วันนี้ พี่ร่วมงานอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ นี้ให้ฟัง เห็นว่าข่าวนี้น่าสนใจจึงนำมาพิมพ์ผ่าน ipad สั้น ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน
สองคดีเด็ด ตำรวจจับได้เพราะพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจนปรากฎในเฟซบุ๊กของเจ้าตัว คดีแรก เหตุเกิดที่ฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่สารสนเทศประจำท้องถิ่นกรุงมะนิลาถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงในข้อหาละทิ้งหน้าที่ หลอกลวงและประพฤติมิชอบ เนื่องจากปิดสำนักงานสารสนเทศนาน ๔ วัน ทั้งที่ไม่ใช่วันหยุดราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนจับได้ว่าหนีไปเที่ยวเกาะกับเพื่อน ๆ จากภาพที่เขากับเพื่อน ๆ กำลังท่องเที่ยวเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก ผลของคำพิพากษาทำให้เขาถูกไล่ออกจากงาน
คดีที่สอง เกิดขึ้นที่ไทเป โจทก์เป็นผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนเพราะสุนัขวิ่งไล่กวด เขายื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกับเจ้าของสุนัข แต่จำเลยเจ้าของสุนัขให้การว่าไม่เคยเลี้ยงสุนัข ทนายความฝ่ายโจทก์ได้ใช้ภาพถ่ายแผนที่ภาคพื้นดินของเว็บไซต์กูเกิล ซึ่งถ่ายเมื่อสองปีก่อน แสดงให้เห็นว่าสุนัขที่ก่อเหตุอาศัยอยู่ในบ้านของจำเลยจริง ศาลกรุงไทเปของไต้หวัน เขตปกครองพิเศษจีนตัดสินปรับเป็นเงิน ๕๙,๐๐๐ ดอลล่าร์ไต้หวัน
เทคโนโลยีสื่อสารมีทั้งโทษและคุณ หากไม่ทำอะไรผิด หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลหรือสัตว์ที่อยู่ในความดูแล ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
น่าคิดทีเดียวนะคะ พี่ศิลา...^^
กรณีศึกษาเรื่่องนี้ใช้สอนได้ครับ อาจารย์นพลักษณ์ ๙ ;)...
และขณะ นี้ผมกำลังติดตามพฤติกรรมการใช้ FACEBOOK ของเด็กในเรื่องการระบายอารมณ์อยู่ ผมคิดว่า อันตรายมาก เนื่องจากเป็นการระบายอารมณ์เพื่อกระทบกับเพื่อนร่วมห้องพัก ซึ่งมันทำลายความสามัคคีที่สร้างกันมาหลายเดือน
กะว่าจะดูพฤติกรรมสัก ๑ สัปดาห์ก่อน ;)...
อยากฟังระวางโทษครับ อาจารย์ ;)...
เหตุจาก facebook จักได้นำไปสอนนักศึกษาเด็กน้อยได้ครับ
ขอบคุณอาจารย์มากครับสำหรับรายละเอียดนี้ ชอบ ๆ ;)...
มาชม
เป็นความรู้คู่กฏหมายดีมาก และใกล้ตัวด้วยนะครับนี่
กฏหมายต่างประเทศเค้าศักดิ์สิทธิ์จริงนะคะพี่ศิลา
ย้อนมองบ้านเราแล้วเศร้าใจ คดีปล้นชาติยังลอยนวล :)