คนเราทุกคนนั้นหากว่ายังไม่พ้นจากกองกิเลสนี้ไปแล้วไม่ว่าอยู่ในสภาพใดก็ย่อมมีความยึดติดยึดมั่นนั้นเป็นของธรรมดายิ่งการกระทำสิ่งใดก็แล้วแต่หากไม่ได้ซึ่ง "ชื่อเสียง,หน้าตา,เงินทอง,ลาภสักการะ"มันก็ยากที่คนเราจะยอมเข้าไปกระทำงานนั้น
การที่ได้ทำงานสงเคราะห์ที่ผ่านมาก็มิได้สิ่งไดตามที่กล่าวไปแล้วแถมยังเสียซะมากกว่าแต่กับมีคนว่าเรานั้นมีผลประโยชน์กับงานสงเคราะห์ซึ่งก็มิได้เข้ามาเองเสียหรอกแต่เป็นการชี้นำจากครูบาอาจารย์ท่านให้มาทำงานอย่างนี้
แต่กับอีกงานหนึ่งซึ่งเป็นหน้าเป็นตามีแต่คนอยากไปทำและได้ซึ่งสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นแล้วแต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่สมอย่างที่พวกเขาพยายามแสดงบทบาทกันแถมงานอย่างนั้นก็เป็นงานที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และยังมองข้ามซึ่งผลของงานซึ่งทำกันอย่างขาดความรู้และขอความรู้จากผู้รู้และปัญญาในการเผชิญหน้ากับผู้รับจ้างและสิ่งแวดล้อมรอบข้างยึดแต่ความเป็นตัวตนว่าตนเป็นผู้มีพรรษามากกว่าจนส่งผลเสียให้ผลงานที่ออกมาเป็นปัญหาอย่างมากมายซึ่งจริงปัญหามันมีมากมายแต่เราไม่อยากไปกล่าวต่อเพราะหากพูดไปครูบาอาจารย์ท่านจะไม่สบายใจในสิ่งที่มันทำไปแล้วหากท่านรู้ยิ่งจะไม่สบายใจแค่ปัญหาตอนนี้ก็หนักมากพอแรงแล้ว
ซึ่งในบางคราวเองเมื่องานนั้นมีปัญหางานเราเองก็มักจะเข้าไปแก้ปัญหาช่วยอย่างล่าสุดก็เข้าไปประณีประณอมต่อรองให้ทางวัดเรานั้นเสียน้อยที่สุดเพราะดูแล้ววิธีการของผู้รับจ้างอย่างไรก็ไม่อยากทำต่อเพราะเขาจะเสียมากแถมสัญญาที่เซ็นต์กันไว้ก็มีช่องโหว่ ทั้งๆที่คนที่อวดตัวในงานนั้นก็มิได้มีใจและกายช่วยสิ่งใดแก่เราเลย แถมจะถูกเอาเปรียบซะด้วยซ้ำ
การเข้าไปนั้นเพียงแค่ให้ครูบาอาจารย์ได้สบายใจในแนวทางแก้ปัญหาหากปล่อยท่านที่ดูงานนั้นก็คงไม่ทันเหลี่ยมผู้รับจ้าง ให้วัดนั้นไม่เสียประโยชน์มาก ให้ชิ้นงานนั้นสามารถดำเนินต่อไปได้แก้ไขจนเป็นที่พอใจ
ถามต่อไปว่าเราเข้าไปทำในงานนั้นได้ใหมก็ได้สบายไม่ยากสำหรับเราเท่าไรแต่เหนื่อยมากขึ้น ซึ่งคนมันเคยเจ็บจากงานนั้นไปแล้วแผลเป็นมันยังคงอยู่เมื่อมองคราวใดมันยังเจ็บเสียบไปยังก้นบึ้งแห่งจิตใจมันจึงแหยงๆอยู่เหมือนนักฟุตบอลเคยขาหักก็จะไม่กล้าเข้าบอลหนักเท่าไรหรือคนเคยถูกไม้ไผ่บาดจะรู้ว่ามันคมมากจนกลัวเวลาจะไปผ่ามัน
ซึ่งยาที่จะรักษาให้แผลเป็นนั้นหายและพร้อมกับไปรับมือกับงานนั้นให้เรามีแรงมีพลังและมีปัญญาก็คงต้องเป็นผู้ที่ทำให้แผลนั้นเกิดขึ้นนำยามารักษา แค่เพียง
สั่งลงมาว่าให้ พระผู้นี้เข้าไปดูแลในทุกกระบวนการห้ามละทิ้งพระผู้นี้ให้พระผู้นี้มีอำนาจตัดสินใจเสมือนหนึ่งคนนั้น
ก็คนมันเก่งแต่มันยังมีกิเลสนี่
พระนะไม่ใช่พระอรหันต์
งานจิตอาสา...โดยเฉพาะบนเส้นทางการทำบนฐานของงานสงเคระห์ต้องอาศัย "ใจ" เป็นที่ตั้ง ไม่ต้องรออำนาจมาสั่งการ แต่ลุกขึ้นมาทำ...
ทำเพื่อประโยชน์อันสูงสุดต่อสังคมและโลก...
จริงไหมคะ...ครูบา
ใช้ชีวิตเพื่อการเรียนรู้และขัดใจตนเอง...เพื่อให้ก้าวห่างออกจากคำว่า "เห็นแก่ตัว"
ความหวาดกลัว ความขยาด ก็คือ ความเห็นแก่ตัวนั่นเอง
...
ตามประสบการณ์การทำงานในชีวิตของตนเอง
ก็ไม่ได้รอการสั่งการ และไม่ต้องรอมีอำนาจ ... แต่ใช้ใจและปัญญาที่ตนเองมีลงมือทำ แม้บางสถานการณ์อาจทำอะไรไม่ได้มาก แต่...ก็ดีกว่าไม่ลงมือทำ ดีกว่างอมืองอเท้า และคอยใช้แต่ปากพูด...อย่างนั้นอย่างนี้
โดยนิสัย ไม่พูดแต่ลงมือลุย ลุยอย่างมีสติและมีปัญญา
แม้บางครั้ง ผลลัพธ์อาจไม่ดี แต่ได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง...เท่านี้ก็เพียงพอแล้วต่อชีวิตที่ไม่เสียชาติเกิด
...
แด่ธรรมะอันประเสริฐ