ตั้งใจให้มาก ๆ กับการเปลี่ยนแปลงตนเอง...


 

คนเราอยากจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดี แต่มันก็เปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้ เพราะเป็นคนใจอ่อน เป็นคนไม่เข้มแข็ง ขาดสมาธิ ขาดความตั้งมั่น ความอยากความต้องการนี้ มันช่วยเหลือเราไม่ได้ การที่บุคคลคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดี ๆ มันต้องตั้งใจ “ตั้งใจมาก ๆ” ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้

 

Large_pic025


ความเคยชินที่เราสะสมมาหลายเดือน หลายปี หลายภพ หลายชาติ มันติดเป็นนิสัย เป็นความเคยชิน มันนอนเนื่องอยู่ในจิตในใจในกมลสันดาน มันเป็นความผูกพัน มันหยั่งลึก ซึ่งรากแก้วรากเล็กรากฝอย มันเป็นสังโยชน์


พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสรู้ธรรม...


คำว่า “ตรัส (ตัด)” นี้มันไม่ใช่เรื่องน้อย มันเป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นเรื่องพลิกแผ่นดิน ถ้าเรามาลูบ ๆ คลำ ๆ เราไม่เอาจริงอย่างนี้มันเป็น “สีลัพพัตตปรามาส” คือการลูบคลำในศีล ในข้อวัตรปฏิบัติ “ลูบคลำก็หมายถึงเราไม่เอาจริง”


ความงดงามอยู่ที่เราละ พระอยู่ที่จริง...


ความดับทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นอยู่ที่เราตัด เราละ เราวาง ถ้าเราทำอะไรไม่เอาจริงเอาจัง ไม่กระตือรือร้น เหมือนกับเราไปเรียนหนังสือ เราเรียนพอไปได้ เอาแค่พอสอบไม่ตกอย่างนี้ เขาเรียกว่าไม่เอาจริงไม่เอาจังนะ “อย่างนี้ก็ถือว่าเรายังลูบ ๆ คลำ ๆ ในความประพฤติ ของตนเอง ในการปฏิบัติของตัวเอง”


มันต้องกระตือรือร้นมากกว่านั้น มันต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านั้น แล้วก็ไม่ใช่ขยันไม่กี่วัน ต้องขยันอย่างนั้นไปตลอดกาล


คน ๆ หนึ่งจะปฏิบัติตนเองไปในทางที่ดีมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ถ้าเราไม่เอาชีวิต แลกกับการทำความดีการเสียสละนี้ไม่ได้นะ

 

 Large_job002

 


เราเป็นพระเป็นโยมนี้ การทำความดีการเสียสละมันก็เหมือนกัน


เริ่มต้นต้องมาเปลี่ยนความคิด ความเห็น ความเข้าใจของเรา ว่าเราทำอย่างนี้ ลักษณะอย่างนี้ ผลออกมามันไม่ค่อยจะดี


เราต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงใหม่ ชีวิตของเรามันต้องได้รับทุกข์แน่ เพราะความทุกข์นี้ ปัญหานี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคนสร้าง มันเป็นตัวของเรานี่เองที่เป็นคนสร้าง


การที่จะแก้ทุกข์ได้ แก้ปัญหาได้มันต้องมาแก้ที่ตัวเรา...


ตัวเราเองมันตัวปัญหา “ตัวเจ้าปัญหา” เราต้องมาเปลี่ยนความคิดของเรา เปลี่ยนความเข้าใจของเรา แล้วมาปฏิบัติใหม่ มาตั้งใจใหม่ มามีความสุขในการกระทำในสิ่งที่ดีๆ


มันอยากก็ทำไม่อยากก็ทำนะ เพราะสิ่งนี้มันดี เพราะสิ่งเหล่านี้มันเกิดประโยชน์ต่อตนเองและต่อผู้อื่น


ชีวิตนี้จะคอยให้ใครช่วยเหลือดูแลโอบอุ้มไม่ได้อีกแล้ว…


ตัวของเราต้องช่วยเหลือตนเอง เราจะไปคิดจนหัวแตก คิดจนเป็นโรคประสาท เป็นโรคจิตมันก็แก้ไม่ได้ เราต้องลงมือประพฤติปฏิบัติ สร้างเหตุสร้างปัจจัยให้มันสงบถึงพร้อม ในชีวิตประจำวันของเราด้วยความกระตือรือร้น ด้วยความไม่ประมาท “เราจะทำพอเป็นพิธีไม่ได้…”


เราทำงานเพื่อเสียสละ เพื่อละความเห็นแก่ตัว เพราะตัวตนของทุก ๆ คนมันมีมาก

Large_pic024

 


เราเรียนหนังสือเพื่อละตัวละตน เพราะตัวตนของเรามันมีมาก ตัวตนที่มันมีมากนี่แหละ มันจะนำเราไปสู่ความยากจน นำเราไปสู่ความล้มเหลวในชีวิต


ให้เรารู้ไว้ดี ๆ ว่าไอ้เจ้าขี้เกียจขี้คร้านนี่แหละมันทำให้เราเป็นคนใจอ่อน เราจะทำตามความขี้เกียจขี้คร้าน ทำตามใจของเราไม่ได้ ต้องปรับตัวเองเข้าหาเวลา เข้าหาธรรม หาวินัย เวลานี้ทำอะไรต้องทำ สิ่งที่ไม่เป็นธรรมไม่เป็นวินัยไม่พูด ไม่คิด ไม่ทำ ต้องปรับนะ...


อย่างเราพากันไปทำงาน จะเป็นงานข้าราชการก็ดี เอกชนก็ดี เราพากันไปทำงาน ก็สักแต่ว่าทำงานเพื่อได้รับเงินเดือน เราไม่ได้ทำงานเพื่อเสียสละ เพื่อมีความสุขในการทำงาน


เราอย่าไปคิดว่า ถ้าเราตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ อย่างเสียสละ ก็ได้เงินเดือนอย่างเก่า ได้เงินรายวันเท่าเก่า เราอย่าไปคิดอย่างนั้น


ถ้าเราคิดอย่างนั้นตัวเราก็ไม่เจริญ องค์กรของเรามันก็ไม่เจริญ ศักยภาพของเราก็ไม่มี เพราะหัวใจของเราล้วนแต่เป็นผู้มีความเห็นแก่ตัว


ถ้าเราทำงานแล้วมีความสุขกับการทำงาน งานที่ทำไปเราก็มีความสุข งานก็ออกมาดี องค์กรของเราก็ก้าวหน้า ประเทศชาติก็เจริญ ความผาสุกในตัวเรามันก็มากขึ้น ภาพรวม ของมวลชนมันก็ดีขึ้น ตัวเราเองก็มีประโยชน์ เป็นตัวอย่างต่อทุก ๆ คน


ถ้าเราทำพอไปทีชีวิตของเราก็ไม่เต็มนะ มันเป็นชีวิตที่ขาด ๆ เกิน ๆ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มันเป็นชีวิตที่ไม่เต็ม


ถ้าเป็นคนตั้งใจดี เป็นคนเสียสละ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็รักนับถือเรา เอ็นดูเรา เพื่อน ๆ ของเรา ก็รักเรานับถือเรา พวกรุ่นน้องก็รักเคารพนับถือ เป็นตัวอย่างที่ดี ๆ ให้เขา ตัวเราก็มีความสุข มีเงินมีทองมีเกียรติมียศมีคุณธรรม

Large_pic023

 


จิตใจของเรา การประพฤติปฏิบัติของเราทุก ๆ คนถ้าไม่บังคับตัวเอง ถ้าไม่เห็นโทษ เห็นภัยมันจะตกต่ำไปเรื่อย มันจะปล่อยตัวเองไปตามธรรมชาติที่มันดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง


พระพุทธเจ้าท่านถึงเมตตาให้เรามาปฏิบัติตัวเองใหม่ ให้มาเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน


อย่างเรามาวัดมาปฏิบัติธรรมนี้ มาเพื่อจะเพิ่มเรทติ้งให้กับตัวเอง มาตั้งหลัก มาสงบจิตสงบใจ มารู้จักตนเอง มาค้นคว้าหาตัวเอง เราเองที่ผ่าน ๆ มา สติสัมปชัญญะเราไม่สมบูรณ์ มันทำตามความเคยชินที่ผ่าน ๆ มา มันติดสุขติดสบาย มันก็ทำตามความเคยชิน


คนเรานี้มันเหมือนกับมีอะไรสิงอยู่ในตัวนะ มันมีผีสิงอยู่ในใจเรานะ มันไม่มีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ ใจมันไม่สงบ ไม่หยุด ไม่เย็น ใจมันอยู่กับความรุ่มร้อน ร้อนรน มันวิ่งตามสิ่งภายนอก มันเลยไม่มีโอกาสได้สงบได้เย็น มันมีแต่เกียร์เดินหน้าตลอดแล้วก็วิ่งไป


มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์เหมือนกับคนเมาขับรถ คนเมาขับรถน่ะอุบัติเหตุเยอะ สติสัมปชัญญะมันไม่สมบูรณ์


คนเรานี้เหมือนกับคน ๆ หนึ่งที่ถูกคนอื่นเขาโยนลูกฟุตบอลให้เราเตะให้เราเล่น เราก็รับมาเตะรับมาเล่นไปเรื่อย


สิ่งต่าง ๆ มันเกิดขึ้นกับใจของเรา คือความขี้เกียจขี้คร้าน ความเห็นแก่ตัว เราก็ทำไปเหมือนคนหนึ่งที่กำลังเล่นฟุตบอล


พระพุทธเจ้าท่านถึงเมตตาให้เรารู้จักสิ่งต่าง ๆ ที่มันเกิดกับใจของเรา เหมือนลูกฟุตบอลเราอย่าได้ตามไปนะ...


วันหนึ่ง ๆ ชีวิตของเรามันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เราเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าเราไม่รู้จัก เราก็จะตามอารมณ์ไป สติสัมปชัญญะเราไม่สมบูรณ์ ใจของเรามันถูกโลกธรรมเอาไปหมด เลยไม่เป็นตัวของตัวเอง

Large_tt8089

 


เรามาอยู่วัดมาปฏิบัติธรรมให้เรามาตั้งหลักใหม่ว่าชีวิตของเราต้องปฏิบัติไปในทางที่ดี สิ่งที่มันไม่ดีที่ผ่านมาถือว่าผิดเป็นครู มันเป็นบทเรียนที่เจ็บปวด ความรู้เป็นอาจารย์ กรรมเวร ที่จะตัดได้ต้องมาตัดที่ใจของเรา ตัดที่การประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา


มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ขอร้องได้ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างโน้น ขอให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้ มันต้องมาเปลี่ยนที่ความประพฤติทั้งใจทั้งวาจา มันต้องเปลี่ยนแปลง ต้องเสียสละความสุขในทางวัตถุที่มันเป็นเหยื่อหลอกเราให้เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เป็นคนไม่เสียสละ


ความสุขนี้มันเป็นวัตถุนะ เพราะมันก่อตัวจากความเห็นแก่ตัว ถ้ามันมีตัวมันก็เป็นอัตตาตัวตนนะ


ความสุขความสะดวกสบายนี้มันเป็นสิ่งที่เสพติด ถ้าเราไม่รู้จักมัน มันต้องให้โทษเรา ทำให้เราตกต่ำ เรามีความสุขพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ให้เราหลงนะ


เรามีอาหารรับประทานนี้เราก็มีความสุข ถ้าเราไปติดในความสุข เราก็เป็นคนขี้เกียจ เป็นคนที่บริโภคทรัพย์สมบัติเก่า ไม่ทำการทำงานต่อเนื่อง ทรัพย์สมบัติเก่าของเรามันก็หมดไป


เหมือนกับเทวดาเขามีความสุขมีทิพยสมบัติ เพลิดเพลินในสมบัติอันเป็นทิพย์ในสวรรค์ ไม่เห็นทุกข์เห็นโทษในอนาคต ไม่ได้สร้างบารมี เทวดาเหล่านั้นเมื่อสิ้นอายุแล้วส่วนใหญ่พากันไปเกิดในนรกหรือเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นส่วนใหญ่ ความสุขนี่ก็เหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่เสพติด ทำให้ทุกคนเป็นคนเกียจคร้าน ซบเซา ไม่กระตือรือร้นในการทำงาน ในการเสียสละ


คนเรามันคิดไม่ถูก คิดไม่เป็น คิดว่าตัวเองนี้มีทุกข์ ตัวเองนี้ตกระกำลำบาก ตัวเอง ต้องทำงานมากทำงานหนัก ไม่มีโอกาสได้สะดวกสบายเหมือนเขาเลย เกิดมาทำไมชีวิตมันอาภัพอับจนอย่างนี้ พ่อแม่ก็ทุกข์ ญาติพี่น้องก็ทุกข์ ไม่มีความสุขเหมือนเขาเลย ไม่ได้อยู่ดีกินดี อย่างเขาเลย “ไม่คิดว่าดีมากดีเหมือนกันที่เราจะได้ทำความดี เสียสละ ละความเห็นแก่ตัว”


Large_maekhanriver02


ที่เรายากเราจนเราลำบากก็เพราะความเห็นแก่ตัว ความขี้เกียจขี้คร้าน


บาปกรรมมันมาถึงเราแล้ว เราต้องมาละความขี้เกียจขี้คร้าน ละความเห็นแก่ตัว เพราะบาปกรรมเรามันเยอะ เราต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง เราจะมัวมาทุกข์อยู่ มากินเหล้าขาวมาดื่มเหล้าดื่มเบียร์ เล่นการพนัน มาจับกลุ่มคุยกันวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมันไม่ดี


ถ้าเราคิดอย่างนี้เราจะเป็นคนทุกข์ทั้งร่างกาย ทุกข์ทั้งข้าวของเงินทอง ทุกข์ทั้งจิตทั้งใจ ความทุกข์ของเรามันจะเป็นความทุกข์ที่ใหญ่หลวง เป็น “มหาทุกขตะ”


เราต้องคิดใหม่ตั้งใจใหม่ว่า “อย่าเลย! ไม่ต้องไปคิดมันอีกแล้ว คิดแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร”


ให้เรามาแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง ยินดีในสภาพของเราที่เป็นอยู่


เมื่อมันปรับภายนอกไม่ได้ เราก็มาปรับภายในใจของเรา เพราะความสุขความสงบ มันไม่ได้อยู่ภายนอก มันอยู่ที่เราเสียสละ เราต้องมาปรับที่ใจของเรานี้ เพราะความดับทุกข์ ที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจ


พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรามองไปที่กาย เพราะร่างกายนี้ วัตถุต่าง ๆ นี้มันเป็นของใช้ชั่วคราว

 

ให้เอาจิตใจของเรานี้เป็นหลัก...


เมื่อเราเป็นคนขยันหมั่นเพียร เป็นคนเสียสละ เป็นคนที่ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ทุกข์ของเรามันก็จะลดน้อยลงตามความรู้ความเห็น ตามการประพฤติปฏิบัติ ของเรานี้แหละ

 

Large_td015 


ให้ทุกท่านทุกคนกลับมามองดูตัวเองนะ...


ส่วนใหญ่มันมองไม่เห็นจุดบกพร่องของตัวเอง ทีนี้แหละ เราจะปฏิบัติอย่างไรให้ชีวิต ของเรามีความสุขในชีวิตประจำวัน...?


ความสุขนี้เป็นดัชนีที่วัดระดับจิตใจของเรา ผู้ที่จะมีความสุขนี้เขาผู้นั้นต้องเป็นบุคคล ที่มีสมาธิ


สมาธิคือตัวความสุขของทุก ๆ คน ถ้าใครไม่มีสมาธิ คนนั้นจะไม่มีความสุขนะ
สมาธิแปลว่าจิตใจเป็นหนึ่ง คือจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านั้น


สมาธิก็มีทั้งมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ วันนี้จะพูดให้เข้าใจเรื่องสมาธิ…


อย่างเราอ่านหนังสือเราท่องหนังสืออย่างนี้ ก็ให้ใจของเราอยู่กับการอ่านหนังสือ ท่องหนังสือ มีความสุขกับการอ่านหนังสือท่องหนังสือ เขานี้เรียกว่าเป็นคนมีสมาธิ


อย่างเราทำงานนี้ เราก็มีความสุขกับการทำงาน ให้ใจของเราอยู่กับการทำงาน ตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างนี้แหละ เราจะเป็นสมาธิ พยายามอย่าไปส่งใจออกภายนอก ให้อยู่กับการกระทำของเรา “คนเรานะ ถ้าใจมันสงบอยู่กับสิ่งเหล่านั้นไม่วอกแวก เราก็มีความสุขมีความดับทุกข์”


ถ้าเราอ่านหนังสืออยู่ทำงานอยู่แต่ก็ส่งใจไปที่อื่น เขาเรียกว่าคนไม่มีสมาธิ


คนไม่มีสมาธินี้จิตใจมันเป็นทุกข์ มันไม่มีกำลัง ไม่มีศักยภาพ


คนเรามันจิตใจต้องเป็นตัวของตัวเอง จิตใจต้องอยู่กับเนื้อกับตัว มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่ให้สิ่งแวดล้อมภายนอกมันดึงดูดไป มันทำให้เราเสียกำลังจิต มันจะเป็นคนไม่มีสมาธิ

 

Large_td037

 

คนเราส่วนใหญ่จิตใจวอกแวกนะ ทำงานอยู่จิตใจมันไม่อยู่กับงาน...



การฝึกใจของเราต้องฝึกในชีวิตประจำวัน ฝึกอย่างนี้แหละ อ่านหนังสือก็ให้ใจของเรา อยู่กับการอ่านหนังสือ เราทำงานก็ให้ใจของเราอยู่กับการทำงาน ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว


เราฝึกใจของเราในชีวิตประจำวัน การงานของเรามันจะออกมาได้ดี ได้ทั้งงาน ได้ทั้งสติ ได้ทั้งสมาธิ ได้ทั้งปัญญา เราก็ได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ทุกวัน


การพัฒนาตนเองไม่ใช่เรามาอยู่วัด เราต้องพัฒนาอยู่ที่บ้านของเรา ที่ทำงานของเรา เพราะเวลาส่วนใหญ่เราอยู่ที่บ้าน อยู่ที่ทำงาน เรามีเวลามาอยู่วัดได้เพียงเล็กน้อย เราก็ปฏิบัติ ได้เพียงเล็กน้อย เพราะมีเวลาน้อย


การปฏิบัติธรรมของเรามันไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น คนอื่นเขาจะดีจะชั่ว ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็เรื่องของเขา เราจะไปคิดว่าคนนั้นเขาก็ไม่ปฏิบัติ คนนี้เขาก็ไม่ปฏิบัติ เขาจะปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติมันก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเราไปยุ่งกับคนอื่นจิตใจของเรามันก็เป็นบาป


เราต้องมีศีล... คิดเรื่องคนอื่นมันก็ทำลายตัวเอง มันเป็นการระเบิดตัวเอง ลูกระเบิด เขาไม่ได้มีไว้ระเบิดตัวเองนะ อย่างปืน อย่างมีด เขาก็ไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายทำลายตัวเอง แต่เรานี้เอามาระเบิดตัวเองแล้ว เราก็ยังเอาไประเบิดคนอื่นอีก


คนเรามันชอบพกระเบิด... คน ๆ หนึ่งนี้มันชอบพกระเบิด โดยเฉพาะปากของเรานี้ มันพกระเบิด


พระพุทธเจ้าท่านให้เรานี้หยุดทำบาปทำกรรม หยุดทำปาณาติบาต ให้มีความเมตตา โดยเฉพาะความเมตตาตนเอง ให้ตัวเองทำความดี เมตตาคนอื่น สงสารคนอื่น เพราะคนอื่น เขาก็มีความทุกข์ทั้งกายทุกข์ทั้งใจ ทุกข์ทั้งการทำมาหาเลี้ยงชีพ ทุกข์ในเรื่องลูกเรื่องหลาน ทุกข์จากเรื่องวงศ์ตระกูล


ถ้าเราไม่เมตตาสงสารเขา เราก็จะไปซ้ำเติมเขาอีก


คนเราทุกคนมันมีทุกข์มาก ต้องเจริญเมตตา ต้องสงสารเขาเยอะ ๆ

 Large_td014

 

 

เราอย่าเป็นคนปากระเบิด...


ปากเราจะพกระเบิดไม่ได้ ปากเราต้องไม่ระเบิดคนอื่น เราอย่าเผลอ เราอย่าไปประมาท เพราะความเคยชินของเรา จิตใจของเรามันไม่ละเอียด เพราะปากของเรามันเอาระเบิด มาเก็บไว้มาก เราต้องสงเคราะห์คนอื่น พูดให้กำลังใจ พูดให้เกิดความสามัคคี เราอย่าไปคิดว่าเราพูดออกมาจากใจ ปากกับใจตรงกัน มันไม่ใช่! ใจของเรามันยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ใจของเรามันต้องพัฒนาอีกเยอะ


คนเราถ้าไม่ปรับปรุงตนเอง ไม่พัฒนาตนเอง ฐานะก็ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ดีขึ้น คุณธรรมของเราก็ไม่ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง


เราอย่าไปคิดว่าเราปฏิบัติไม่ได้ ทุกคนต้องปฏิบัติได้เพราะยังมีลมหายใจอยู่ คนที่ปฏิบัติไม่ได้คือคนที่หมดลมหายใจ


เราจะคอยรับความช่วยเหลือจากคนอื่นนั้นไม่ได้ พ่อแม่ของเราก็ไม่ใช่คนรวย เป็นคนพออยู่พอกิน อยู่แบบขาด ๆ เกิน ๆ ท่านก็เจ็บไข้ไม่สบาย มีโรคภัยไข้เจ็บตั้งหลายอย่าง 


เราต้องเป็นคนที่มาช่วยท่าน เราจะเป็นคนไม่รู้จักคิดไม่ได้ ถ้าเราคิดอย่างนั้นเราก็เป็น คนเห็นแก่ตัว พูดอะไรก็ฟังแล้วตาใสอย่างนั้นไม่ได้ เขาเรียกว่าเป็น “คนบอดตาใส” พูดอย่างเดียวว่าปฏิบัติไม่ได้…


เรา “ปฏิบัติได้” สมองของเราเอาออกมาคิดบ้างสิ รู้จักคิดบ้าง...


มันจนมันยากลำบากก็จะให้มันจนมันยากมันลำบากอย่างนี้ได้อย่างไร ต้องอด ต้องทน ต้องฝืน เราจะได้เห็นทุกข์ในอนาคตชัดเจนแน่นอนว่าเป็นความผิดพลาดของเรา เพราะเมื่อมันถึงเวลานั้นมันแก้ไขไม่ได้ เวลามันผ่านไปแล้ว


อบายและนรกต่าง ๆ นี้มันเป็นหลุมเล็กหลุมใหญ่ นี้ให้ทุกคนรู้จักมันนะ มันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรานี้ มันเป็นลูกหลานของเสนามาร ให้ทุกคนเข้าใจนะ


อย่างโทรศัพท์มือถือของเรานี้ ถ้าเราใช้ให้เป็นนี้มันก็เกิดประโยชน์ เกิดความสะดวก ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็กดฟังเพลง กดหาเพื่อน ๆ นี่แหละนรกหลุมหนึ่ง


อย่างคอมพิวเตอร์ของเราที่เราเอาไว้เก็บความจำ เอาไว้ค้นคว้าทำการทำงานเรียนหนังสือ เราก็ใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าเราใช้นอกเหนือจากนั้นก็เป็นนรกหลุมหนึ่ง อย่างเช่น Facebook อย่างหนังอย่างละคร พวกเพลง พวกคอนเสิร์ต มันก็มีไว้ให้คนลุ่มหลง มีไว้ประกอบอาชีพกัน


ถ้าเราไม่รู้จัก มันก็เป็นนรกหลุมใหญ่หลุมหนึ่งนะ...


นรกมันเป็นอย่างนี้นะ มันมาในสิ่งที่ดี มันมาในรูปของความสะดวกสบาย มันมาในรูป ของการอำนวยสุข


ทุกอย่างมันมีทั้งคุณและโทษ อย่างเรามีเพื่อนดี แต่ถ้าเพื่อนพาเราไปในทางที่ไม่ดี ชีวิตของเรามันก็ล้มเหลว ไอ้เรามันอินทรีย์ยังอ่อน ยังไม่แข็งแรง มันก็มองไม่ค่อยเห็นนะ มันมองไม่เห็นนรกในชีวิตประจำวัน เพราะนรกในกลุ่มนี้มันแฝงมาด้วยความเพลิดเพลิน

 

Large_td041


คนเรามันต้องฉลาดให้พอ เก่งให้พอ ฉลาดให้จริง ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท สิ่งที่เรา มันผิดพลาดล้มเหลวนี้ ก็เพราะเราไม่รู้จักนรกที่มันแฝงมาในรูปของความดี ความเพลิดเพลิน


เราเป็นคนตั้งอยู่ในความประมาท สุดท้ายเราก็เป็นคนไม่มีศักยภาพ ไม่มีคุณภาพ เพราะเราเป็นคนตกอยู่ในความหลงในความเพลิดเพลินในสิ่งเหล่านี้
เราอย่าไปเถียงพระพุทธเจ้าในสิ่งเหล่านี้ว่าจะมีทุกข์ได้อย่างไร...?


นี้มันเป็นผลไม้ที่อยู่ในตะกร้าใบใหญ่ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลไม้ที่ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่มันอาบด้วยยาพิษนะ ถ้าเราไม่ระมัดระวังมันจะเจอเอายาพิษได้ เราต้องรู้จักวิธีเอายาพิษออก แยกสารพิษออก เพราะมันคลุกเคล้ากันอยู่ ผสมกันอยู่


จิตใจของเรานี้มันตกต่ำนะ หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับสิ่งเหล่านี้แหละ “มันกระหึ่มในจิต ในใจนะ ความหลงนี้”


ชีวิตของเราต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีความสุขในการทำงาน มีความสุข ในการเสียสละ หนักแน่น เข้มแข็ง ขับเคลื่อนชีวิตตนเองด้วยสติ ด้วยปัญญาอันแหลมคม


เราจะไปทำอย่างเก่าไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองจะให้ใครมาเปลี่ยนแปลงให้เราก็ไม่ได้

Large_td012

 


มันเป็นการปฏิบัติบูชาไม่ใช่อามิสบูชา มันเป็นการนำตัวเองออกจากความตกต่ำ เพื่อทวนกระแสแหวกว่าย เป็นการดำเนินชีวิตให้เข้าถึงหนทางอันประเสริฐ


ชีวิตของเรานี้สำคัญมากนะที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราถึงได้ฉลองวันเกิด


เมื่อฉลองแล้วต้องนำตนมาประพฤติปฏิบัติเพื่อชนะใจตนเอง เราไม่ได้รบกับใคร เรารบกับใจของตัวเอง “การชนะร้อยครั้งพันครั้งก็สู้ชนะใจตนเองไม่ได้”


พระพุทธเจ้าท่านเมตตาเราแล้วเราก็ต้องเมตตาเราเองด้วย


เราก็มามีความสุขในการประพฤติปฏิบัติธรรม ใหม่ ๆ มันต้องอด ต้องทน ต้องฝืน อย่างนี้แหละ อย่าไปมักง่าย ทำอะไรมักง่ายจะลำบากภายหลัง


ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เราได้ยินได้ฟังต้องนำไปประพฤติปฏิบัติ การประพฤติปฏิบัติต้องต่อเนื่องถึงจะได้ผลต่อเนื่อง


พระพุทธเจ้าท่านให้เรามองเห็นสิ่งที่สำคัญว่าสำคัญ ไม่ให้เรามองเห็นสิ่งสำคัญว่าไม่สำคัญ


เราต้องดำเนินชีวิตของเราด้วยหนทางที่ประเสริฐอย่างนี้แหละ ทุก ๆ คนเขารักเรา แล้วก็หวังในตัวเรา...

 

Large_td036

 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 487771เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2012 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 00:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท