ต่างเกื้อกูลกันและกัน


เสียงเรียก ยาย..ยาย จากเด็กน้อยที่จ้ำเดินเข้ามาหา จนโคลงเคลงไปทั้งตัว ปลุกจิตวิญญาณของฉันได้ดียิ่ง รู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน เชื่อมโยงเรา ยาย-หลานเข้าด้วยกัน รู้สึกถึงคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ....เราต่างเกื้อกูลกันและกันจริงๆ

คุณยายเล่าว่าเมื่อสองปีก่อน ก่อนที่คุณยายจะตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงผม คุณยายคิดกลับไปกลับมาหลายตลบ และคิดว่าเป็นการเสียสละครั้งสำคัญของชีวิต สังคมรอบตัวคุณยายก็คิดเช่นนั้น หลายปากพูดกันว่าเสียดายความรู้ ความสามารถ งานการที่ริเริ่ม รังสรรค์ไว้ใครจะเป็นผู้ดูแลต่อ คุณยายเองก็หลงห่วง กังวลเช่นนั้นไปด้วย จวบจนคุณแม่เตือนสติคุณยายว่าแค่เพียงหันหลังให้กับงาน ไม่กี่วันคนก็จะลืมคุณยาย อย่าได้ห่วงไปเลย มีคนมากมายที่พร้อมจะมาทำหน้าที่ตรงที่คุณยายเคยทำ แต่สำหรับการเลี้ยงหลาน ไม่มีใครอีกแล้วที่คุณแม่จะวางใจได้เท่ากับคุณยาย

          เวลาผ่านมากว่า ๑๓ เดือน ที่คุณยายอยู่กับผม คุณยายรู้สึกเหมือนเป็นผู้รับจากผมด้วยเหมือนกัน คุณยายบอกว่าผมทำให้คุณยายได้อยู่กับชีวิตที่เรียบง่ายก่อนเพื่อนๆในรุ่น เป็นชีวิตที่ไม่ต้องรีบเร่งให้ถึงเป้าหมาย การมีชีวิตที่ช้าลงให้ความสุขด้านในกับคุณยายมากทีเดียว คุณยายบอกว่าได้เรียนรู้เรื่องของชีวิตจากผมด้วย อยากให้อ่านบันทึกส่วนหนึ่งของคุณยายผม “การได้เห็นสองเท้าอ้วนๆ ของหลานชายค่อยๆ ขยับก้าวเดินอย่างไม่มั่นใจ จนถึง วันที่ก้าวย่างไปราวกับติดจรวดทั้งที่ลำตัวยังโคลงเคลง มือทั้งสองชูขึ้นเพื่อให้เกิดความสมดุลของแต่ละย่างก้าว เด็กน้อยกำลังสอนคุณยายวัย ๖๐ ปี ว่าการรีบเร่งนั้นเสี่ยงนักที่จะล้ม จำเป็นต้องดูแลชีวิตให้สมดุล บางครั้งฉันเห็นเขาเซ เพราะจัดสมดุลไม่ดีพอ แต่เขาก็ลุกขึ้นมาใหม่ ใจไม่ยอมแพ้ เชื่อได้ว่าเดือนหน้าเขาจะเดินได้ตรง และไม่เซซวนแน่ๆ ดูเขาสนุกกับการเรียนรู้ และคำชื่นชมจากยาย ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาวางเป้าหมายจะเดินให้ได้อย่างคุณยายรึเปล่า รู้แต่เพียงเขาอยู่กับปัจจุบันในขณะที่ก้าวเดิน ” .... “เสียงเรียก ยาย..ยาย จากเด็กน้อยที่จ้ำเดินเข้ามาหา จนโคลงเคลงไปทั้งตัว ปลุกจิตวิญญาณของฉันได้ดียิ่ง รู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน เชื่อมโยงเรา ยาย-หลานเข้าด้วยกัน รู้สึกถึงคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ....เราต่างเกื้อกูลกันและกันจริงๆนะ ”

          คุณยายบอกว่าเวลากลางวันจันทร์ถึงศุกร์เป็นของผม แต่เวลากลางคืนและเสาร์-อาทิตย์เป็นของคุณยาย ดังนั้นคุณยายจึงมักจะนอนดึก เพราะใช้เวลาศึกษาธรรมมะ และฝึกปฏิบัติด้วย คุณยายของผมเรียนรู้ธรรมมะจากหนังสือออนไลน์ และคุณยายก็มีเพื่อนในเฟสบุ้คด้วยทำให้ไม่ตกข่าว ทั้งเรื่องสังคม และเรื่องธรรมมะ คุณยายของผมสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มทำ-มะ ด้วยนะ คุณยายบอกว่าอธิษฐานจิตว่าจะทำดีด้วยการสวดมนต์ภาวนาทุกวันเป็นเวลา ๒๖วันตามคำเชิญชวนของกลุ่ม เพื่อร่วมฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ปี ของพุทธศาสนา ช่วงนี้ผมจึงเห็นคุณยายปฏิบัติธรรมร่วมกับปฏิบัติงาน คุณยายเดินจงกรมตอนผมหลับ บางครั้งก็ภาวนาบทพุทธคุณขณะพาผมไปเดินออกกำลังยามเช้า

          แม้คุณยายจะไม่ได้ไปทำงานสอนหนังสือแล้ว แต่คุณยายก็ยังแบ่งเวลาไปช่วยอบรมครูพี่เลี้ยงของหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ ไปช่วยเติมพลังใจให้แก่อาจารย์พยาบาลกลุ่มครูกล้าสอนที่คุณยายบ่มเพาะไว้ก่อนลาออกจากงาน และยังได้ไปร่วมกิจกรรมโครงการส่งเสริมจิตวิญญาณครูของแกนนำเพื่อนครูมหิดลตามโอกาส กิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องของการพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นซึ่งคุณยายมีความสุขที่จะทำ จึงต้องพึ่งพาคุณตาและพี่ส้มเพื่อดูแลผมแทนเป็นบางครั้ง บางเวลา คุณยายบอกว่าได้ฝึกวางใจไปในตัว

หมายเลขบันทึก: 490909เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 01:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 01:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท