ทีมกระบวนการได้ร่วมกันถอดบทเรียนของตัวเองที่ผ่านมา
และมองว่าอนาคตจะทำอย่างไร
น้องยะ บอกว่า ตัวเองเป็นคนใจเย็น
มีงานเยอะ ไม่อยากทำเยอะ จึงต้องหาวิธีการลดขั้นตอน หรือวิธีการที่จะ
support ตัวเองให้งานมีประสิทธิภาพ
และมีเวลาว่างที่จะทำอย่างอื่น เป็นคนขี้ลืม
ถ้าอาจารย์ให้ทำอะไรหรือขออะไรก็จะต้องรีบทำทันที
อยู่หน่วยบริการ ต้องมีจิตบริการ
ไม่ใช่งานของเราแต่เราทำแทนกันได้
เราก็จะได้ความรู้สึกดีดีกลับมา
เรามีปัญหาก็จะมีคนช่วยเรา
พี่จินนดา มอง KM
เป็นเครื่องมือไม่ใช่ภาระ
ทำแล้วคนอื่นรู้
คือการ เสวยบุญ ถ้าไม่รู้
ก็ถือว่าเรารู้และเป็นการทำบุญ
ทำอะไรก็มองให้ลึก
นึกให้ไกล ใจให้กว้าง
จะช่วยให้เรามองภาพรวมได้
อ.บ๋อมเสริมบอกว่า
KM ช่วยให้เราเข้าใจตัวเอง
เปลี่ยนแปลงตัวเอง
การศึกษาดูงาน
จะช่วยเปิดมุมมองเรา
ประเด็นอื่น ๆ
ที่ได้่ร่วมกันเสนอเพื่อการพัฒนาการ ลปรร.
สรุปได้ดังนี้
- KM ควรจัดเป็นระยะ ๆ สม่ำเสมอ
ใช้เวลาสั้น ๆ
- ใช้สุนทรียสนทนา
มีทุกสัปดาห์ แต่ละหน่วย และมีการจัดเวที ลปรร.รวม
- หัวข้อ อยากให้เป็นจุดร่วมกันกัน
เช่น การบริหารจัดการ เทคนิคการทำงาน
- สร้างเครือข่าย
- ไปประชุม
อบรมสัมมนากลับมาให้มาเล่าสู่กันฟัง
มุมมองจากการ
ลปรร.สายสนับสนุน
- สมัยแรก ๆ ถูกสั่งอย่างเดียว
รอหัวหน้า งานเดินช้า
- ปัจจุบัน
เจ้าหน้าที่มีศักยภาพมากขึ้น มีเวลาให้ ลปรร. ยิ่งทำ KM
จะเห็นศักยภาพมาก (WoW)
- ระบบราชการน่าเบื่อ อิงระบบ
ระเบียบ หาเรื่องแปลก ๆ ทำ
เช่นวิีธีการอย่างไรที่ดำเนินไปก่อนแล้วค่อยสอดคล้องกับระเบียบ
ราชการไม่คล่องตัว
ต้องหาช่องทาง/วิธีการ(ที่ไม่ผิดระเบียบ)
จากการถอดบทเรียนในครั้งนี้
ได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้กลับไปทำแผนฯ
โดยให้สอดคล้องกับบริบทและเป้าหมายที่ต้องดำเนินการโดยอยู่บนพื้นฐานการเรียนรู้อย่างเบิกบาน
(จริง ๆ)
จริง ๆ จะเป็นอย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป ----->