คุณยายวัย ๙๑ ปี ทำบัตรประชาชนครั้งแรก
เมื่อวัยเก้าสิบมาเยี่ยมกราย โลกวุ่นวายก็ค่อยๆพร่าเลือน ยายเข้าใจว่าคงเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ใช่จู่ๆก็ถูกจู่โจมสองตาวันวานเคยชัดใส วันนี้กลับไม่แจ่มชัดเสมือนเก่า ระยะแม้เพียงปลายมือก็ยังพร่าเลือน ทำไมนะวันวานยังดีอยู่ ยายคิดขึ้นมาด้วยความสับสน พยายามมองเพ่งไปที่บัตรประชาชนของตัวเองซึ่งเพิ่งได้มาเป็นครั้งแรก ได้มาเมื่อวัยเก้าสิบมาเยี่ยมกราย
การที่คนเรายังไม่มีเอกสารแสดงตน เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ยังไม่มีสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์ บ่งบอกถึง ความน้อยเนื้อต่ำใจในอดีตของตน พบคุณยายท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
ย้อนหลังไปเก้าสิบปีก่อนนั้น ยายมีภูมิลำเนา อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น เกิดที่ บ้านไม้แดง อ.เมือง จ.ขอนแก่น (พูดอีสานแท้ๆ) พ่อ-แม่ มีอาชีพทำนา โดยมีพี่ชาย ๑ คน และน้องสาวต่างมารดา ๑ คน ซึ่งคนสมัยก่อนจะไม่ได้เรียนหนังสือ ยายเล่าต่อว่า พ่อ-แม่ จะให้ยายแต่งงาน กับคนที่ไม่รู้จัก ขณะนั้นอายุยายแค่ ๑๕ ปี ช่วงนั้นยายเกิดชอบพอกันกับนายเขียว (นามสมมุติ) จึงตัดสินใจหนีตามกันไปใช้ชีวิตฉันสามี-ภรรยากัน โดยที่พ่อ-แม่ ไม่เห็นด้วย ซึ่งตัวยายเองก็ไม่ทราบว่า ตนมีชื่อในทะเบียนบ้านหรือเปล่า หรือพ่อ-แม่ ได้แจ้งเกิดให้หรือเปล่า ยายเองมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ จึงไม่ได้สนใจที่จะสอบถามจากพ่อ-แม่ ทราบแต่ว่าพ่อ-แม่ เป็นคนไทย เกิดที่ประเทศไทย ทราบแค่นั้น
ยายมีชีวิต ทำงาน แต่งาน มีครอบครัว มีลูก ในความยากจนนั้นต้องดิ้นรนต่อสู้ เหน็ดเหนื่อยและโดดเดี่ยว หน่ายหนักจนไม่ว่าแง่มุมไหนก็ไม่อนุญาตให้คิดถึง “เอกสาร” ของลูกยายไม่มีใบเกิด ไม่มีทะเบียนบ้าน ไม่มีบัตรประชาชน ตลอดจนไม่มีสิทธิ...เหมือนยาย
จากนั้นสามีได้พายายมาอาศัยอยู่ที่บ้านโนนสมบูรณ์ สามีของยาย ทำงานเป็นยาม ได้ค่าตอบแทนเดือนละ ๒ บาท แต่ก็พออยู่ พอกิน นะสมัยนั้น (หัวเราะ) สามียายเริ่มป่วยหนัก (ขณะนั้นลูกสาวมาทำงานที่กรุงเทพฯ) ทราบข่าวพ่อว่าเสียชีวิตแล้ว ลูกสาวยายจึงพายายมาอยู่ที่กรุงเทพฯด้วย โดยที่ทั้งคู่ ไม่มีเอกสารแสดงตนเลย ลูกสาวของยายได้ทำงานเป็นแม่บ้านให้กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ทั้งตัวยายเอง และลูกสาวยาย ก็อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่กล้าไปไหน ไม่ติดต่อกับใคร เพราะกลัวเขาว่าเป็นคนต่างด้าว จนกระทั่งได้มาเจอ ครูนิด – ครูบุ๋ม ยายเองดีใจมากที่ทราบข่าวว่า ครูนิด – ครูบุ๋ม จะพาไปที่บ้านเกิดของยาย ที่ขอนแก่น ยายรีบแต่งตัวสวย เตรียมพร้อมที่จะไปลุยที่ขอนแก่น
ยายพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า ยายไม่ได้ไปหาญาติที่ของแก่นมาเป็นเวลา ๑๐ กว่าปีแล้ว เพราะไม่กล้าออกไปไหน กลัวเขาจับไป ว่าตนเป็นคนเถื่อน ถามหาบัตรอะไรๆ ยายก็ไม่มี ยายทิ้งท้ายด้วยว่า ก่อนจะตาย ยายก็อยากได้บัตรประชาชนสักครั้งนะ แต่ไม่ได้ทำเพื่อยายหรอก ยายสงสารลูกสาว เพราะถ้ายายไม่ได้แล้ว ลูกสาวก็จะไม่ได้เหมือนกัน
กว่าจะได้บัตรประชาชนของตัวเองเป็นใบแรก ยายก็อายุย่างเก้าสิบปี เป็นเก้าสิบปีตามธรรมชาติโดยไม่อาจบิดพลิ้ว ราวกับไฟดับจู่ๆโลกก็พร่าเลือนเฉียบพลัน สองหูยังชัด คุณภาพของดวงตาอยู่ในฝั่งตรงข้าม
ปัจจุบันนี้ ครูบุ๋ม ได้พายายไปขอเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้าน ที่อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการสอบพยานบุคคลต่างๆเรียบร้อยแล้ว รอผลการอนุมัติต่อไป
..เอาใจ ..ช่วย..จ้ะ..ยาย...(ยายธี)