"กูเลิกสูบบุหรี่ เพราะกูคิดว่ากูเอาเงินไปซื้อขนมให้ลูกกินดีกว่า"


ในห้องนั้น ต้องมีบอร์ดนิทรรศการอัตราคนตายประจำวันที่เกิดจากควันบุหรี่ ที่เข้าระบบออนไลน์จากทุกโรงพยาบาลใหญ่ระดับจังหวัดทั่วประเทศ แถมด้วยภาพถ่ายปอดรมควันของคนที่ตายไปด้วยมะเร็ง

ตอนผมเด็ก ๆ  พ่อของผมอายุสักประมาณ 35-40 ผมจำได้ว่าพ่อผมสูบบุหรี่

40 ปี ต่อมาพ่อเลิกไปแล้ว (พ่อผมเสียชีวิตเพราะชราภาพจริงๆ  ไม่มีโรคอะไรมาข้องแวะด้วย เมื่ออายุได้ 96 ปี)  ผมถามพ่อว่าทำไมพ่อจึงเลิกบุหรี่ พ่อบอกว่า กูเลิกสูบบุหรี่ เพราะกูคิดว่ากูเอาเงินไปซื้อขนมให้ลูกกินดีกว่า 

ที่พ่อผมอายุยืนมาให้ผมได้ชื่นชม ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะพ่อไม่สูบบุหรี่  พ่อจึงมีโอกาสไปทำบุญเผาศพให้เพื่อน ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อ และรุ่นน้อง ๆ ของพ่อทุกคน

อายุ 60 70 80  ตายเกลี้ยงแล้ว มะเร็งบ้าง ถุงลมโป่งพองบ้าง  "ไอ้วอน มันสูบบุหรี่วันละซองสองซอง กูบอกให้มันลด ๆ เสียบ้าง  มันไม่ฟัง ตายแล้ว มะเร็งกิน"  พ่อเปรยถึงเพื่อนเก่าให้ฟัง

ตอนเช้าทุกวันนี้ผมออกจากบ้าน ผ่านกลุ่มคนงานหน้าปากซอย เขารอคนเปิดประตูเข้าที่ทำงาน สี่ห้าคนสูบบุหรี่กันควันโขมง  คิดว่ามันเป็นค่านิยมของคนกลุ่มนั้น  เพราะดูกริยาท่าทีแล้ว ช่างโก้ซะเหลือเกิน

เพื่อนผมอีกคน ตำแหน่งมันไม่ธรรมดา มันเคยบอกว่ามันลงทุนมามากแล้ว จะให้มันหยุดก็ใช่ที่    ขอสูบต่อไปเถอะยังไง ๆ ก็ต้องตาย มันบอกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ก็ยังตาย  มันไม่เคยคิดถึงเมียมัน ที่ต้องทนกอดกลิ่นควันบุหรี่ที่ติดอยู่ในปากของมัน ไอ้คนเห็นแก่ตัว 555

วันหนึ่งนานมาแล้ว ไอ้เพื่อนคนนี้มาที่บ้าน ก็ชวนกันซื้อหาอะไรมาตั้งวงดื่มกินกันเล็ก ๆ น้อย ๆ  มีอยู่สองคนที่สูบบุหรี่ไปพร้อมกัน ผมจึงหยอกบอกเพื่อนอีกคนว่า มึงไปเอาถุงพลาสติกตรงนั้นมาหน่อยได้ไหม  กูเสียดายได้ควันบุหรี่ของไอ้สองคนนี้จังเลย  มึงเอาไปครอบหัวมัน มันจะได้พ่นกันไปพ่นกันมา กูว่ามันประหยัดได้ไปครั้งละมวน 555  แถมกูจะได้ประหยัดค่าไฟไปด้วย ที่ไม่ต้องเอามาช่วยพัดควันของพวกมันออกจากบ้าน

ที่ผมพูดเล่น ๆ อย่างนี้ ทำให้ผมคิดถึงวิธีที่จะช่วยลดบุหรี่ได้วิธีหนึ่ง

ณ สถานที่ชุมนุมของผู้คน เช่น สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง สนามบิน ฯลฯ ต้องมีที่สูบบุหรี่ อย่างดีไว้ต้อนรับสิงห์ขี้ยา  (อาจเริ่มที่สนามบินเชียงใหม่ ผมผ่านไปทุกที ชาวแท็กซี่แกพ่นซะควันฟุ้ง  แถมขี้บุหรี่ทิ้งกันเกลื่อน อยู่ที่ประตูที่ 1)  ให้เข้าไปรมควันกันในห้องกระจก (ชนิดที่มองไม่เห็นคนภายนอก แต่คนภายนอกจะมองเห็นคนที่อยู่ภายใน) อยู่ที่นั่น ในห้องนั้น ต้องมีบอร์ดนิทรรศการอัตราคนตายประจำวันที่เกิดจากควันบุหรี่ ที่เข้าระบบออนไลน์จากทุกโรงพยาบาลใหญ่ระดับจังหวัดทั่วประเทศ  แถมด้วยภาพถ่ายปอดรมควันของคนที่ตายไปด้วยมะเร็ง และถุงลมโป่งพอง  จอภาพและนิทรรศการต้องจัดให้คนภายนอกได้เห็นด้วย  จะช่วยให้มองเห็นการตายแบบผ่อนส่งเท่ ๆ ของคนที่อยู่ข้างใน

ข้อแม่อย่างหนึ่งก็คือไม่ต้องเปิดตัวห้องกระจกนี้ให้โด่งดัง ทำให้สิงห์อมควันตื่นกลัวเสียก่อน  อีกอย่างตู้กระจกนี้ ต้องออกแบบให้เป็นแบบน้อคดาวน์      สามารถเคลื่อนที่เอาไปติดตั้งที่ไหนก็ได้ ที่ต้องการให้ความสะดวกแก่สิงห์อมควัน  และจัดนิทรรศการให้คนชมความตายแบบเท่ ๆ

 

คำสำคัญ (Tags): #เลิกบุหรี่
หมายเลขบันทึก: 490224เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 16:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

จ๊าก!!!!!!โหดจังท่านชัด แบบนี้ใครสูบบุหรี่ไม่กล้าเข้าใกล้ท่านชัดแน่ ศักดิ์สิทธิ์กว่าป้ายห้ามสูบบุหรี่อีก อึยย์.................

ที่คนติดบุหรี่ เพราะมันมีให้สูบ บุหรี่มันมีมานานผมคิดว่าพุทธกาลก็ยังมี หมาก พลู มันเป็นยาเสพติด ชาวบ้านยังซื้อหายาเสพติดชนิดนี้ และบุหรี่ไปถวายพระ พวกห่มผ้าเหลืองบังหน้าบางรายพัฒนาไปเหล้าสุราไปจนถึงยาบ้า เพราะชาวบ้านไปช่วยกันสร้างค่านิยมในเรื่องยาเสพติด

วันก่อนไปบวชลูกหลานที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ วัดห้ามเด็ดขาดในเรื่องบุหรี่ พบเข้าเป็นต้องปรับ มันต้องอย่างนี้ ที่จะสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่

การสูบมันจึงสืบต่อกันมา ๆ จนมาถึงยุค โอเคซิกกาเร็ท ผู้หญิงคนไหนสูบบุหรี่ คนไทยจึงแอบนินทาอยู่ในใจว่าพวกโอเคซิกาเร็ทโชคดีที่ผู้หญิงไทยห่างไกลบุหรี่ นอกจากพวกนักเรียนนอกที่ทำเท่ เห็นฝรั่งสูบ ก็สูบบ้าง พวกนีี้อาจยังไม่รู้ว่าโอเคซิกกาเร็ตในสังคมไทยคืออะไร จึงได้ทำเท่แบบฝรั่ง 555

จะหยุดยั้งการสูบบุหรี่ได้ ต้องไม่ให้ค่าแก่คนสูบบุหรี่ เห็นใครสูบบุหรี่ ก็ให้ยี้ไว้ก่อน พวกพึ่งยาน่ารังเกียจ พระสงฆ์องค์ใดสูบบุหรี่ก็อย่าได้ใส่บาตร เพราะจะบาปมากกว่าได้บุญ จะไม่ได้กุศล เพราะไปสร้างตัวแบบให้คนเอาตัวอย่าง บาปจริง ๆ 555

I like your idea of 'closed smokers room' (with double door entrance) so smokers can just go in and share smokes without lighting their own fags and fouling up the good clean air for other people,

It is better than providing an open air area for them and allow them to pollute the rest of good clean air everywhere else.

Very creative idea!

Let's lobby this idea -- from idea to product. ;-)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท