อาชีพที่ดี อาชีพที่ประเสริฐ...


 

พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาต่อเราทุก ๆ คน ให้ทุกคนพากันประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างความดี สร้างบารมี...

 

เทคโนโลยี ความสะดวกสบายต่าง ๆ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ทุกท่านทุกคนไปหลงใหล ในวัตถุมากเกินไป บางทีมันก็ลืมไป ลืมเมตตาคนอื่น สงสารคนอื่น ลืมว่าเพื่อนที่เกิดขึ้นมา ร่วมโลกกับเรานี้เขากำลังพากันทุกข์กายทุกข์ใจนะ...!

“เรากำลังพากันลืมดูแลเพื่อนนะ...” ไม่ช่วยเหลือเพื่อน พากันเราเอารัดเอาเปรียบเพื่อน ๆ

อย่างอาชีพ “นักการเมือง” เป็นอาชีพที่ดี เป็นอาชีพที่ได้บำเพ็ญกุศล ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่บริหารจัดการเรื่องการบ้านการเมือง เพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เพื่อให้เพื่อนร่วมโลกเดียวกันอยู่เย็นเป็นสุข แต่นักการเมืองกลับไปเอาหน้าที่การงานนั้น ๆ มาทำประโยชน์ของตัว แทนที่ประเทศชาติบ้านเมืองจะดีขึ้นกลับยิ่งแย่ไปกว่าเก่า

อย่างอาชีพ “ข้าราชการ การเมืองการปกครอง” แต่ละอาชีพที่ได้สร้างคุณงามความดี เป็นอาชีพที่ต้อง “เสียสละ” เป็นอาชีพที่ช่วยเหลือทุก ๆ คน เพื่อให้ทุก ๆ คนอยู่ดีมีสุข...

Large_2201201102

 

“เรามองดู มองเห็นภาพ เป็นอาชีพต่าง ๆ นี้ เป็นอาชีพที่ได้บุญได้กุศลนะ...” เพียงแต่เราขาดความรัก ความเมตตา ความสงสาร

อย่างอาชีพเป็น “หมอ” เป็น “คุณหมอ” เป็น “พยาบาล” เป็นอาชีพที่ได้บุญได้กุศลมาก แต่ถ้าเราเผลอประมาทไปก็กลายเป็นอาชีพที่ทำบาป ทำกรรม เพราะเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับ คนเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย หรือว่าคนที่ “ใกล้จะตาย...”



ถ้าเราไปเน้นเงิน เน้นรายได้ เราก็พากันขาดความเมตตา ไม่ทำอะไรเหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ท่านทำอะไร ท่านทำเพื่อเมตตาผู้อื่น เกื้อกูลผู้อื่น

 

คนป่วยเยอะ คนเจ็บป่วยเยอะ โรงพยาบาลใหญ่ ๆ แต่ละวันแต่ละวันมีคนป่วยหลายร้อย หลายพันคน คนเป็นทุกข์มากทั้งกายและใจ คนจากชนบท คนจากต่างจังหวัดก็พากัน เข้าสู่เมืองกรุงฯ ต่างก็หวังว่าคุณหมอจะเป็นที่พึ่งเป็นครั้งสุดท้าย...

Large_tt889

 

ถ้าคุณหมอมีเมตตาไม่พอ ไม่มุ่งหวังที่จะช่วยเหลือรักษาด้วยความตั้งใจ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณหมอที่จะช่วยเหลือจากใจ ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนอื่น คิดเสมอว่าเขา เป็นญาติพี่น้องที่เกิดร่วมโลกเดียวกับเรา “ถ้าเราไปมุ่งหวังตั้งแต่เปิดคลินิกจะได้เงินมาก ๆ ไปมุ่งหวังจะเปิดโรงพยาบาลเอกชนที่จะได้เงินมาก ความเป็นหมอเป็นพยาบาลของเรา มันก็หายหมด...”

ถ้าเราไปคิดอย่างนั้น อาชีพหมอจะเป็นอาชีพที่เป็นบาปนะ...!

คนเรามันอยากรวยกันทุก ๆ คน แต่อย่าไปลืมความรัก ความเมตตา ความสงสาร

บางประเทศเขาวางแผนวางกรอบในการปกครองประเทศของเขา คุณหมอก็มีหน้าที่ ตรวจโรคอย่างเดียว สำหรับยาเป็นหน้าที่ของเภสัชกร เพราะเขากลัวคุณหมอรวบรัดเป็นทั้งผู้ตรวจ และเป็นทั้งผู้ขายยา

คุณหมอจะได้สตางค์เท่าไหร่ก็ว่าไปเลย ผู้ที่เป็นคนป่วยเขาก็ไม่มีโอกาสต่อรองนะ เพราะเขากลัวหมอจะรักษาไม่ดี ทำอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับหมอมีแต่ต้องใช้เงินใช้สตางค์มาก ๆ “ผู้ที่เห็นแก่ตัวทั้งหลายถึงอยากให้ลูกให้หลานเป็นหมอ...!”

เราเป็นหมอถ้าเราไปเอาเงินเอาสตางค์แก่คนป่วยใกล้จะตายมาก ๆ มันน่าเกลียดนะ มันน่าอายนะ...

ให้เรามีเมตตาเหมือนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นี่ดีนะ ถูกต้อง ...

คุณหมอน่าจะมีจรรยาบรรณในความเป็นหมอให้มากที่สุด สังคมประเทศชาติจะได้ร่มเย็น ไม่ใช่เป็นนักฉวยโอกาสเรื่องความแก่ ความเจ็บ ความตาย ที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น

 Large_2401201106

 

พระพุทธเจ้าท่านให้เราช่วยเหลือกัน ดูแลกัน อย่าไปซ้ำเติมกัน ผู้ที่จะเป็นหมออย่าได้ ไปเอาตัวอย่างคุณหมอที่เห็นแก่ตัว เขาจะรวย เขาจะมีความสะดวกสบายก็ช่างหัวเขา ให้เราถือว่าเป็นโอกาสบำเพ็ญความดี บำเพ็ญบุญกุศล เราจะได้มาช่วยญาติพี่น้องของเรา ช่วยบ้านเกิดเมืองนอนของเรา

ที่เขาคัดเลือกสอบเอาคนเป็นหมอ เขาเลือกเอาคนดีมีคุณธรรมเพื่อจะนำความร่มเย็น ให้เกิดในหมู่มวลมนุษย์ แต่ถ้าคุณหมอมีความโลภ ความอยาก ความหลงครอบงำ มันเป็นการกระทำความผิดนะ...!

เราเป็นคนหัวดี เป็นคนเก่ง คิดได้ดี ได้เก่ง อย่าได้ฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบคนอื่น ให้คุณหมอทั้งหลายทั้งปวง รู้บาป รู้บุญ รู้คุณ รู้โทษ ให้มีสติ ให้รู้จักตนเอง

ในปัจจุบันมีหมอดี ๆ ก็มากพอประมาณ แต่หมอที่เห็นแก่ตัวน่าจะมากกว่า...!


ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คนไหนเขามีญาติเป็นคุณหมอก็ได้รับความสะดวกสบายหน่อย แต่คนไหนไม่มีญาติ ไม่มีเส้น ญาติผู้ป่วยก็ไม่ได้รับความเมตตา ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคุณหมอ เพราะว่าเขาไม่มีเส้นมีสาย จะเข้าโรงพยาบาลก็ต้องอาศัยเส้น อาศัยสาย เพราะคุณหมอ คุณพยาบาลขาดเมตตา ขาดคุณธรรม เลือกที่รักมักที่ชัง ถ้าใครประพฤติปฏิบัติอย่างนี้เขาเรียกว่า “เป็นสิ่งที่ผิดพลาดในการดำรงชีวิตของผู้ที่เป็นหมอ...!”


Large_tt848

ความเมตตาต้องเจริญให้มาก ๆ มีความสุข มีการเสียสละในการทำงานให้เต็มที่...

ผู้เป็นหมอส่วนใหญ่มีความเห็นแก่ตัวมาก มี EGO มาก ถ้าไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม จะพูดกับคนไข้ก็ไม่เพราะ ไม่สุภาพ พูดกับญาติก็ไม่เพราะ ไม่สุภาพ ยิ่งพูดกับพยาบาล ซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้นายแพทย์ ก็ยิ่งแสดงอาการตัวตนที่ไม่น่ารัก ไม่น่าเคารพ เพราะไม่ได้ประพฤติปฏิบัติเหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านเป็นผู้ติดดิน เป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพเรียบร้อย ทุกท่านทุกคนต้องมองดูแล้วเอาเป็นตัวอย่าง

แพทย์บางคนโลภมาก โลภหลาย เป็นแพทย์รวยยังไม่พอ เปิดคลินิกรวยยังไม่พอ ทำงานโรงพยาบาลเอกชนรวยยังไม่พอ ทิ้งความเป็นแพทย์ไปเป็นนักการเมือง เพราะนักการเมืองมันรวยมาก รวยกว่า มันรวยเร็ว

ที่จริงการเป็นนักการเมืองเป็นอาชีพที่ได้บุญมากจริง ๆ ถ้าเราเป็นแพทย์ และเป็นนักการเมืองเพื่อที่จะบริหารให้ศักยภาพในการเป็นหมอมันดียิ่ง ๆ ขึ้นไป มันได้บุญ

 

อาชีพที่มันได้เงินง่าย ๆ ทุกคนถึงอยากทำอาชีพนั้น ๆ ให้ประชาชนทุกคนในประเทศพยายามคิดใหม่นะ...

ที่พากันแย่งกัน แข่งขันกัน เป็นนักการเมือง เป็นข้าราชการกินบ้านกินเมือง ทำอาชีพ บนหลังคนที่ทุกข์ยากมันไม่ดี ไม่ถูกต้อง มันแย่ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันเลว มันหนักไปกว่านี้ ไม่ได้แล้ว ถ้าเราไม่กลับมาหาธรรมะ ไม่กลับมาหาคุณธรรม สังคมประเทศชาติคงจะลำบากมาก เพราะเราได้มหาโจรมาครองบ้านครองเมือง

Large_tt1001

 

เราอย่าไปมองไกล... ที่เขาฆ่าคนโน้น เขาระเบิดคนนี้ มหาโจรผู้ยิ่งใหญ่นั้น อยู่ในคราบของผู้ดี อยู่ในตัวของนักการเมือง ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านจนถึงนายกรัฐมนตรี...!

“ถ้าไม่มีคุณธรรม ไม่มีความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป ก็เป็นมหาโจร ที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ”

ที่ผ่านมาเรามองดูนักการเมือง มันไม่ใช่นักการเมืองที่แท้จริง มันเป็นมหาโจร ที่อยู่ในคราบนักการเมือง...

อย่างอาชีพ “ผู้พิพากษา อัยการ” เป็นสถาบันที่สำคัญมาก เพราะเป็นสถาบัน ที่ดำรงความยุติธรรม ในหลวงท่านทรงให้ความสำคัญกับคนในสถาบันนี้มาก เพราะเมื่อเรียนจบขนาดท่านทรงพระชวร ท่านก็ยังเสด็จออกมาตรัสให้โอวาทกับบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะผู้พิพากษา อัยการผู้เป็นบุคคลที่ในหลวงทรงไว้วางใจที่ท่านให้ช่วยเหลือแบ่งเบา พระราชภาระ ทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ แต่ในปัจจุบันสถาบันนี้เริ่มโอนเริ่มเอียง “เป็นสถาบันยุติธรรมที่สร้างความอยุติธรรมให้มันระบาดไปทั่ว”

ผู้พิพากษา อัยการ ต้องเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า เดินตามรอยของในหลวงฯ อย่างเช่นเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็น “มโหสถบัณฑิต” ซึ่งผู้ที่มีใช้ปัญญาในการดำรงและทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ช่วยเหลือตัดสินคดีความต่าง ๆ ให้กับประชาชนผู้ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น

 

 

อย่างอาชีพ “ตำรวจ” ก็เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นผู้บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน เป็นผู้ป้องกันภัย รักษากติกาและระเบียบวินัยในสังคม

 

ส่วนใหญ่ที่พวกเราเข้ามาทำงานก็เพื่อปากเพื่อท้องของตัวเอง เพื่อครอบครัวตัวเอง รายได้ เงินเดือน เงินทองที่ได้มาเป็นเครื่องอยู่ เครื่องกิน ให้ถือว่าเป็นผลพลอยได้ เพราะเรามาสร้าง ความดี อย่าเป็นมือเป็นเท้าให้กับคนที่เบียดเบียนประชาชน อย่าเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ อย่างสร้างความอยุติธรรมให้เกิดขึ้น คนจนทำอะไรก็ผิด คนรวยทำอะไรก็ถูก อย่าเป็นมือเป็นเท้า ให้กับคนที่มาทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะประชาชนทุกคนเป็นพี่เป็นน้องของเรา

Large_tt996

 

อย่างอาชีพ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การที่มี กกต. ขึ้นมา เป็นความคิด ของผู้ที่หวังดีต่อประเทศ อยากให้เรามี กกต. เพื่อมาคัดสรร เลือกสรรบุคคลที่ดีที่สุด มาดูแลประเทศนี้ สมดังพระบรมราโชวาทของในหลวงฯ ที่ทรงตรัสไว้ว่า...

“บ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” (พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ)

ลมหายใจหรือทางออกของประชาชนคือ กกต. กกต. จึงเป็นด่านแรกที่สำคัญที่สุด ที่จะคัดกรองบุคคลเพื่อเข้าไปบริหารประเทศ

ดังนั้น กกต. จึงเป็นทางออกให้กับประชาชน เป็นมือเป็นเท้าให้ประชาชนในบ้านในเมือง

กกต. จึงต้องเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนทั้งประเทศ ทุกวันนี้เขาเข้าใจว่า กกต. เป็นผู้ที่จะช่วยเหลือเค้าได้ เป็นผู้ที่จะให้คุณให้โทษ เขาหวังว่า กกต. จะเป็นคนของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่ใช่เป็นคนของนักการเมืองหรือนายทุน ซึ่งเป็นผู้แสวงหาประโยชน์จากคนยากคนจน

 

Large_2401201105

ญาติโยมประชาชนก็เหมือนกัน ไปรับเงินรับทองจากนักการเมือง ซื้อสิทธิขายเสียง แล้วไปลงคะแนนเลือกเอา “มหาโจร” เข้ามาดูแลปกครองบริหารประเทศ เรารับเงินเขามา ไม่กี่ร้อย ไม่กี่พันบาท แต่เขามาเอาคืนหลายร้อย หลายพันล้านบาท

 

เมื่อเราทำผิดกันเป็นขบวนการ ประเทศชาติก็สะดุด ติดในบาปในกรรม ต้องแก้ต้องปรับ ทุกฝ่าย ทุกคนต้องไม่เห็นแก่ตัว มันถึงจะได้รับประโยชน์กันทุกฝ่าย

กิเลสมันเป็นของไม่ดี ความเห็นแก่ตัวเป็นของไม่ดี ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราต้องเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้เกื้อกูล…

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ธรรม ท่านมาเทศน์ มาสอนธรรม ที่เป็นข้อสำคัญข้อแรก ท่านสอนเมตตา การให้ทาน ความเสียสละ เพราะคนเรามันเป็นผู้ที่หลงผิด เป็นผู้ที่เห็นแก่ตัว มันถึงได้เกิดมา

เรามองเห็นง่าย ๆ เช่นเรามาอยู่ในท้องก็เป็นผู้เอาแล้ว เอาเลือด เอาเนื้อจากพ่อจากแม่ เอาอาหาร การดูแล การอุปถัมภ์อุปัฏฐากจากพ่อจากแม่ การเรียนการศึกษาก็เอาจากพ่อจากแม่ ไปทำการทำงานก็จะไปเอาจากคนอื่น เราล้วนแต่เป็นผู้เอา “พ่อแม่ยากจน ไม่รวย ไม่มีทรัพย์สมบัติให้ ก็ไปว่าพ่อแม่อีก...!”

พระพุทธเจ้าของเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านถึงให้เราเป็นผู้เสียสละนะ...

Large_2301201106


ที่เราเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เราเป็นผู้เอาทั้งนั้น ไม่เสียสละ
การเสียสละถึงจะมีคุณธรรม คุณงามความดีเป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนต้องพึงปฏิบัติ
ถ้าเราไม่หยุดเป็นผู้เอา มันก็เพิ่มความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เราไปยิ่งทวีคูณ

 

พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาให้เราสร้างความดี สร้างบารมี “จะพากันโลภไปถึงไหน...?”

วันหนึ่ง วันหนึ่ง เราทานอาหารไม่หมดมากเท่าไหร่ ก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้คนอื่น เกื้อกูลคนอื่น เวลาตายไป เวลาละสังขาร ยมบาลเขาไม่ได้ถามว่า ตอนที่เกิดเมืองมนุษย์เรารวยมั๊ย เป็นมหาเศรษฐีมีเงินกี่ล้าน เค้าไม่ถามอย่างนั้น มีตำแหน่งอะไร เป็นนายพล เป็นพลเอกหรือเปล่า เค้าไม่ได้ถามอย่างนี้ เขามีแต่ถามว่า เมื่อเปิดโอกาสให้เกิดในเมืองมนุษย์ได้ทำความดีอะไรไว้บ้าง

Large_2401201110

 

คนรวยส่วนใหญ่เมื่อตายแล้ว เมื่อละสังขารแล้ว พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่าคนรวย ๆ ไปเกิดในนรกมาก เพราะมีความโลภมาก มีความหลงมาก

พวกคนจนยังไม่ตายก็ตกนรกแล้ว เพราะมันทุกข์ มันยาก มันจน ไม่ขวนขวาย ไม่เสียสละ ไม่ขยันหมั่นเพียร หลงในอบายมุข ทำแต่บาปกรรม พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าก็ตกนรกเหมือนกัน เป็นสัตว์เดรัจฉานส่วนใหญ่เหมือนกัน

เราจะเป็นคนจนคนรวยไม่สำคัญนะ มันสำคัญที่เราต้องเป็นคนดี มีศีล ปฏิบัติธรรม

 

Large_tt964

พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาต่อตัวเอง นำตัวเองออกจากวัฏฏะสงสาร...

เราเองนะ เป็นผู้นำตัวเอง ไม่ใช่คนอื่นนำเรา เมื่อสมัยพระพุทธเจ้าที่ยังไม่ได้บำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้า ท่านเกิดเป็นพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ปกครองเมืองหนึ่ง พระมหากษัตริย์ เป็นผู้ชี้เป็น ชี้ตาย ดูแลสุขทุกข์ของประชาชน ใครทำผิดทำถูก พระมหากษัตริย์เป็นผู้คาดโทษ เป็นคนอภัยโทษ

ต่อมาพระพุทธเจ้าของเรานี้แหละ เมื่อครั้งบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ท่านเกิดเป็น พระราชกุมาร ท่านระลึกชาติได้ว่า ตัวเองเคยเป็นพระมหากษัตริย์ เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ต้องตกนรกถูกทรมาน ถูกจองจำตั้งนาน เพราะการตัดสินคดีความที่ผิดพลาด

ด้วยบุญบารมีของพระราชกุมาร เมื่อเห็นโทษแล้ว ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า เราจะไม่ทำบาป ทำกรรมอีก เราจะแกล้งเป็นคนพิการ ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ จนชาวเมืองเขาเรียกว่า “พระเตมีใบ้”

เขาใช้วิธีกลไกต่าง ๆ เพื่อให้พระองค์เปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นคนปกติ แต่แล้วก็ไม่ได้ผล ด้วยแรงอธิษฐานและด้วยพลังแห่งเนกขัมบารมี ผลสุดท้ายเหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายก็ลงความว่า ท่านเป็นคนพิการจริง ๆ เขาจึงได้ให้นำไปประหารด้วยการฝังทั้งเป็น

เหล่าอำมาตย์เสนาบดี เมื่อไปถึงที่จัดประหาร จัดฝัง ก็พากันขุดหลุม ขุดไปเรื่อย ๆ พระราชกุมารในนามพระเตมีย์ใบ้ ท่านถือโอกาสนี้ลุกขึ้นมานั่งดู ยืนดูที่เขากำลังขุดหลุมกัน

ท่านก็ตรัสถามว่า ท่านขุดหลุมอะไร พากันทำอะไร...?

พวกนั้นก็ขุดไปตอบไป เขาตอบว่าพระราชกุมารเป็นคนใบ้เป็นคนพิการเขาให้นำมาประหารด้วยการฝังทั้งเป็น

สุดท้ายพระเตมีย์ใบ้ก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า เราไม่ได้เป็นใบ้ เราไม่ได้เป็นคนพิการ แต่เราเห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เราไม่ต้องการเป็นกษัตริย์เหมือนที่เราเคยเป็นมา ต้องตกนรกตั้งหลายภพหลายชาติเป็นเวลายาวนาน ท่านจึงบอกเสนาอำมาตย์ว่าท่านจะออกบรรพชา ออกอุปสมบท

 

บาปกรรมมันเป็นสิ่งที่มีจริงนะ...

ถ้าใจของเรามีความโลภ ความโกรธ ความหลง มันมองไม่เห็นนะ คนเรามันลืมอดีตที่ผ่านมา เมื่อเราเคยทำอะไรเมื่อ ๑๐ ปีก่อน ในวันเวลานั้น ๆ เราลืมหมด เขาเรียกว่า “สันตติ” มันขาดไป มันไม่ติดต่อ มันจำไม่ได้ นอกจากพระอริยเจ้าผู้ที่ท่านทรงอภิญญาฌาน เขาเข้าสมาธิระลึกชาติได้

บางองค์ก็ระลึกชาติได้หลายชาติ แต่ก็ไม่เท่าพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ระลึกได้หมด แม้แต่ตัวท่านเองและบุคคลอื่น ท่านก็ระลึกได้หมด

บ้านเมือง สังคม ประเทศชาติ มันเป็นภาพรวม มันเป็นส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่แก้ยาก คิดไปแล้วมันก็ปวดหัว เป็นไมเกรน เป็นโรคประสาท

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราไปแก้ไกลขนาดนั้น ท่านให้เราไปแก้ที่ตัวเองนี้...


เราจะให้คนอื่นเค้าดีทั้งเมืองมันไม่ได้ อันนี้มันเป็นโลก เป็นสังคม เป็นวัฏฏะสงสาร แม้แต่ นิ้วมือของเรา มันก็ยังยาวสั้นไม่เสมอกัน ทั้ง ๆ ที่มันเกิดวันเดียวกัน

 

ให้ทุกท่านทุกคนถือว่าอันนี้มันเป็นโลก เป็นวัฏฏะสงสาร เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เรา สร้างความดี สร้างบารมี อย่าไปดูคนอื่น ให้กลับมาดูกาย มาดูวาจา มาดูใจของเรา เมื่อมันแก้ไขภายนอกไม่ได้ ก็ให้มาแก้ไขที่ใจของเรานี้แหละ เพื่อเราจะเป็นคนมีคุณธรรม ได้ดีมีคุณธรรม พูดดีมีคุณธรรม เราจะได้เป็นผู้นำของตนเอง

ให้เราถือว่าเราเกิดมาเพื่อทำความดี เพื่อสร้างบารมี เกิดมาก็มาคนเดียวนะ เวลาตายก็ตายไปคนเดียว

“เมื่อเราเป็นคนดีมีความเกื้อกูลต่อคนอื่น มันดี มีประโยชน์” พระอาทิตย์อย่างนี้ ที่มันขึ้นตอนเช้า ตกตอนค่ำ มันดวงเดียวนั่นแหละ แต่มันให้ความสว่างแก่โลกทั้งโลก...

เราคนเดียวนั่นแหละ ที่ให้ความสุขความสงบแก่โลก อย่าได้ไปท้อแท้ท้อถอย คนเรา มันติดความคิดของตนเอง มันคา มันเลยบอกตนเองว่า “ทำไม่ได้” อย่างนี้ มันไปคิดไกลเกิน...


คนเรานี้มันมีพลังจิตนะ...

มันต้องสู้ชีวิตอย่างสุด ๆ เพราะความคิดเรามันเป็นธรรมะโอสถ ยิ่งประพฤติปฏิบัติไป ทำยิ่ง ๆ ขึ้นไปทุกวัน ยิ่งมีความสุขนะ เหมือนมีผืนแผ่นดินโล่ง ๆ เราท้อใจในความแห้งแล้ง ความว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ ถ้าเราปลูกต้นไม้ เราคิดว่ากว่ามันจะโตก็หลายปี ความคิดอย่างนี้ เค้าเรียกว่าเป็นความคิดที่พ่ายแพ้ เป็นความคิดของผู้แพ้

เราอย่าไปคิดเรื่องอนาคต ทำปัจจุบันให้ดี ๆ เราลองคิดดู ประเมินตัวเอง ว่าแต่ก่อน เราเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่คิดว่าเราจะเป็นคนเฒ่า คนชรา เราเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน ความคิดของเรานี้มันอยู่กับอดีตกับอนาคตมากเกินไป ไม่ทุ่มเทในปัจจุบัน ไม่กระตือรือร้นในปัจจุบัน สิ่งไหนมันไม่ดีในอดีตเก็บไว้หมด สิ่งดี ๆ ไม่เก็บไว้

 

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราเป็นผู้ที่เข้มแข็ง มีพลังจิตประดุจอย่างช้างสาร มองเห็นสิ่งที่ ใหญ่ ๆ โต ๆ นี่เท่ากับเมล็ดงา เมล็ดงานี้ ช้างตัวใหญ่ ๆ มันเตะ มันเหยียบแตกหมด “พระพุทธเจ้าท่านให้เรามีพลังจิต พลังใจอย่างนี้...”

ความท้อแท้ ท้อถอย ให้พากันทิ้งไปให้หมด...

ต้องสดชื่น หนักแน่น เข้มแข็ง ด้วยการต่อสู้ ด้วยการทำความดี อย่าให้ความคิดความเห็นของเรามันไขว้เขว ให้ตั้งในความดี ในความถูกต้องตลอดกาล จริงแท้ต่อพระนิพพาน ต่อความดี อย่าพากันหลงซ้าย หลงขวา บริโภคความขี้เกียจขี้คร้าน ความเห็นแก่ตัวไปวัน ๆ

ที่ใจของเรามันมีสะดุด มันมีความสะทกสะท้านในภัยอันตราย มันไม่ใช่ใจนะ...!

มันคือพวกเหล่าเสนามารทั้งหลายทั้งปวงที่มาแทรกในหัวใจเรา เราอย่าไปหลบซ้าย หลบขวา แล้วว่าปัญหาต่าง ๆ มันจะหมด ถ้าเราไม่แก้ไข ไม่กระตือรือร้น เราไม่ต่อสู้ เราไม่ผ่านอุปสรรคด่านนี้นะ พวกเหล่าเสนามารทั้งหลายทั้งปวง มันจะยิ่งมีพลัง มันคุมเราไว้หมด มันควบคุมให้เราเดินตาม

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราอย่าไปกลัวเหนื่อย กลัวยากลำบาก ต้องอดต้องทน ให้มันเกิดสมาธิขึ้นให้ได้ ถ้าเราไม่อดไม่ทนสมาธิมันไม่เกิด ต้องทั้งอด ทั้งทน ทั้งเห็นคุณประโยชน์ในการทำความดี ว่าทำอย่างนี้ดีแล้ว อย่าไปกลัว อย่าไปลังเลสงสัย 

 

ถ้าเราไม่เอาใหม่ก็ต้องเป็นอย่างเก่านี้แหละ...

เพราะโลกเป็นสิ่งเสพติด เหมือนยาเสพติด เป็นสิ่งที่ละได้ยาก ต้องเข้มแข็ง กล้าละ กล้าปล่อย กล้าวาง ใช้เวลาอบรมบ่มอินทรีย์ ทำความดีต่อ ๆ กัน หลาย ๆ เดือน หลาย ๆ ปีติดต่อกัน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันจะดีของมันเอง

 

 

ขอให้ทุกท่านทุกคนนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปประพฤติปฏิบัติ

 

 

ทุกท่านทุกคนจะนำตัวเองออกจากวัฏฏะสงสาร เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดี เป็นคุณหมอ ที่รักษาโรคทั้งทางกายทางใจที่ดี เป็นนักการเมืองที่ดีที่ประเสริฐ เป็นที่เคารพบูชาของประชาชน เป็นข้าราชการที่เป็นมือเป็นเท้าให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดทั้งปวงประชา ให้มีความสงบสุขถ้วนหน้ากัน

หวังว่าทุกคนจะได้สติ ได้ปัญญานำพาการประพฤติปฏิบัติ ด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...

 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
วันอังคารที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 485962เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2012 16:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 16:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท