ฝันเห็นภาพการศึกษาของลูก ปี2020


สภาพสังคมในวันนี้มีสภาพคล้ายกับพวกเราเข้าไปอยู่ในป่าที่ไร้กฏเกณฑ์กันอีกครั้ง อยากได้อะไรก็ต้องหาเอา ขวนขวายเอาเอง หากเรารอแบบเดิมสามัญสำนึกมันบอกว่า ตายแน่ๆ ในตอนนี้เรามีอาชีพอิสระเกิดขึ้นมากมาย การทำงานดูไม่ค่อยเป็นรูปแบบกันอีกแล้ว
หากสภาพเป้าหมายปลายทางของเราเป็นกันอย่างนี้ ยิ่งในปี คศ.2020 ด้วยแล้ว ก็ทำให้โจทย์ของเราเริ่มชัดครับ คือว่า หากเราจินตนาการว่าต้องไปเอาชีวิตรอด หรือเจริญก้าวหน้าในสภาพอย่างนี้ จะต้องใช้อะไรบ้าง ในป่าสารสนเทศวันนี้ไม่ใช่ป่าที่มีเผ่าอะไรเพียงนิดหน่อยเท่านั้น วันนี้ป่าที่เราพูดถึงมีกันทุกชาติพันธ์เลย การจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จะต้องใช้ความสามารถหลายด้าน ด้านการสื่อสาร เราต้องพูดกันได้อย่างน้อย 2 ภาษา หรือจะให้ดีก็เท่ากับชาวสิงคโปร์เขาใช้นะ  5 ภาษากระมัง..ตรงนี้ก็จะทำให้การประกอบอาชีพ การติดต่อค้าขายทำได้สะดวกขึ้นเพิ่มโอกาสขึ้นอย่างมากมาย
หันกลับมาดูเรื่องของอาชีพกันบ้าง หากเราจะต้องเตรียมลูกเพื่อเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ในวันนี้หรือวันข้างหน้า เราจะต้องมองให้ออกว่าลูกเรามีความสามารถพิเศษด้านไหนที่สุด เป็นอัจฉริยะด้านไหน ก็ต้องฝึกฝนและต่อยอดจากตรงนั้นนะ เราจึงจะเป็นตัวเลือกของสังคมป่าที่ผมกล่าวมาข้างต้นนะ ให้เห็นภาพชัดก็คือ หากเขาเก่งร้องเพลงเมื่อจับไมค์และร้องคาราโอเกะ เสียงเพลงนั้นจะต้องสะกดคนฟังให้แน่นิ่งไปกับบทเพลงที่เราขับกล่อมประมาณนั้น
ฉะนั้น ตรงนี้ถ้าเป็นการวางการศึกษาของประเทศ ก็จะต้องใช้ข้อมูลแนวอย่างนี้เป็นเกณฑ์  และน่าจะต้องพัฒนาขึ้นมาในแบบของไทยโดยเฉพาะ โดยอิงกับความเชื่อที่ว่าคนแต่ละชาติก็โดดเด่นกันคนละแบบ ฉะนั้นคนไทยก็จะมีที่ยืนในเวทีโลกแบบของคนไทยนั่นเอง
หากลูกไม่เก่งล่ะ จะทำอย่างไร หากลูกไม่เก่งก็ต้องว่ากันตามกรอบพื้นๆ ก่อนคือ ทำใจยอมรับความจริงก่อน จากนั้นก็เลือกว่าชอบทำอะไรหรือทำงานอะไรแล้วทำได้ดี แล้วก็ช่วยกันขวนขวายส่งเสริมลูกในแบบที่เขาถนัด เช่น ถนัดเรื่องการซ่อมรถ ในการซ่อมรถนั้นเราจะต้องมีพื้นฐานวิชาอะไรบ้าง เราก็พัฒนาในแนวทางที่เราชอบโดยใช้การค้นคว้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลักและผลิตผลงานออกมา
สุดท้ายก็คือ การทำงานในโลกนี้เป็นอะไรที่เหมือนปกติทุกอย่าง มีอาชีพหลากหลายกันไป แต่สิ่งที่สำคัญก็คือฐานความรู้วันนี้แตกต่างจากอดีตมากมาย ฉะนั้นเมื่อเรามีความรู้ที่เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผลงานที่ไร้ขอบเขต ผลงานที่ได้ก็จะเป็นสุดยอดของโลกด้วยเช่นกัน เด็กไทยต้องได้ประมาณนี้ ไทยเราจึงจะอยู่รอดแบบมีเพื่อนยังคงให้ความเคารพอยู่  นี่ก็ฝันกลางวัน นะครับ

เติมต่อเพื่อตอบคำถามให้จบนะครับ...
รูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมจะเป็นอย่างไร
การเรียนควรจะมีการจัดกลุ่มตามความถนัดของนักเรียน ซึ่งควรกำหนดการให้มีทิศทางความก้าวหน้าสามารถวิ่งขึ้นไปสู่การเป็นผู้นำได้ ไม่ควรใช้กรอบการสร้างผู้นำและผู้ตามเหมือนปัจจุบันนี้นะครับ
ครูอาจารย์จะปลูกฝังทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ควรปลูกฝังทักษะการมองเชิงบวก การมีความพยายาม ทักษะการอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทักษะความตื่นตัวต่อการเอาตัวรอดในทุกสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป
 ให้นักเรียนด้วยเครื่องมืออะไร
เครื่องมือก็คือการพึ่งพาลำแข้งของตนเองอันนี้เป็นหลักครับ ส่วนเครื่องมือด้านอื่นๆ ก็เลือกใช้ตามความเหมาะสม คุณครูแนะนำหรือสอนทักษะการใช้เครื่องมือนั่นเอง
ชั้นเรียนจะเป็นอย่างไร
ชั้นเรียนคงเปลี่ยนไปจากทุกวันนี้แล้ว คิดว่าคงจะมีลักษณะแปลไปตามกลุ่มนักเรียนที่สนใจร่วมกัน เขาอาจจะนัดพบกันกลุ่มย่อยมีตารางหนึ่ง กลุ่มใหญ่มีตารางหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ต้องไปโรงเรียนทุกวันอย่างเดี๋ยวนี้ ก็เป็นได้
การสร้างแรงจูงใจให้แก่นักเรียนทำอย่างไร
การสร้างแรงจูงใจนักเรียน ก็ทำแบบ การเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ให้กำลังใจกัน เรียนรู้จากการทำกิจกรรม หรือจะให้ดีน่าจะเป็นชิ้นงานที่ใช้งานได้จริงๆ ขายได้จริงๆ นี่ก็คือการเรียนรู้ของยุคต่อไปนั่นเอง
การพัฒนาจริยธรรมคุณธรรมให้นักเรียนจะต้องทำอย่างไร
จริยธรรมและคุณธรรม ตรงนี้ผู้ปกครองต้องเริ่มก่อน การเสียสละในส่วนที่เป็นของส่วนรวมเราควรทำเป็นตัวอย่าง ในส่วนอื่นๆ ก็เป็นการต่อยอดจากจุดนี้นะครับ

หมายเลขบันทึก: 493746เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2012 14:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม 2012 12:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

การเรียนจากการทำิสินค้าโอท็อบของแต่ละหมู่บ้าน ของแต่ละท้องถิ่นน่ะจะดี บันทึกนี้คงจะแตกต่างจากอาจารย์ท่านอื่นๆ มากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นคนต่างก็คิดต่างกันนะครับ

เรื่อง การศึกษา แนวคิวของผมนะครับ คือสอนลูกและลูกศิษย์ให้เป็นคนดีเสียก่อนครับ ปลูกฝังให้เป็นคนกตัญญู มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม มีระเบียบเรียบร้อย แล้วปลูกฝังความรู้ทางวิชาการให้แก่เขาครับ โลกใบนี้่มันหมุนเร็วเหลือเกินครับ ลองคิดถึงอนาคตที่เข้ามาหาเรานั้นเร็วมากขึ้นกว่าเดิมครับ ยกตัวอย่าง การเดินทางที่เร็วขึ้น จากการเดิน มาขับรถยนต์ สิครับ ทุกอย่างเคลื่อนที่มาหาเราอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี่ต่าง ๆ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่สำคัญคือการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยความดีงาม พร้อมที่จะอยู่บนโลกนี้ด้วยความสุขครับ เก่งเกินไปไม่กตัญญูต่อ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้มีพระคุณ ก็ไม่สมกับเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพครับ ที่ผมเสนอความคิดเห็นนี้ยอมรับในการตำหนิได้ครับ

สวัสดีครับอาจารย์ ดร.วรกาญจน์ Blank ผมเห็นด้วยครับ ในส่วนของผมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกรอบการพัฒนาการศึกษา 2020 น่ะครับ ผมนำเสนอในแบบจากใจของคนเป็นผู้ปกครอง นะครับ

เห็นด้วยกับพี่ค่อนข้างมากครับ...การศึกษาของไทยของเราควรมีความเป็นสากลและอัตลักษณ์ของบริบท...มีทักษะ...สุ-จิ-ปุ-ลิ...และศีลธรรมประจำตนครับ...ขอบคุณบันทึกนี้นะครับ

  • การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม เห็นด้วยมากเลยครับ ผู้ปกครอง ครู หรือผู้ใหญ่ในสังคมต้องเป็นตัวอย่างให้ได้ก่อน.. 
  • ขอบคุณแนวคิดดีๆครับ

ขอบคุณคุณทิมดาบ ที่เติมเต็มนะครับ

ขอบคุณคุณธนิตย์ สุวรรณเจริญนะครับ การเป็นตัวอย่าง หากทำได้สังคมเราคงน่าอยู่กว่านี้นะครับ

เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง   เลิกใช้คำพูดว่า  ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้กับเด็กๆ เสียทีด้วยค่ะ 

สวัสดีครับคุณ ถามคิดว่าในทุกวันนี้ วิธีการเรียนเปลี่ยนไปมากทีเดียว ผู้ปกครองต้องช่วยเค้าเรียนด้วย ประมาณนั้น นะครับ

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีดีคะคุณ เพชร

เห็นด้วยกับ Blank อ.ดร.วรกาญจน์ คะ

ในการปลูกฝังความดีตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งที่บ้านเอง

และที่โรงเรียน สอนให้เด็กคิดดี ทำดี จิตใจดี

เป็นภูมิที่ดีกับสังคมและโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว

ที่มีทั้งสิ่งดีดี และไม่ดีคละเคล้ากันไปคะ

ชื่นชมนโยบายในการนำศาสนาเข้ามามีบทบาท

กับการศึกษาทำให้เด็ก เข้าใกล้พุทธศาสนามากขึ้น

ทำให้เด็กมีสมาธิ มีความคิดรอบคอบส่งผลดีต่อการเรียนด้วยคะ

 

 

สวัสดีครับคุณ Blank ครับ  ภาพประกอบความเห็นสวยงามมากนะครับ ดีใจแวะมาอ่านนะครับ ทำให้บันทึกดูสมบูรณ์เป็นกองเลย ชอบครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท