ก่อนเปิดภาคเรียน
วงประชุมขับเคลื่อนช่วงชั้นที่ ๑ – ๒ ได้มาช่วยกันพิจารณาเรื่องโครงสร้างเวลาของการจัดทำกลุ่มประสบการณ์ที่เหมาะสมกับข้อจำกัดและทรัพยากรที่มีอยู่ สรุปได้ว่าช่วงชั้นที่ ๑ จัดกลุ่มประสบการณ์ทุกวันอังคาร และช่วงชั้นที่ ๒ จัดกลุ่มประสบการณ์ทุกวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา ๑๓.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. เพื่อให้เด็กที่สนใจเข้ามาเป็นสมาชิกได้มีเวลาจดจ่อต่อเนื่องกับงานที่เขาเลือกอย่างจริงจังได้มากขึ้น
กลุ่มประสบการณ์ที่เปิดให้นักเรียนได้มาเรียนรู้ในภาคฉันทะ – วิริยะ ของช่วงชั้นที่ ๑ คือกลุ่มกีฬา(รักบี้ฟุตบอล) กลุ่มโยคะ กลุ่มวาดสีน้ำ กลุ่มละคร กลุ่มนาฏศิลป์ - โขน กลุ่มแกะสลักผักผลไม้ กลุ่มดอกไม้ใบตอง กลุ่มลายไทย กลุ่มดนตรีไทย กลุ่มขนมไทย กลุ่มทำอาหาร กลุ่มสวนแนวตั้ง กลุ่มของเล่นวิทยาศาสตร์
กลุ่มประสบการณ์ของช่วงชั้นที่ ๒ คือ กลุ่มกีฬา กลุ่มโยคะ กลุ่มศิลปะบำบัด กลุ่ม Creative movement กลุ่มคอรัสและการรวมวง กลุ่มโขน กลุ่มแกะสลักผักผลไม้ กลุ่มดอกไม้ใบตอง กลุ่มโครเชต์ กลุ่มงาน Recycle กลุ่ม Micro world (คอมพิวเตอร์) กลุ่มส่งเสริมวิชาการ
ผลลัพธ์ที่แตกต่าง
คณะวิทยากรที่เข้ามาช่วยดำเนินการเรียนรู้ มีทั้งที่เป็นผู้ปกครอง คุณครู และวิทยากรจากภายนอก เท่าที่ผ่านประสบการณ์กันมา ๒ สัปดาห์สรุปได้ว่าสนุกกันทั้งผู้สอน และผู้เรียน เพราะทุกคนมารวมตัวกันทำภารกิจนี้ด้วยฉันทะ
คุณครูทั้งสองช่วงชั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กๆ ดูตั้งใจกว่าในคาบเรียนปกติ และดูแลตัวเองได้ดีกว่าที่เคย เมื่อคุณครูชวนคุยเรื่องการทำงานในแต่ละครั้งก็รับโจทย์ไปคิดและทำต่อได้ไว ทั้งยังคิดต่อยอดจากที่ครูให้ทักษะไว้ไปได้อีก
เมื่อคราวประชุมครูที่สอนนักเรียนในระดับชั้น ๒ ซึ่งมีโอกาสได้เข้าไปเป็นสมาชิกของหลายกลุ่มประสบการณ์ ดิฉันชวนคุณครูมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันว่า “การเรียนรู้ของนักเรียนในชั้นเรียนปกติกับชั้นเรียนของกลุ่มประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากฉันทะของผู้เรียนมีความแตกต่างกันอย่างไร”
กลุ่มงาน Recycle มีคุณครูสาวเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ทำสิ่งประดิษฐ์จากเศษวัสดุของนักเรียนช่วงชั้นที่ ๒ พบว่านักเรียนชั้น ๔ มีความตั้งใจและจดจ่อกับการทำงานที่ใช้เวลายาวนาน ( ๒ ชั่วโมงครึ่ง) ได้ตลอด นักเรียนแต่ละคนมีวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน และเห็นว่านักเรียนมีกระบวนการคิดในการทำงาน เรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง ในขณะเดียวกันก็เรียนรู้จากเพื่อนด้วย ทำให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน นักเรียนภูมิใจในผลงานและมีความสุขในการทำงาน
โจทย์สำหรับการทำงานครั้งนี้คือ ให้นำเศษวัสดุเหลือใช้มาทำสิ่งของที่เป็นประโยชน์มากที่สุด โดยให้นักเรียนจินตนาการถึงสิ่งที่จะทำ พร้อมทั้งคิดวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้โดยที่ที่บ้านของนักเรียนมี นักเรียนสร้างและคิดทำผลงานได้อย่างหลากหลาย เช่น โคมไฟ การนำกระป๋องสีมาทำขาโต๊ะ ขาเก้าอี้ เป็นต้น
กลุ่มสวนแนวตั้ง มีคุณครูเต่าเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ คุณครูมินท์เล่าว่าคุณครูเต่าให้นักเรียนออกแบบการแขวนขวดพลาสติก และการประดิษฐ์รูปทรงจากรูปทรงเดิมของขวด เพื่อทำสวนในขวดที่แขวนเอาไว้ริมรั้ว เห็นได้ชัดว่านักเรียนอยากทำและมีความกระตือรือร้นที่จะทำด้วยตัวเอง โดยที่ครูไม่ต้องตามงานเลย
นอกจากนี้นักเรียนยังสนุกกับการคิดต่าง และพยายามทำให้สิ่งที่ตนคิดเป็นความจริงขึ้นมา และสามารถคิดแก้ปัญหาจนงานสำเร็จลงได้ แม้หมดเวลาแล้วนักเรียนก็ยังไม่หมดฉันทะ ทำงานของตนต่อจนกระทั่ง ๑๘.๐๐ น.
กลุ่มโยคะ มีคุณครูนิดเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ คุณครูงิ้มเล่าว่านักเรียนกระตือรือร้นในการเรียนดีกว่าในชั้นเรียนปกติ และรู้สึกทึ่งที่ได้พบว่าเด็กบางคนที่ไม่ค่อยเรียนในชั่วโมง ESLที่ครูงิ้มสอน สามารถทำท่าโยคะได้อย่างสวยงามและมีสมาธิ เห็นได้ชัดว่านักเรียนได้ฝึกทั้งเรื่องของสมาธิ และการรอคอย
กลุ่มของเล่นวิทยาศาสตร์ แม้ว่านักเรียนจะใช้เวลาในการสร้างภาวะความพร้อมค่อนข้างนาน เนื่องจากมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก ก็ยังพบว่านักเรียนยังมีระเบียบวินัย และรอคอย ทำตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้องโดยไม่มีการถามซ้ำ ใช้กล้ามเนื้อมือได้ดี มีความตั้งใจในการทำงาน ทำให้คุณครูมองอุปนิสัยการทำงานของเด็กแต่ละคนได้อย่างชัดเจน
คุณครูประจำชั้นที่เข้าร่วมกลุ่มประสบการณ์ต่างๆ ให้ข้อสังเกตว่า นักเรียนมีอาการตื่นเต้นกับสิ่งที่ทำด้วยตนเอง นักเรียนมีความอดทนรอคอยในสิ่งที่ครูบอก และสามารถทำตามขั้นตอนได้ด้วยตนเอง ดูแลรับผิดชอบในส่วนของตนเองได้ดี
นักเรียนชั้น ๑ สามารถระงับจิตใจในการทำตามกติกาที่ตกลงกันไว้ได้ นักเรียนชั้น ๒ สามารถนำอุปกรณ์มาได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องเตือน นักเรียนชั้น ๓ สามารถแนะนำน้องเล็กๆได้ นักเรียนมีการช่วยเหลือกันในการทำความสะอาดอุปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ อย่างเต็มใจโดยไม่มีการเกี่ยงกัน
ปัจจัยความสำเร็จที่เห็นชัด
เป็นเรื่องเล่าวิธีสร้างฉันทะในการเรียนที่ยอดเยี่ยมครับ วิจารณ์