เมื่อวาน (20 มิถุนายน 2555) เป็นอีกวันที่ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจัดกิจกรรมเนื่องในโครงการ “การจัดการโรงอาหารของโรงเรียนตามาตรฐาน GMP” ของภาควิชาเทคโนโลยีการอาหารและโภชนาศาสตร์ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 13 และ 16 มิถุนายน 2555 ณ โรงเรียนพระกุมารมหาสารคาม
โดยหลักของวันนี้ เป็นการเรียนรู้ในแต่ละฐานเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่กลุ่มเป้าหมายที่เข้าเรียนรู้ก็คือนักเรียนในระดับชั้นประถมปีที่ 4-6
แต่กว่าจะถึงเวลาจริงของการปฏิบัติการ นักเรียน ป.1-3 ก็กรูมาหาพี่นิสิตอย่างเนืองแน่น ซึ่งนักเรียนเหล่านั้นเป็นกลุ่มที่เคยเรียนรู้ในแต่ละฐานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา พอเป็นเช่นนั้นนิสิตจึงไม่อิดออด หรือรีรอที่จะพบปะ ละเล่น หรือแม้แต่ทบทวนความรู้กับน้องๆ นักเรียน
ในห้วงๆ หนึ่ง ผมมีโอกาสได้พบปะพุดคุยกับนิสิตอย่างไม่เป็นทางการหลายท่าน รวมถึงการสัมภาษณ์นิสิตแกนนำที่ขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วพลอยรู้สึก “อิ่มใจ” อยู่อย่างมากโข
ถึงแม้กิจกรรมดังกล่าวนี้จะยังไม่เสร็จสิ้น เพราะยังต้องดำเนินไปเป็นระยะๆ รวมถึงการประเมินผลในอีกห้วงหนึ่งถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง อันเป็น “ผลพวง” ของการขับเคลื่อนโครงการ ทั้งในมิติการเปลี่ยนแปลงของ “ชุมชน/โรงเรียน” รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวตนของ “นิสิต/อาจารย์”
น้องๆ นักเรียนบอกเล่าอย่างใสซื่อว่า การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ...
...ได้รับความสนุก
สนานไปพร้อมๆ กับการได้รับความรู้ที่แปลกใหม่
|
ส่วนนิสิตก็บอกเล่าผลพวงของการเรียนรู้ในระยะต้นนี้ในทำนองเดียวกันว่า
สำหรับผมแล้ว กรณีของนิสิตนั้น หากไม่นับการประเมินผลตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ หรือแม้แต่ทักษะการบริหารโครงการ (project management) กระบวนการของการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (participatory learning) การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง (learning by doing) ฯลฯ ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่อง “ความสุขของผู้เรียน” เป็นอย่างมาก และสิ่งที่ผมให้ความสำคัญนั้น ก็ถูกค้นพบอย่างชัดแจ้งโดยตัวของนิสิตเอง ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่ได้ปรุงแต่ง หรือสร้างภาพ เพราะในคำบอกเล่า หรือแม้แต่พฤติกรรมของนิสิตก็ฉายชัดถึง “ความสุข” นั้นอย่างเด่นชัดและเป็นรูปธรรม
สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่านิสิตได้ค้นพบคุณค่าของตัวเอง (self awareness) ไปพร้อมๆ กับการค้นพบคุณค่าของคนอื่น (emphaty) รวมถึงค้นพบพันธกิจอันเป็นจิตอาสาที่เป็นคุณค่าของสังคม (social awareness)
และท้ายที่สุด ก่อนละวางเพื่อการเดินทางไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง ผมฝากให้นิสิตสังเคราะห์ประเด็น “ปัญหาอุปสรรคและความสำเร็จ” รวมถึง “ปัจจัยอันเป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และนำพาไปสู่ความสำเร็จ” หรือแม้แต่กระบวนการของการ “คลี่คลายวิกฤต" ต่างๆ
ขอให้กำลังใจทุกฝ่ายค่ะ..
เห็นความสดใสของเด็กแล้วมีความสุขค่ะ
เรียนรู้จาก ความจริงที่ไม่ปรุงแต่ง...
ตอนเป็นอาจารย์ใหม่ๆ หลงคิดว่า "curriculum" สำคัญที่สุด
ตอนนี้ เปลี่ยนมุมมอง
ขอเพียงมีเวที มีประสบการณ์ ที่ปลอดภัย
แล้วเฝ้ามองเขาเรียนรู้อย่างมีความสุข
- ชอบมากค่ะ ความสุขที่มาจากหัวใจสัมผัสได้จากรอยยิ้มระหว่างการเรียนรู้และดูผู้อื่นเป็นครูที่สะท้อนความรู้ซึ่งกันและกัน
- ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่อง “ความสุขของผู้เรียน” เป็นอย่างมาก และสิ่งที่ผมให้ความสำคัญนั้น ก็ถูกค้นพบอย่างชัดแจ้งโดยตัวของนิสิตเอง ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่ได้ปรุงแต่ง หรือสร้างภาพ เพราะในคำบอกเล่า หรือแม้แต่พฤติกรรมของนิสิตก็ฉายชัดถึง “ความสุข” นั้นอย่างเด่นชัดและเป็นรูปธรรม
แวะมาส่งกำลังใจให้น้องคนดีค่ะ