับดาว หรือ วัตถุจากอาวกาศที่่จะมาชนโลก ตามที่นักวิทยาศาสตร์เขาคาดไว้

-ใช้ในการสร้างพลังงาน ที่ควบคุมให้ไม่มีอันตรายได้ง่ายกว่าปรมณู

-พลังงานที่ได้ อาจนำมาใช้กับพาหนะ

-นำไปสร้างโลกให่ม่ให้มุษย์อยู่

ทางร้าย เช่น

-ฆ่ากันได้ง่าย ๆ ด้วยอาวุธชนิดใหม่

- แข่งกันศึกษาอานุภาคพระเจ้า เพื่อนำมาใช้ทั้งทางดีทางร้าย

-โลกวุ่ยวาย และอันตรายถึงสิ้นโลก

 

เมื่ออรหันต์ที่นอน วิพากย์อนุภาคพระเจ้า ทฤษฏีเจอทิด-สะ-เดา

พยายามค้นหาว่ามันคืออะไรไม่รู้เรื่องอยู่ดี ขอเดาดังนี้

  • เมื่อฝรั่งทดลองแล้วประกาศว่า สามารถค้นพบอนุภาคพระเจ้าแล้ว 
  • เดาเอาว่าที่เขาประกาศคือการพิสูจน์ทฤษฏีไอสไตน์ E=mc^2 Eคือพลังงาน mคือมวล c^2คือความเร็วแสงในอวกาศ
  • อธิบายว่าm คือมวลประกอบด้วยนิวเคลียส โปรตรอน และนิวตรอน ตามที่ทดลองเมื่อเร่งอนุภาคโปรตรอนให้มีความเร็วเท่ากับความเร็วแสงคูณ2 แล้วทำให้โปรตรอนชนกัน(ต้องทำห้องทดลองให้เป็นวงกลม ตามที่ฝรั่งทำ) จะได้พลังงานคือ E 
  • ด้านmc^2เมื่อโปรตรอนแตกตัวจะได้ E(พลังงาน) แต่ฝั่งmc^2 ไม่ได้พลังงานทั้งหมด คงเหลืออนุภาคอีกส่วนที่เคลื่อนที่ช้า (น่าจะน้ำหนักมาก) 
  • อนุภาคดังว่าคืออนุภาคพระเจ้าที่ฝรั่งเรียก เพราะเมื่ออนุภาคเลื่อนที่ช้าโอกาสที่มวลจะรวมตัวขึ้นมาใหม่ก็มีสูง ทั้งหมดคือการอธิบายความเชื่อที่ว่า เมื่อดวงอาทิยต์ระเบิดครั้งใหญ่ (บิ้กแบง) ดาวเคราะห์ทุกอย่างที่เป็นบริวารของดวงอาทิตย์จะสูญหายไป 
  • หลังระเบิดมันจะเหลืออนุภาค ที่ก่อตัว ฝรั่งจะเรียกว่าอนุภาคพระเจ้า ก่อตัวเป็นโลก ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ขึ้นมา... สะดุ้งตื่น เมียไล่ให้ไปหุงข้าว

hahaha สุดยอด!!! คำชมจากทฤษฎีที่นึกเอาเหมื่อนกัน....... เพราะอ่านแล้วรู้สึกเอาว่าสมเหตุสมผล เข้าใจ ไม่เหมือนกับอ่านในหนังสือพิมพ์ (ที่อ่านแล้วปวดกบาล) อ่านแล้วฟังขึ้น

ผิดถูกอย่างไร ไม่เป็นไร ท่านใดเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจริง ช่วยยืนยัน หรือแก้ไขชี้แนะด้วย จะช่วยให้ผม และอรหันต์ที่นอนฉลาดขึ้นบ้าง หรือ ท่านใดแม้จะไม่เป็นนักวิทยาศาสตร์แท้ ก็ไม่เป็นไร คุยไปแลกเปลี่ยนไป ก็จะช่วยกันแบ่งความฉลาด

ขอบคุณยิ่้งอย่่่างมหาศาล ที่เข้ามาแจม หุงข้าวเสร็จ แล้วรีบกิน รีบนอน รีบฝันใหม่ จะได้เอามาเล่าต่อ แล้วจะรอความฝันในวันต่อไปครับ

แหมะ!!! พอได้อ่าน E=mc^2 ที่เคยผ่านหูผ่านตามานานเน

มันก็เหมือนระเบิดมาฟาดเปลี้ยงให้สนใจ แล้วก็เข้าไปรีบถามหลานกูเกิ้ล ก็ได้รับคำตอบกลับมา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=77b947cd2a55520b

จึงเอามาให้ดูกันว่า ที่อรหันต์ที่นอนแจมมานะ มันก็ไม่ห่างไกลกัน  ใช่ไหมครับ

ครับ...สิ่งที่เราไม่ได้เรียน ไม่ได้รู้มาก่อน ยิ่งอ่านก็รู้สึกว่ายิ่งไม่รู้ หรือ จะเรียกว่ายิ่งรู้บ้างก็รู้สึกว่ายิ่งโง่ก็ได้ แต่ก็อยากให้เด็กไทย คนไทยฉลาดกันทุกคน จึงลองเข้าไปค้นมาวางให้อ่านกันง่าย ๆ

(555 ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผมเข้าใจแล้วทั้งหมดนะครับที่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอ่านได้เข้าใจก็จะดีมาก ผมเพียงแต่ดูรูปนะครับ)

เรียนรู้ย้อนรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับอนุภาคพระเจ้า อะตอม http://www.kr.ac.th/tech/detchm48/atommodel040.html

                   มวลคืออะไร หากไม่เข้าใจคลิ๊กตรงนี้   http://www.rmutphysics.com/charud/howstuffwork/fpte/fptethai1.htm

 

http://www.spa.ac.th/sci/chemistry1/atomic_structure/particle.htm

http://pirun.ku.ac.th/~g4986089/atom.swf

ทดสอบความรู้เรื่องอะตอมด้วยภาษาอังกฤษ

http://studyjams.scholastic.com/studyjams/jams/science/matter/atoms.htm

นิวเคลียร์

http://www.opencollege.com/simsim/flash/nuclons.swf http://www.khayma.com/muhannad/FlashTutorials/Nuclear.swf http://british-energy.com/swf/fission.swf  

เปลือยทุนนิยม โดย อรหันต์ที่นอน

  • ฝรั่งผิวขาวที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรพวกนี้ทั้งหมด จะเป็นสาวกลัทธิทุนนิยม (บูชาเงินเป็นพระเจ้า พวกที่มีเงินมากคืนมนุษย์แถวหน้า) ถ้าจับฝรั่งที่บูชาทุนนิยมเป็นพระเจ้าเพื่อดูสายพันธ์(ไม่ต้องสร้างห้องทดลอง แล้วเอาโปรตรอนมาชนกันในความเร็วเท่ากับความเร็วแสง) จะพบว่ามนุษย์สายพันธ์นี้ มองการเอาเปรียบ ซึ่งมนุษย์ด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดา การแสวงหากำไรจากส่วนต่างของสิ่งที่ตนคิด ผลิต และ บริการ เป็นที่น่าอภิรมณ์คับท่าน 
  • พฤติกรรมบางอย่างไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะสามารถกระทำต่อกันได้ เช่นไปไล่จับทาสผิวสีจากแอฟริกามาใช้แรงงาน อาชีพทำระเบิด เพื่อฆ่าเพื่อมนุษย์คนละซีกโลก ดังเช่น ญี่ปุ่นเคยโดนมาแล้ว ขนระเบิดมาทิ้ใส่บนเวียดนามเป็นต้น พฤติกรรมดังกล่าวมาจากสายพันธ์พวกบูชาทุนนิยมครับท่าน 
  • ฝรั่งผิวขาวอ้างกับชาวโลกเสมอ ว่าตัวเองสุนทรีย์ แต่พฤติกรรม merchant of death 

    อรหันต์ที่นอน

ความเป็นทุนนิยมของฝรั่งผิวขาว ก็ส่งผลให้เกิดขบวนการ "ยึดครองวอลสรีท"  ที่กระจายไปทั่วโลก ที่มาจากการเห็นพิษภัย ของพวกทุนนิยม ดังที่มีผู้ให้ความเห๋นไว้ว่า.....

"เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ความไม่เท่าเทียมกันมองเห็นได้ชัดในทุกหนทุกแห่งของสหรัฐอเมริกา และยังแทรกซึมเข้าไปทำลายความแข็งแรงของระบอบประชาธิปไตยของตนอีกด้วย ที่ผ่านมาสามทศวรรษ วอชิงตันโปรดปราณและชื่นชอบคนรวยตลอดมา -- พวกเขาหยิบยื่นความมั่งคั่งให้กับคนรวยที่อยู่บนยอดสุดของปิรามิดเศรษฐกิจเพียงไม่กี่คนมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกนโยบายที่ทำให้มันง่ายสำหรับทำให้คนรวยยิ่งรวย ด้วยการเป็นพันธมิตรทางการเมืองของตน เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าต้นทุนทางสังคม เมื่อเศรษฐกิจยิ่งจมลึกลงในภาวะเศรษฐกิจถดถอยประชาชนชาวอเมริกันนับล้านต้องเผชิญกับการสูญเสียงาน ต้องส่งบ้านที่ราคาตกลงๆ และความฝันที่จะเกษียณอายุต้องยืดออกไป ทำให้มีการประท้วงเกิดขึ้นทั่วไปในประเทศ.....)

คัดจาก.... http://www.oknation.net/blog/Illusions/2011/10/14/entry-1   

อานุภาคพระเจ้า ที่ค้นพบมาได้ จะทำให้ต่อยอดทุนนิยม  หรือล่มสลาย คงจะได้เห็นกันอีกในวันข้าหน้า

คงทราบกันบ้างแล้วนะครับว่า ก่อนเริ่มการทดลอง มีคนไปฟ้องศาลให้ระงับ ทำไมจึงถึงขนาดนั้น คนฟ้องก็ไม่ใช่ใคร ที่บ้า ๆ บอ ๆ แต่ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน

วอลเตอร์ แอล.วากเนอร์ (Walter L.Wagner) จากมลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา และศึกษาวิจัยฟิสิกส์และรังสีคอสมิกที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ วุฒิปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนอร์เธิร์นแคลิฟอร์เนียในซาคราเมนโต และลูอิส ซานโช (Luis Sancho) ฟ้องต่อศาลฮาวายเพื่อเรียกร้องสิทธิให้ระงับการทดลองของเซิร์น เนื่องจากอาจทำให้เกิดหลุมดำขนาดเล็กที่อาจ "กินโลก" ได้

สนใจอ่านได้อีก ที่นี่ครับ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000038551

เซิร์น (CERN) หรือ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) ไม่ได้เป็นองค์กรเดียวที่ค้นหาอนุภาคพระเจ้า

ในสหรัฐอเมิริกามีองค์กรชื่อว่า เฟอร์มิแล็บ (Fermilab) ก็ค้นหาด้วย แต่ก็ช้าไปแล้ว อย่างไรก็ดีองค์กรนี้ก็สนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือให้ CERN ด้วย

จาก http://siweb.dss.go.th/news/show_abstract.asp?article_ID=2899  

เรื่องผมจะเปิดเผยความลับ (ห้ามบอกดวงอาทิตย์)


ชาวโลกเชื่อมาตลอดว่าดวงอาทิตย์ทรงพลังและปล่อยพลังงานมหาศาล และมีแรงดึงดูดเหลือคนา ดวงอาทิตย์คล้ายๆเป็นโรคจิต พยายามดึงดูดทุกอย่างมาระเบิดทำลายให้หมดสิ้น ขณะเดียวกันโลกก็มีแรงดึงดูดเช่นกัน พิสูจน์ได้จากเวลาโยนสิ่งของขึ้นบนฟ้า สิ่งของจะตกลงมาด้านล่าง แรงดึงดูดดังว่านั้น จะเป็นแรงต้านแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ ต้านไม่ให้โลกวิ่งเข้าหาดวงอาทิตย์


เมื่อดวงอาทิตย์มีแรงดึงดูด โลกมีแรงต้าน ถ้ายันกันอยู่แบบนี้ต้องมีข้างใดข้างหนึ่งแพ้ แต่ด้านโลกมีโอกาสแพ้ค่อนข้างสูง ถ้าไม่ให้แพ้มีทางออกทางเดียว โดยหันด้านข้างของโลกให้ดวงอาทิตย์ดึงแล้วคล้อยตาม เป็นสาเหตุให้โลกหมุนเพื่อปลดปล่อยพลังงาน ต่อให้ดวงอาทิตย์ดึงอีกแสนปีโลกก็หมุนอยู่ระนาบเดิม... อันนี้เป็นความลับห้ามนำไปบอกดวงอาทิตย์นะครับ

ฮาฮาฮา

อ่านแล้วก็สมเหตุสมผลดี อ่านได้ 555

ไปบอกดวงอาทิตย์เมื่อไร ก็อาจจะตอบว่า

ที่โลกมีแรงนั้นเพราะฉันเอง บิกแบง ของฉันไง

จะมายื้อกับฉันได้ขอหมุนไปรอบ ๆ ฉันก่อนเจ้าโลกตัวน้อย

 .........................................................................

ไปๆ มาๆ งานวิทยาศาสตร์ครานี้น่าจะมีการเมืองระดับโลกอยู่ด้วย ยุโรป ห้องทดลองมหึมา อเมริการมีห้องแลบ Fermilab

ข้อมูลนี้ที่ทำให้คิด "แกนแม่เหล็กยักษ์ 1,920 ตัน ของเครื่องตรวจวัดอนุภาค “ซีเอ็มเอส” (Compact Muon Solenoid: CMS) ลงใต้ดินลึก 100 เมตร ชิ้นส่วนยักษ์ของซีเอ็มเอสที่หนักเทียบเท่ากับเครื่องบินเจ็ท 5 ลำนี้มีความกว้าง 17 เมตร สูง 16 เมตร และยาว 13 เมตร มีช่องว่างระหว่างตัวเครื่องกับกำแพงเพียงแค่ 20 เซนติเมตรเท่านั้น เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยตรวจวัดอนุภาคที่ถูกเร่งให้ชน ทั้งนี้ในการสร้างเครื่องซีเอ็มเอสต้องอาศัยความร่วมมือของนักฟิสิกส์ประมาณ 1,500 คน และ 1 ใน 3 เป็นนักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ โดยมีห้องปฏิบัติการเครื่องเร่งอนุภาคแห่งชาติเฟอร์มิ (Fermi National Acceleratory Laboratory) หรือเฟอร์มิแล็บ (Fermilab) ของทบวงพลังงานสหรัฐ เป็นเจ้าภาพหลักในการทดลอง และนักวิทยาศาสตร์สหรัฐก็เป็นแกนในการออกแบบ สร้างและขนส่งอุปกรณ์สำคัญหลายชิ้นสำหรับเครื่องซีเอ็มเอสไปยังเซิร์น"

คัดมาจาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000028061  

ครับ.... ยิ่่งรู้บ้างเพิ่มขึ่นวันละนิดวันละหน่อย ก็ยิ่งสนุกดี

วันนี้เอามาฝากอีก ดูวีดิโอคำบรรยายกันนะครับ http://video.postjung.com/53413.html

ชาวบ้านทั่วไปทั้งไทย และเทศ เรียกอนุภาคที่ค้นพบใหม่นี้ ว่า อนุภาคพระเจ้า แต่ที่เป็นทางการเขาเรียกว่า ฮิกกส์ ตามนามสกุลของ Peter Higgs ศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ (Edinburgh University) แห่งสหราชอาณาจักร ผู้เสนอแก่โลก ตั้งแต่ปี 2507 ว่ามีอนุภาคนี้อยู่ และทำให้ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) หรือ "เซิร์น" (CERN) เชื่อ Peter Higgs และจัดทำเครื่องมือเพื่อพิสูจน์ว่ามีอนุภาคฮิกกส์อยู่จริง ที่มีชื่อว่าเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC)

สรุปจาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000043459

ปีเตอร์ ฮิกกส์ (Peter Higgs) อธิบายไว้เมื่อปี 2503 ว่าสนามฮิกกส์  จะทำให้อนุภาคเคลื่อนที่ช้าลง และทำให้อนุภาคมีมวล จึงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วแสงเหมือนอนุภาคที่ไม่มีมวล แต่การจะยืนยันว่ามีสนามดังกล่าวหรือไม่นี้จำเป็นต้องหาอนุภาค ฮิกกส์ให้ได้ โดยค้นหามวลที่หนักกว่ามวลของโปรตอน ซึ่งใช้หน่วยเดียวกับพลังงานเพราะตามสมการ E=mc2 ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)

สรุปจาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000086661

เมื่ออรหันต์ที่นอน นักวิทยาศาสตร์ที่ใช้ ที่บอกว่าใช้ทริดสะเดา ดังกล่าวมาแล้วว่า “……..เดาเอาว่าที่เขาประกาศคือการพิสูจน์ทฤษฏีไอสไตน์ E=mc^2 E คือพลังงาน m คือมวล c^2 คือความเร็วแสงในอวกาศ อธิบายว่า m คือมวลประกอบด้วยนิวเคลียส โปรตรอน และนิวตรอน ตามที่ทดลองเมื่อเร่งอนุภาคโปรตรอนให้มีความเร็วเท่ากับความเร็วแสงคูณ 2 แล้วทำให้โปรตรอนชนกัน(ต้องทำห้องทดลองให้เป็นวงกลม ตามที่ฝรั่งทำ) จะได้พลังงานคือ E ด้าน mc^2 เมื่อโปรตรอนแตกตัวจะได้ E (พลังงาน) แต่ฝั่ง mc^2 ไม่ได้พลังงานทั้งหมด คงเหลืออนุภาคอีกส่วนที่เคลื่อนที่ช้า (น่าจะน้ำหนักมาก) อนุภาคดังว่าคืออนุภาคพระเจ้าที่ฝรั่งเรียก เพราะเมื่ออนุภาคเลื่อนที่ช้าโอกาสที่มวลจะรวมตัวขึ้นมาใหม่ก็มีสูง ทั้งหมดคือการอธิบายความเชื่อที่ว่า เมื่อดวงอาทิตย์ระเบิดครั้งใหญ่ (บิ้กแบง) ดาวเคราะห์ทุกอย่างที่เป็นบริวารของดวงอาทิตย์จะสูญหายไป ……”

ครับ…. อ่านไป บันทึกไป….ก็รู้สึกว่าเริ่มเข้าใจมากขึ้น ท่านทั้งหลายจากวัดไหน ก็ได้ หรือ ใครก็ได้ โดยเฉพาะอรหันต์ที่นอน จะเพิ่มเติมอะไร ที่จะช่วยให้ฉลาดร่วมกันในเรื่องนี้ ก็เชิญชวนอย่าได้รอช่า โพสต์เข้ามาไว ๆ

ขอบคุณครับ

นักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อเขาต้องการจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขานิยมเลือกเรียนคณะอะไรกันบ้าง จากเว็บไซต์นี้ รายงานว่าคณะยอดนิยมของเด็ก ๆ

 htttp://www.google.com/Top+5+คณะยอดนิยม   ... มีดังนี้

อันดับ 5 คณะวิศวกรรมศาสตร์ (9%)

อันดับ 4 คณะวิทยาศาสตร์     (10%)

อันดับ 3 คณะเภสัชศาสตร์      (11%)

อันดับ 2 คณะแพทยศาสตร์     (18%)

อันดับ 1 คณะทันตแพทยศาสตร์(25%)

ก่อนเปิดภาคเรียนปีการศึกษานี้ มีผู้ที่ใช้ชื่อว่า คนถางทาง นำมาบอกเล่าไว้ใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/487366  ในหัวข้อ การเลือกสาขาเรียนมหาลัย.ของนักเรียนมัธยมปลาย.คือตัวชี้วัดอนาคตสังคมไทย

ซึ่งความว่า…… เด็กมัธยมปลายวันนี้นิยมเรียนอะไรคือดัชนีชี้วัดสังคมไทยในอนาคต (...ข่าวตัดจากสื่อออนไลน์)....ผู้ผ่านการคัดเลือกที่ได้คะแนนสูงสุดของคณะ/สาขาวิชา ในการคัดเลือกระบบแอดมิชชัน ประจำปีการศึกษา 2555 จำนวน 9 ราย

ไม่มีใครเลือกเรียนวิทยาศาสตร์สักรายเดียว

จากเว็บไซต์นี้ http://www.reocities.com/collegepark/union/8260/talk/talk1.html  กล่าวว่า….. ประเทศไทยมีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอันดับที่ 47

อย่าดีใจ เพราะสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ที่มีชื่อเสียงในสวิตเซอร์แลนด์ได้ ซุ่มทำงานวิจัย 47 ประเทศในปี 2543 หรือ ปี 200 คือ ประเทศไทยมีความสามารถด้านนี้ ได้ที่โหล่คือ อันดับบ๊วยสุด สถาบันนี้คือ International Institute for Management Development เขาเรียกย่อ ๆ ว่า ไอเอ็มดี (IMD) อยู่สวิสเซอร์แลนด์ โดยใชัเกณฑ์ในการชี้วัดอยู่ 26 ชนิด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลให้ความสนใจมาก เลยนำมาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในส่วนของเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เมื่อสัปดาห์ก่อนโดยมี ฯพณฯ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นประธาน สำหรับเกณฑ์ในการวัดทั้ง 26 ชนิดนำมาแบ่งกลุ่มได้ 5 หัวข้อใหญ่ คือ

1. ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาทั้งของภาครัฐและเอกชน โดยเทียบอัตราส่วนต่อประชากร ต่อรายได้ประชาชาติ (GDP) ซึ่งโดยรวมในปี 2000 เราอยู่ในอันดับที่ 45

2. บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา ก็เป็นจำนวนบุคลากรด้านการวิจัยทั้งหมดในภาครัฐและเอกชนรวมทั้งบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์ และไอที เราอยู่อันดับที่ 46

3. การจัดการด้านเทคโนโลยี ก็ดูจากความร่วมมือในการทำวิจัยของเทคโนโลยี ด้านการเงิน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การเคลื่อนย้ายหน่วยงานวิจัยออกจากประเทศเราอยู่อันดับที่ 43

4. สิ่งแวดล้อมทางวิทยาศาสตร์ ก็เป็นจำนวนรางวัลโนเบล (ประเทศไทยไม่เคยได้รับแม้แต่คนเดียว) การวิจัยพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ และการศึกษาและเยาวชน เราอยู่อันดับที่ 35

5. ทรัพย์สินทางปัญญา ดูจากจำนวนสิทธิบัตรที่เราคิดค้น การคุ้มครองและลิขสิทธิ์ เราได้อันดับที่ 44 แต่เมื่อนำมารวมกันทุกประเทศแล้ว แม้ว่าทุกข้อเราไม่ได้คะแนนบ๊วย แต่ทุกข้อประเทศอื่นจะมีอันดับดีกว่าเราเสมอเราจึงอยู่อันดับบ๊วย นำมาให้ผู้อ่านช่วยกันคิดโดยเฉพาะท่านครูบาอาจารย์และนิสิต นักศึกษา ทำอย่างไรให้เราไม่อยู่อันดับโหล่ของห้อง ? การแก้ไขไม่ใช่เป็นภาระของรัฐบาลอย่างเดียว แต่ต้องทุกฝ่ายและประชาชนจะต้องมีความตื่นตัวด้านนี้ด้วย เอามาเขียนไม่อยากให้ท้อใจ แต่อยากจะให้เป็นจุดเริ่มสู้ด้วย วิถีใหม่ในสหัสวรรษใหม่... สู้ต่อไป...

ผมรำพึงรำพันในเรื่อง “อีกกี่ร้อยปีถึงเราจะมีเครื่องยนต์ด้วยสมองของไทยเอง” ไว้ใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/470904  ที่ทำไม่ได้ ก็เพราะการส่งเสริมการวิจัย ซึ่งต้องใช้ความเป็นนักวิทยาศาสตร์ ในประเทศเรามีน้อย อยากให้อ่าน ที่ท่านผู้ใช้นามว่า คนถางทาง สมาชิกโกทูโนนี้ ที่ท่านเขียนไว้ ซึ่งตัดต่อมาพอให้ได้อ่านไปก่อน ดังนี้ "..........เกาหลีเขาเก็บภาษีได้ประมาณ 30% ของ GDP แต่ของเราเก็บได้แค่ 17% (และกำลังจะลดลงเหลือเพียง 15% หลังจากที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ลดภาษีธุรกิจให้คนรวยจาก 30 เหลือ 20%...ซึ่งจะนับเป็นระดับการเก็บภาษีที่ต่ำที่สุดในโลก..ต่ำกว่าลาว เขมรเสียอีก) ดังนั้นถ้าคิดงบประมาณวิจัยเป็นสัดส่วนกับงบประมาณประเทศจะเห็นว่ารัฐบาลเกาหลีให้ (0.6/0.30 =) 2% ของงบประมาณประเทศ ส่วนไทยเรา (คิดที่ภาษี 15%) ให้งบ (0.2/0.15 =) 1.33% ..จะเห็นว่าเมื่อเทียบกันแบบยุติธรรมตามภาคส่วนแล้ว ไทยเราไม่ได้ให้เงินวิจัยน้อยกว่าเกาหลีเท่าไรเลย ทั้งที่เป็นประเทศที่ยากจนกว่ามาก ส่วนภาคเอกชนนั้นของเรามีการวิจัยน้อยมาก เพราะภาคเอกชนส่วนใหญ่ 90% เป็นบริษัทต่างชาติ ที่มาหากินกับแรงงานราคาถูกของเรา ใครมันจะลงทุนวิจัยให้โง่ งานวิจัยเป็นงานชั้นดี มันสงวนไว้ทำในประเทศแม่เท่านั้น ให้คนของเขามีงานชั้นสูงทำ ส่วนรัฐบาลไทยก็ไปส่งเสริม BOI ให้บริษัทล่าอาณานิคมแบบใหม่อยู่นั่นแหละ เท่ากับสมัครใจไปจ้างเขาเข้ามาจิกหัวเราเป็นทาสนั่นเอง......."

ในโอกาสที่โลกเขาพูดกันถึงเรื่องอนุภาคพระเจ้า เพื่อก้าวไปสู่วิทยาศาสตร์ยุคใหม่หากคนไทย ประเทศไทย ยังสนใจวิทยาศาสตร์น้อย เราก็อาจจะต้องอยู่ในอาณานิคมแบบใหม่ ให้เขามาจ้างคนของเราไปจิกหัวใช้เยี่ยงทาส ตามที่คนถางทาง ได้ถางทางสู่ความฉลาดกว่าให้พวกเรา

อนุภาคพระเจ้ากำเนิดดวงดาว นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นหาว่าโลกและดวงดาวเกิดขึ้นได้เพราะอะไร โดยค้นคว้าหาเหตุผลมาอธิบายความเชื่อของตน แต่ด้วยคำพูดไม่ศักดิ์สิทธิ์ และน่าเชื่อถือเท่ากับการพิสูจน์ให้ดู เพื่อยืนยันคำอธิบายให้นักวิทยาศาสตร์แต่ละสำนักเชื่อถือได้

ในปี พ.ศ. 2503 Peter Higgs นักฟิสิกส์ ชาวอังกฤษได้เสนอทฤษฎีการมีสนามฮิกกส์ ซึ่งพอจับใจความได้ว่า หลังจากดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ (Big Bang) ดวงดาวซึ่งเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ทั้งหมดหายไป หลังการระเบิดจะเหลืออนุภาคที่กระจายไปทั่ว และเป็นอนุภาคที่ทำให้อนุภาคอื่น ๆ มารวมตัวกันแล้วเกิดเป็นมวลสารขึ้นมา เนื่องจากมวลสารที่เกิดจาการระเบิดของดวงอาทิตย์มีมาก มวลสารที่มารวมตัวกันจึงใหญ่ กลายเป็นกลายเป็นโลก และดวงดาวขึ้นมา ฝรั่งจึงเรียกรวม ๆ กันว่าอนุภาคพระเจ้า ฝรั่งเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกอย่างไม่ว่า ดาว โลก สัตว์

Peter Higgs พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า ทฤษฎีHiggsมีอยู่จริงและพิสูจน์ได้

ด้วยจิตคาราวะมิตรทั่วยุทธภพ

Hello Acaan! I subscribed to gotoknow, finally and read your article which you told me about. I didn't understand everything that you said yesterday. Of course, as a Christian, I believe that there is a Creator of the Universe and Father of all life. Science often confirms that for those of us who believe. But from a different worldview, it's easy to see how science would deny the existence of a personal, Creator God. I agree with your conclusion that if this article is true, then there are ramifications of there being a Creator. Things should change a great deal in the lives of so many people if they really understand and accept that as a fact. Good inquiry! I will be following your blog. I had a blog when I was in Doi Saket, but since being at YRC, I haven't had time to write. I should be writing more. I'll consider using this blog space too.

Thank you..Julie to visit my blog. As you know.I am not a sciencetist. I just want to learn about it and I think it will be useful for all especially our students who are interested in science study. Thanks to visit

I will choose websites in English for you and all to easy click here.

ในบันทึกที่ #2667894 ของผมข้างบนนี้ ได้นำวีดิโอที่บรรยายเป็นภาษาไทย

ไว้แล้ว  แต่อรหันต์ที่นอน บอกย้ำมาว่า ขอให้ดูให้ได้ เพราะดูแล้วทำให้เข้าจริง ๆ

จึงเชิญชวนให้ดูกันครับ

http://video.postjung.com/53413.html

วิทยาศาสตร์พบโน่น พบนี่มาตั้งเยอะ ความจริงเรื่องกำเนิดโลก(และจักรวาล)ดูเหมือนจะใกล้เข้ามา แต่ก็ยังห่างไกลอยู่ดี

อาจต้องหาคำตอบจากทางอื่นดูบ้าง

Suggestion : English websites for god particle http://en.wikipedia.org/wiki/Higgs_boson

http://godparticle.com/

อ่านอีกทีที่คิดว่าจะช่วยให้เข้าใจดีขึ้นอีก

http://board.postjung.com/623233.html

เมื่อลำโปรตอนมาชนกันแล้วเกิดอนุภาคพระเจ้า  หรือ Higgs Boson เป็นอย่างไร

คลิ๊กดูภาพนี้   http://www.youtube.com/watch?v=T1SLiDJoyIY 

มีสหายรัก อรหันต์ที่นอน บอกให้กลับมาดูเรื่องที่เคยร่วมกันบันทึกไว้นี้ เพราะคาดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่้องนี้เป็นเรื่องใหญ่  ที่ต้องให้ความสนใจเพื่ออนาคต ผมได้ตั้งคำถามไว้เป็นข้อในตอนต้นว่า

  1. มีอะไรลึก ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกบ้างอยากได้อ่านจากผู้ที่รู้จริง
  2. ผลการค้นพบครั้งนี้  น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกด้านใดบ้าง
  3. เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้คนเชื่อว่าว่า  เพราะเจ้าเป็นผู้สร้างโลก
  4. เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะนำผลการการทดลองไปทำลายล้างกัน
  5. เป็นไปได้หรือไม่ที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จะกลับมาเป็นเพ็ชรฆาตทำลายล้างมนุษย์
  6. อะไรที่จะเป็นผลดีต่อมนุษยชาติจากข้อค้นพบในครั้งนี้
  7. น่าจะมีอะไรบ้าง ที่จะมีผลมากระทบต่อประเทศไทย  คนไทยชีวิตไทย
  8. กระทรวงวิทยาศาสตร์รู้อะไร ทำอะไร ไปบ้างแล้วเกี่ยวกับเรื่องการทดลองนี้                                                 จากข้อค้นพบนี้ เชื่อว่าน่าจะส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนในโลก  สิ่งใหม่ ความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานที่น่าจะนำมาใช้เพื่อมนุษยชาติ  ถ้ากระทรวงวิทยาศาสตร์ไทยได้ให้ความสนใจ เตรียมคนเก่งไว้ให้สอน ให้คิด ให้ทำ นำมาประยุกต์ใช้  ประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าในสังคมโลก

 

40 minutes ago · 

อนุภาคพระเจ้า...
สมมุติฐานหลังจากดวงอาทิตย์ระเบิด ดาวเคราะห์ที่เป็นบริวารดวงอาทิตย์ถูกแรงระเบิดทำลาย สูญหายไปหมด

แล้วทำไมดาวเคราะห์ถึงรวมตัวกันเป็นบริวาีรของดวงอาทิตย์ขึ้นมาใหม่ ดังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน

ดาวเคราะห์บริวารของดวงอาทิตย์มี โลก อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ดวงจันทร์ เกิดได้อย่างไร

ปีเตอร์ ฮิกส์ ที่อธิบายกำเนิดจักรวาล(นักฟิสิกส์ที่อธิบายกำเนิดจักรวาล และได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ปี 2556)ฟังฝรั่งแล้วเวียนหัว 
ผมขออธิบายว่า ทั้งหมดที่ปีเตอร์ ฮิกส์ อธิบาย คือการพิสูจน์ทฤษฎี "สัมพันธภาพ" ของไอสไตน์ครับ
ทฤษฎีสัมพันธภาพ ว่า E = MC2 อธิบายดังนี้
E = พลังงาน ได้จาก MC2
M คือ มวลสารประกอบด้วย นิวเคลียสจำนวนมากเกาะเกี่ยวกัน
ในนิวเคลีียสประกอบด้วย โปรตรอน และ นิวตรอน
C2 คือ ความเร็วของแสงยกกำลัง2

เมื่อแยกเอาโปรตรอนมาเร่งให้วิ่งเร็วเท่ากับความเร็วแสงยกกำลัง2(ทำเป็นวงกลมแล้วให้ชนกัน)
สิ่งที่ได้คือ E ครับ พลังงานเมื่อดวงอาทิตย์ระเบิด จะได้พลังงาน E แล้วดาวเคราะห์บริวารดวงอาทิตย์ถูกระเบิดสูญสลายไปหมดแล้วดาวเคราะห์เกิดมาใหม่ได้อย่างไร
อธิบายดังนี้
ผมยกตัวอย่างการทำงานของระบบ"ลูกสูบ"ในรถยนต์ให้ดูครับ
เมื่อเราฉีดน้ำมันเข้าไปในลูกสูบแล้วอัดอากาศให้เหลือพื้นที่น้อยแล้วจุดระเบิด จะได้พลังงานไปถีบลูกสูบให้วิ่งขึ้นลง ลูกสูบไปหมุนเพลาให้รถวิ่งได้ หลังจากจุดระเบิดได้พลังงานแล้ว สิ่งที่คงเหลืออยู่ในลูกสูบคือเขม่าครับ เขม่านั้นเปรียบได้กับดาวเคราะห์ต่างๆที่รวมตัวกันหลังจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ครับ (สิ่งที่หลงเหลือจากการระเบิดของดวงอาทิตย์คือ ดาวเคราะห์ครับพี่น้อง) 

ด้วยความคาราวะ อรหันต์ที่นอน (โอล ด็อก)

 

 

ปีเตอร์ฮิกได้รับรางวัลโนเบลแล้วครับ ของแสดงยินดีกับท่านและชาวโลก ที่จะได้นำข้อค้นพบนี้ไปใช้ประโยชน์ สำหรับมนุษยชาติ

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx...

 
 
 
 
 
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าไม่นำไปต่อยอด
 
เพื่อเข่นฆ่า ทำลายล้างกัน
 
 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท