จากการทำกิจกรรมโรงเรียนชาวนาประมาณ 3 รอบต่อหนึ่งปี สุพรรณบุรีน้ำดีส่วนดอนเจดีย์น้ำไม่ดี เห็นไม่ชื่อดอนมันบอกนะแต่ว่าส่วนใหญ่น้ำดีชลประทานดีทำนาปีละสามรอบครึ่ง เพราะฉะนั้นหนึ่งปีก็ได้สามรอบก็มานำเสนอว่าผลที่ได้รับเป็นไปตามเป้า ตัวเป้าหมายที่แท้จริงคือการพัฒนาพื้นที่ พัฒนามหาวิทยาลัย พื้นที่ก็ต้องการให้คนอยู่ดีกินดีขึ้น มหาวิทยาลัยก็ต้องการผลงานวิชาการโดยธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วมันมีผลได้ของมหาวิทยาลัยหลายอย่าง ที่อาจจะไม่ได้คิด เช่นการทำกิจกรรมเราจะได้ลูกศิษย์ดีๆเขามาเรียนหนังสือกับเราลูกศิษย์ที่ดีคือใครในสายตาของผม ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กหัวดี เป็นเด็กที่มีแรงบันดาลใจ ต้องการจะทำอะไรอย่างมีเป้าหมายชีวิต มีไฟในหัวใจและอยากให้เด็กเหล่านั้นมาเรียนแล้วเกิดผลดีต่อมหาวิทยาลัย ต่อพื้นที่เด็กที่รู้จักตัวเองรู้ความใฝ่ฝันของตัวเอง ตรงกับที่มหาลัยต้องการ การนำการจัดการความรู้มาใช้สำหรับการวิจัยเพื่อการพัฒนาพื้นที่จุดที่สำคัญคือต้องมีการออกแบบไม่มีสูตรสำเร็จต้องปรึกษากัน ลองคิดแล้วปรับเพื่อเป็นเครื่องมือเอามาใช้ให้เหมาะกับบริบทพื้นที่ส่วนมหาลัยก็มีหลายเป้าหมายการออกแบบกิจกรรมอย่าคิดอยู่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวต้องมีวิธีคิดหลายๆแบบต้องปรึกษาพื้นที่ด้วย จุดอ่อนคือเราคิดว่าคนมหาวิทยาลัยเก่งๆ ทั้งนั้นแต่เราไม่มีประสบการณ์ในพื้นที่ เราไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่ จุดสำคัญอันหนึ่งคือเข้าไปทำงานด้วยกันเป็นเพื่อนกันเป็น partner ไม่ใช่ไปเป็นผู้ให้ไม่ใช่เข้าไปเป็นผู้ช่วยเหลือ แล้วให้ชาวบ้านเป็นผู้รับความช่วยเหลือ ต้องเข้าไปทำงานด้วยกันเท่าเทียมกันจุดที่สำคัญที่สุดคือต้องสร้างความสัมพันธ์แบบคนไทยแต่งงานกันคนไทยจะแต่งงานกันแบบแต่งแล้วอยู่ตลอดชีวิต ไม่ใช่แต่งงานแบบอเมริกันที่แต่งเพื่อหย่า (เดี๋ยวนี้ผมอาจไม่แน่ใจอาจจะพูดแล้วผิด)แต่จุดสำคัญคือให้ทำงานเป็นโปรแกรม long term อย่าทำงานเป็น short term project หนึ่งปีเสร็จสามเดือนเสร็จ สองปีเสร็จ มหาวิทยาลัยต้องสร้างความมั่นใจร่วมกันทำงานระยะยาวทำงานเป็น phaseปรึกษาหารือกัน ด้านการเรียนการสอนเป็นหลักอันหนึ่ง เอาเรื่องวิจัยเป็นหลักอันหนึ่ง แล้วเอางานบริการเป็นหลักอันหนึ่งจุดสำคัญคือวิจัยมันไม่ใช่วิจัยเท่านั้นมันจะครอบคลุมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยทุกอย่าง มหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยแบบไหนในประเทศไทยหรือในโลกจัดการเรียนการสอนที่ทำอยู่ปัจจุบันไม่ได้อีกแล้วสิบปีหลังจากนี้ถ้าท่านยังสอนอยู่แบบนี้อีกท่านจะเป็นมหาวิทยาลัยล้าหลังบาปก็คือลูกศิษย์ของท่านจะไม่ทันคน จะออกไปเป็นคนที่ไม่ทันโลก มหาวิทยาลัยต้องปรับรูปแบบการเรียนการสอนต้องเปลี่ยนยิ่งกว่าอะไรที่เป็นข้อเถียงกันอยู่คือ TQF ที่จริง TQFเอา competency เป็นหลักว่าบัณฑิตคุณเรียนไปทำอะไรเป็นลูกจ้างใครหรือเป็นเถ้าแก่ ต้องการcompetencyอะไรบ้าง เขาเรียกว่า CBC(Competency-BasedCurriculum) เพื่อให้ได้ competency คือทำอะไรได้ไม่ใช่แค่รู้อะไร เรียนโดยต้องเรียนแบบPBL (project basedlearning)เช่น การทำโครงงาน PBL เป็น learningby doing ต้องเรียนโดยลงมือทำ แล้วเกิดความเข้าใจที่ลึกมีการค้นเอาเองแต่ไม่ใช่เน้นเรียนวิชา แต่เรียนให้เอาวิชาไปใช้งานได้เพราะฉะนั้นต้องทำ projectbased อาจารย์เป็นCoachจุดประกายความอยากเรียนสร้างบรรยากาศให้เรียนสนุกนักเรียนเรียนเป็นทีม เรียนวิชา collaborateเน้นร่วมมือกันไม่ใช่เน้นแข่งกันเรียนเพราะฉะนั้นcurriculumมากกว่า competenciesส่วนproject ที่อาจารย์ออกแบบมาให้ลูกศิษย์เรียนถามว่า project อะไรดีที่สุด project ของจริงไม่ใช่ project สมมุติ project ของจริงไปทำในพื้นที่นั้นคืองานบริการชุมชนใช่ไหม พื้นที่ได้ประโยชน์เก็บข้อมูลให้ดีเป็นงานวิจัย เก็บข้อมูลให้เป็นระบบจัดกระบวนการเราสามารถที่จะออกแบบหนึ่งกิจกรรมให้ได้ผลหลายอย่าง การทำ project เล็กๆง่ายๆ ของครูและเด็กจะได้ข้อมูลในเชิงย่อยได้ประโยชน์การเป็น PBL ในโรงเรียน เช่นโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาทำ PBL ตั้งแต่ชั้นอนุบาล เด็กอนุบาลเขียนรายงานการเรียนรู้เป็น mind map เด็กที่เข้าเรียนไม่มีการสอบใดๆทั้งสิ้นจับฉลากโง่ก็เข้าเรียนได้ มีเด็กคนหนึ่งเป็น Down Syndrome ก็เรียนตามศักยภาพของเขาไม่มีใครไปล้อเลียนดูถูกดูแคลน นักเรียนเรียนด้วยความมั่นใจของตัวเองต้องไปดูตั้งแต่อนุบาลจะเห็นเลยว่าวิธีเรียนที่ถูกต้องคือวิธีเรียนที่เขาลองเองด้วยความเชื่อของเขา ตำรามาที่หลัง ตำราว่าด้วยการเรียน 21st Century Learningหรือการเรียนรู้ในศตวรรษที่21 มีการแปลหนังสือเล่มนี้เพื่อจำหน่ายแล้ว
การทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่ต้องหาปัญหาพื้นที่กำหนดเป็นโจทย์วิจัย หรือเป็นโจทย์ KM ก็ได้โจทย์ KM คือชาวบ้านแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาแชร์กัน โจทย์วิจัยจะให้ดีตรงตามสไตล์ สกว. ซึ่ง สกว. ทำวิจัยกับชาวบ้านมาเป็นสิบปีแล้ว พระเอกนางเอกคือชาวบ้าน นักวิชาการคือผู้ช่วย สามารถใช้การจัดการความรู้ นักศึกษาสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ การวิจัยเมื่อได้โจทย์ มีตั้งแต่โจทย์ใหญ่โจทย์ย่อย โจทย์ระยะสั้น ระยะยาว ทำไปเราสามารถนำนักศึกษาปริญญาเอกปริญญาโทไปทำเป็นวิทยานิพนธ์ได้ จากวิจัยก็กลายเป็นการศึกษา หรือแม้กระทั่งนักศึกษาปริญญาตรีก็ทำ projectPBL ซึ่ง project ของจริงที่ได้โจทย์มาจากการตั้งโจทย์วิจัยทำให้ได้ชิ้นงานวิจัยที่มีเป้าหมาย หนึ่งกิจกรรมหรือหนึ่งชุดรายการการพัฒนาสุราษฎร์ธานีต้องเอาเรื่องท่องเที่ยว จังหวัดต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสกว.มีชุดท่องเที่ยวมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยผมเป็นผู้อำนวยการ ตอนนี้ยังคงรวบรวมประมวลการท่องเที่ยวของสุราษฎร์และเอามาประชุมกันระหว่างภาคี หลายๆฝ่าย แล้วทำความเข้าใจ SWOT Analysis โอกาสของเราอยู่ที่ไหนสภาพตอนนี้เราเป็นยังไงจุดอ่อนจุดแข็งเราเป็นยังไง ความต้องการของนักท่องเที่ยวเป็นยังไงเราต้องพัฒนาอะไรบ้าง พัฒนาระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว แก้ปัญหายังไงบ้าง ที่จริงเรื่องท่องเที่ยวฝ่ายปฏิบัติมีหลายฝ่ายต้องทำให้สอดคล้องกันอาจขัดแย้งกันบ้างไม่เป็นไรให้นักวิชาการตามเก็บข้อมูลให้ข้อมูลน่าเชื่อถือ ใช้กระบวนวิธีวิจัยResearch designมีความเเม่นยำ แล้วเอามาวิเคราะห์สังเคราะห์ แล้วนำมาบอกกล่าวให้ทำอย่างอย่างไร เป้าหมายแค่ไหนตามที่คุณต้องการ หรือจริงๆแล้วมันถอยหลัง นี่คือทำวิจัยเพื่อวัดผล Assessment ตามเป้าของการพัฒนาจะเห็นว่าจริงๆแล้วการพัฒนาก็กลายเป็นงานวิจัย เมื่อเรามองการพัฒนาพื้นที่มองการวิจัยและการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ เรามีมหาวิทยาลัยเป็นภาคีสำคัญภาคีหนึ่งการพัฒนาพื้นที่เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยได้เข้าไปเป็นพลังให้กับพื้นที่
ข้อซักถาม
อาจารย์วิเชียร วรพุทธภรณ์ จากมหาลัยขอนแก่น
ท่านอาจารย์ได้พูดถึงเรื่องยุวชนนักวิจัย ผมเคยร่วมงานกับ ผศ. ดร. อัจรา ธรรมถาวร ทำโครงการวิจัยยุวชนนักวิจัย เป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนมัธยมปลายมาร่วมเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ ในการหาโจทย์วิจัยประเด็นของชุมชน ได้มีนักวิจัยพี่เลี้ยงซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาลัยขอนแก่น มีครูที่สอนวิทยาศาสตร์เป็นพี่เลี้ยง และมีนักศึกษา ม.4-ม .5โครงการวิจัยนี้หลังจากได้ทุนวิจัยจากสภาแห่งชาติ เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีแต่ต้องใช้เวลา ใช้ทักษะครูที่เป็นพี่เลี้ยงต้องอยู่ร่วมกับนักเรียนค่อยข้างมาก แต่หลังจากนำเสนอผลงานวิจัยไปทั้งๆที่เป็นเรื่องดี ก็ยังไม่มีการสานต่อแต่ประการใด โครงการนี้คล้ายๆจำลองเหมือนกับเป็นนักเรียนโอลิมปิก ซึ่งต้องพึ่งศักยภาพของมหาลัยขอนแก่นที่มีศูนย์วิจัยเฉพาะ นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมของยุวชนได้ทำงานวิจัยร่วมกับอาจารย์ในห้องปฏิบัติการซึ่งเฉพาะทางส่วนใหญ่จะเป็นการทำวิจัยที่โรงเรียน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคคือ การใช้เวลาในโรงเรียนถ้าผู้บริหารโรงเรียนไม่ให้ความสำคัญบอกว่าใช้เวลามาก สิ้นเปลืองงบประมาณดังนั้นจึงไม่ค่อยส่งเสริม แต่นักเรียนที่มาเข้าค่ายเราติดตามผลการเรียนการเข้ามหาวิทยาลัยหรือความสำเร็จของนักเรียนเหล่านั้นปรากฏว่าอยู่แนวหน้าทั้งสิ้นผมเห็นว่าโครงการเล่านี้เป็น Action Researchที่ดีมากฝากให้อาจารย์ที่สอนวิทยาศาสตร์ทำวิจัยในแนว Action Research จะสร้างคนที่แก้ปัญหาวิจัยในท้องที่ใช้เวลาประมาณสามถึงสี่เดือนก็เป็นการแลกเปลี่ยนเห็นด้วยกับที่อาจารย์นำเสนอ ผมเคยทำงานตรงนี้แต่ไม่มีการสานต่อไม่มีใครของทุนในลักษณะแบบนี้ขอบคุณครับ
ศ.นพ. วิจารณ์ : ขอบคุณท่านอาจารย์วิเชียร นี้คือตัวอย่างของจริง มุมมองหนึ่งของPBL อาจารย์เขาทำ project เพียงแต่การศึกษาของเรามันยังเป็น Teaching basedไม่ใช่ projectbased เพราะยังเน้นการสอนที่ครูอยู่ ครูก็รักลูกศิษย์กลัวสอนไม่ครบถ้วนนักเรียนจะไม่ได้เรียนอันนี้คือความยากลำบากที่สุดที่จะปรับการเรียนยุคใหม่ของทุกประเทศคือครูกังวลว่าถ้าไม่สอนให้ครบลูกศิษย์จะมีความรู้ไม่ครบถ้าเอาชนะความคิดนี้ไม่ได้การศึกษาเราจะล้าหลัง เพราะการเรียนกับการสอนมันคนละอันกัน การเรียนอยู่ที่เด็กนะครับการสอนอยู่ที่ครู ครูต้องเลิกสอนหรือลดการสอน แล้วเปลี่ยนรูปแบบการสอนเป็นแบบ Coach เพราะการเรียนสมัยใหม่ต้องเรียนโดยการปฏิบัติ ครูต้องยึดอุดมการณ์นี้ไม่ได้แปลว่าครูสบายขึ้น ครูต้องหันไปทำหน้าที่ออกแบบการเรียนรู้ แล้วทำความเข้าใจลูกศิษย์ว่ามันเคยรู้อะไรมาแล้ว แล้วมาเรียนอีกปีหนึ่งควรจะได้เรียนรู้อะไร ทำให้เกิดทักษะ หรือcompetency โดยที่สอนน้อยเรียนมาก เรียนมากก็คือ learningby doing หรือ PBL คำว่าTeach less, Learn moreเป็นอุดมการณ์การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ท่านลองไปค้นด้วย Googleใช้คำว่า Teach less,Learn more ท่านจะเข้าไปที่เว็บไซต์แรกคือกระทรวงศึกษาสิงคโปร์จะมีรายละเอียดการวัดผลทางการศึกษาของโลกประเทศต่างๆของโลกสิงคโปร์อยู่ในอันดับต้นๆ เขาใช้หลักนี้เมื่อประมาณ 7 - 8 ปีมาแล้ว เพราะมีการวิจัยที่อเมริกาและยุโรปออกมาว่าด้วย21st Century Learning,21st Century Skillsจะพลิกการศึกษามากมายเพราะฉะนั้นตัวอย่างของ อ.วิเชียร ยกมาคือของจริงการปฏิบัติจริง เพียงแต่ที่อาจารย์เล่าทำเพียงส่วนน้อย ไม่สามารถพลิกเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ของการศึกษาได้ แต่เรามี Success storyอย่างนี้แล้วเราใช้ AI เข้าไปจับดูว่ามันเกิดผลดีกับนักเรียนอย่างไร นักเรียนเหล่านั้นปีต่อไปเขามีชีวิตการเรียนเป็นอย่างไร จะเป็นประโยชน์มาก
อาจารย์สมมาตร : สิ่งที่อาจารย์ได้พูดผมมีความประทับใจในเรื่องมูลนิธิข้าวขวัญที่สุพรรณบุรีขณะนี้จะเห็นได้ว่าในหลายพื้นที่ภาคใต้ ตัวอย่างจังหวัดพัทลุง มีการยกร่องพื้นที่ข้าวเพื่อปลูกยางจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้จังหวัดในภาคใต้เพิ่มพื้นที่การปลูกข้าว แล้วมี Productivity ที่เพิ่มขึ้น
ศ.นพ. วิจารณ์ : อาจารย์ถามคำถามใหญ่มากผมตอบไม่ได้ที่จริงมนุษย์เราก็เหมือนกันหมดตามธรรมชาติจะหันไปหารายได้ที่ทำให้ครอบครัวดีขึ้น หลายๆคนจะบอกว่าทำนาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินจะต้องเหน็ดเหนื่อยยากลำบากผมได้ไปเยี่ยมชาวนา ไปทำขวัญข้าวซึ่งเป็นพิธีกรรมประเพณีดั้งเดิมที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้นถ้าทำอย่างถูกต้องสิ่งที่กังวลที่สุดคือมูลนิธิข้าวขวัญใครมาดูก็ชอบใจแต่ขยายไม่ออก มีคนมาเรียนแต่คนทำตามน้อยมาก ปัจจุบันบริษัทขายปุ๋ย บริษัทขายยาฆ่าแมลงมีอิทธิพลสูงโฆษณาในสื่อว่าตนกังวลเป็นห่วงชาวนา ต้องใช้ปุ๋ยนี้สิ ชาวนาเขาอยู่กับ Informationเพราะฉะนั้นการที่เขาทนฝืนทวนกระแสลำบากมากนี้คือเรื่องจริงเพราะฉะนั้นคำถามอาจารย์เป็นเรื่องใหญ่มาว่าจะทวนกระแสได้ยังไงเรื่องใหญ่ต้องยกให้ท่านอธิการบดีและทีมมหาวิทยาลัยสุราษฎร์ธานีไปหาลู่ทางว่าทำยังไงให้มีความแตกต่างในการประกอบอาชีพผมมีความเชื่อว่าการเกษตรไม่ว่าประเทศไหนในอนาคตจะเหมือนกับอดีตและปัจจุบันไม่ได้ มันต้องเป็นการเกษตรอีกรูปแบบหนึ่งโรงเรียนชาวนามีคนไปเรียนกับเขาแล้วไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ที่นครสวรรค์จะมีกลุ่มหนึ่งแทนที่จะขายข้าวเขาขายพันธุ์ข้าว รายได้เพิ่มขึ้นสองเท่าตัวขายพันธุ์ข้าวมีเท่าไรไม่พอเพราะมันดีกว่าพันธุ์ข้าวที่ได้รับซื้อแจกจากทางราชการมีQuality control เป็นโรงเรียนชาวนาที่นครสรรค์เขาทำกันเรื่องของ Marketing เป็น Supply chain เพื่อต้องการให้คนกินข้าวที่มีคุณภาพดีครั้งหนึ่งผมเคยไปร่วมงานมูลนิธิโรงเรียนชาวนานครสวรรค์ภรรยาผมไปซื้อข้าวใหม่มากิน ซื้อมาได้สองกิโลกรัม เมื่อหุงแล้วมันหอมไปทั้งบ้าน ผมไปบอกที่นครสวรรค์ว่าขอซื้อมาแจกเป็นของขวัญปีใหม่
...................
วิจารณ์ พานิช
๒๘ เม.ย. ๕๕
นับเป็นโอกาสที่ดีที่ได้อ่านการจัดการความรู้กับการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ....จะลองนำแนวคิด PBL นี้ไปพัฒนาตนเองก่อน..
ขอบคุณค่ะ