Asiatique


คนรุ่นใหม่เรียนรู้เรื่องราวจากที่ท่องเที่ยว

             ต้อนรับเปิดเทอมใหม่ค่ะยอมรับว่าหายไปนานมีสาเหตุสำคัญคือComputer ป่วยต้องล้างเครื่องวันนี้มีเรื่องสนุกมาบันทึกให้อ่าน

 

วันอาทิตย์ 27 พค.55 บังเอิญมีภารกิจแถวถนนจันทร์ เสร็จภารกิจขับรถเลยไปถนนเจริญกรุง ถึงสามแยกตรอกจันทร์ เลี้ยวซ้ายขับรถไปเรื่อยๆ ดีใจจังค้นพบ Asiatique The Riverfront น่าจะเรียกว่า Landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ Landmark ริมเจ้าพระยา

บรรยากาศภายในน่าชมมาก

ความจริงได้ยินชื่อมานานพอควรแต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสมา อยากเชิญชวนเพื่อนๆเมื่อมากรุงเทพฯมาเที่ยวนะคะใช้เวลาไม่มากเลย ที่นี่เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 15นาฬิกาถึง20นาฬิกา

  บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็นอากาศดีมาก เรียกได้ว่าเป็นการเนรมิตท่าเรือขนถ่ายสินค้าเมื่อ100 กว่าปีมาแล้วเป็นตลาดริมแม่น้ำ ถูกใจบรรดาขาShopมาก อาหารอร่อย  วันนี้ Asiatique The Riverfront จะบอกเล่าเรื่องราว

อาคารเก่าที่คงไว้เป็นที่รำลึก     ขอถ่ายภาพข้างจับกังค่ะ

ชีวิตผู้คนท่าเรือ สะท้อนสภาพอาคารสถานที่ที่คงรูปทรงในสมัยนั้น ชอบค่ะเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดจากจดหมายเหตุ (เชื่อถือได้ ) เป็นความรู้สึกที่เราสัมผัสได้

   จับกังท่าเรือ                     สัญญลักษณ์พ่อค้าชาวจีน

คุยกับท่านเซอร์เบาว์ริ่ง                       ดูคนงานกินอาหารหน้าโรงงาน

“ตาสว่าง” อยากเห็นคนรุ่นใหม่ ได้เรียนรู้เรื่องราวจากสถานที่ที่เราเที่ยวชม เราคงไม่เพียงแต่ถ่ายภาพ Shop และทานเท่านั้น ค่ะ เดินชมไปทำให้หวนคิดว่าที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ย้อนไปในยุคแห่งการล่าอาณานิคมของบรรดาประเทศตะวันตก ที่นี่เตือนเรา ให้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการที่เรารอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของตะวันตก เราเป็นประเทศเดียวในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นะคะ ที่นี่เป็นประตูการค้าสากลระหว่างสยามประเทศและยุโรป ทั้งนี้เพราะในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 5 พระองค์ท่านทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล ทำให้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเดนมาร์คซึ่งเป็นหนึ่งในมหาประเทศที่มีอำนาจทางทะเล ก่อเกิดท่าเรือสำคัญแห่งนี้ East Asiatique ซึ่งเจ้าของเป็นชาวเดนมาร์ค ทำให้การค้าเจริญรุ่งเรื่องมีเงินในท้องพระคลัง สร้างความเจริญทุกๆด้านจนทุกวันนี้ ส่งผลให้ประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกทุกประเทศที่ต่างก็มีผลประโยชน์ทางการค้า ไม่มีประเทศใดยึดเราได้  เราก็รอดพ้นในที่สุด สำหรับเจ้าของผืนดินดั้งเดิมแห่งนี้คือ เจ้าพระยาภานุวงค์มหาโกษาธิบดี ( ท้วม )ต้นสกุลบุนนาค ซึ่งครั้งนั้นท่านดำรงตำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพระคลังข้างที่ และ ปัจจุบัน Landmark แห่งนี้บริหารโดย CP มีความรู้ที่เกี่ยวข้องมาฝาก

        สมัยก่อนมีการเก็บภาษี หรือเรียกว่าจังกอบ เป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าผ่านด่านในสมัยสุโขทัยเรียกขนอนจะเก็บ 10% หรือเรียกว่า “สิบหยิบหนึ่ง” ในสมัย รัชกาลที่5 มีการปรับปรุงเป็น”ร้อยชักสาม” ที่ท่าเรือ East Asiatique เป็นจุดเริ่มของการปรับเปลี่ยนการเก็บภาษีเป็นร้อยชักสาม เรียกเหตุการณ์ความจำเป็นในการเก็บภาษีนี้ว่า “จากสิบหยิบหนึ่งสู่ร้อยชักสาม” นอกจากนี้ยังมีภาษาที่เกี่ยวข้องอีกเช่น อากร เป็นการเก็บภาษีจากราษฎรที่ไม่ได้ค้าขายเช่นเก็บจาการทำนา  ทำสวน  ทำให้มีอากรบ่อนเบี้ย เก็บจากการเล่นการพนัน อากรน้ำเก็บจากการประมง  ส่วนคำว่าฤชา หมายถึงค่าธรรมเนียม สำหรับส่วยเป็นเงินทอง สิ่งของที่ส่งไปแทนการเข้าเวร

 

คำสำคัญ (Tags): #Asiatiqe
หมายเลขบันทึก: 489338เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 00:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณดอกไม้ที่ให้กำลังใจและท่านผู้ติดตามผลงานทุกท่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท