เผชิญสัตว์ร้าย (เล่าเรื่องเดินธุดงค์ ๓)


พอพูดถึงธุดงค์ หลายท่านคงเคยได้ยินได้อ่านตำนานพระธุดงค์มาบ้าง เช่นว่า ท่านต้องเผชิญสัตว์ร้ายนานาพันธุ์ เช่น เสือโคร่ง ช้างป่า งูยักษ์ เป็นต้น และส่วนใหญ่ก็รอดตายมาเล่าตำนานให้พวกเราฟังกันได้อย่างหวุดหวิดทั้งนั้น  (๕๕๕)

 

เราสององค์นี้ก็ชายชาติพระไม่แพ้ท่านอื่นๆหรอก เจอสัตว์ร้ายระหว่างเดินธุดงค์มานับไม่ถ้วน ถ้าไม่มีของดีจริงๆก็คงไม่รอดมาเล่าให้พวกท่านฟังได้หรอก

 

สัตว์ร้ายที่เราเจอบ่อยที่สุดก็คือ.............ท่านพญาดิ๊กกี้ด้อกกี้ที่อภิบาลหมู่บ้านอยู่นั่นปะไร....ทุกหมู่บ้านป่าที่เราย่างเท้าผ่านไปจะต้องเผชิญกับท่านผู้มีเล็บงาม (สุนัข) เหล่านี้อย่างโชกโชนที่สุด เพราะว่าบ้านในหมู่บ้านนอกแทบทุกหลังคาจะต้องมีหมาสองถึงสามตัว พอตัวหนึ่งเห่าและวิ่งไล่ตาม ไอ้ตัวอื่นๆก็ดูเหมือนจะพลอยสนุกสนานตามเพื่อนไปด้วย ที่นานๆจะได้มีโอกาสเจอของเล่นใหม่ๆแบบนี้สักที ก็เลยวิ่งตามกันเป็นฝูงเพื่อตามเห่าพระเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน ซึ่งก็มักตามมาด้วยเสียงไล่ด่าให้หยุดเห่าของเจ้าของหมา เพราะเจ้าของหมาคงจะนึกเกรงกลัวต่อบาปฐานที่ปล่อยให้หมาเห่าพระธุดงค์ที่เป็นทายาทธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาฯ

 

          ท่านผู้อ่านคงนึกว่าหมาไล่เห่าไม่เห็นจะน่าสะพรึงกลัวเหมือนกับการเผชิญเสือโคร่งยาวแปดศอกเลย แต่ว่าแท้จริงแล้วเผชิญหมาน่ากลัวกว่า เพราะนอกจากอาจจะโดนกัดเสียเลือดและเนื้อแล้ว ยังต้องเสีย”หน้า”อีกด้วย และการที่พระธุดงค์ต้องเสียหน้าด้วยการถูกหมากัดนั้นมันเป็นการหยามน้ำหน้าชายชาติพระเสียจริงๆ สู้ถูกเสือกัดตายในป่าลึกเสียยังดีกว่า เพราะไม่มีใครเห็น ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียหน้า

 

          เมื่อถูกหมารุมไล่เห่า การจะให้วิ่งหนีจีวรปลิวนั้น เมินเสียเถอะ พระธุดงค์จะต้องวางฟอร์ม..ทำทีเป็นไม่กลัว (ต้องทำใจดีสู้หมา ว่างั้นเถอะ) ทำเป็นเดินสำรวม..ก้มหน้างุดๆ แต่ปากน่ะสั่นเร่า...สวดมนต์ นะโม ตัสสะ  หรือ แผ่เมตตา อะไรก็ว่าไป เพื่อย้อมใจให้ลืมความกลัว และ..เผื่อฟลุคๆ...มนต์สวดอาจจะศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้คลาดแคล้วขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้ ใครจะไปรู้   แต่จนแล้วจนรอดก็คลาดแคล้วมาได้ทุกครั้ง..ทุกหมู่บ้าน...นับว่าเป็นเรื่องแปลกแท้ๆ

 

          มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีหมาเจ้ากรรมตัวหนึ่งมันมีความอดทนในการเห่าเป็นพิเศษ คือมันตามไล่เห่าตั้งแต่หัวบ้านยันท้ายบ้านนับเป็นเวลาอย่างน้อยก็ 10 นาที นับว่าแปลกแท้ๆ เพราะส่วนใหญ่หมามันจะไล่เห่าพอสนุกปากสักหนึ่งนาทีก็แยกย้ายกันไปประกอบภารกิจของพวกมันตามอัธยาศัยต่อไป หลวงพ่อเองก็สังเกตความผิดปกติจึงได้ปรารมภ์ว่า..สงสัยว่าชาติปางก่อนแต่สมัยพุทธกาลไอ้หมาตนนี้มันจะเป็นหมาของท่านเทวทัต ชาตินี้จึงได้ตามมาล้างแค้นลูกศิษย์ของตถาคตอย่างเราทั้งสองถึงเพียงนี้

         

มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะเดินเข้าไปสนทนากับพระรูปหนึ่งในวัดแห่งหนึ่งที่ธุดงค์ผ่านไป เพราะเห็นใครๆต่างกล่าวขานกันว่าท่านเป็นพระประหลาดที่ไม่ยอมคุยกับใครเลยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ท่านแยกกุฏิไปอยู่ที่ชายป่าคนเดียว ก็เลยอยากรู้จักคนที่เข้าข่ายบ้าเหมือนกันกะเรา.จึงเดินไปหาท่านที่กุฏิเพื่อหวังจะสนทนาด้วย

 

 พลันที่ไปถึง...หมาตัวดุของท่านก็วิ่งสุดฝีเท้ามาจากระยะไกลเข้ามาหาเพื่อจู่โจมโดยเร็วโดยไม่ปริปากเห่าสักคำ ไอ้เราชำเลืองตาเห็นอยู่ แต่ทำเป็นนิ่งวางฟอร์มพระธุดงค์ตามเคย คิดในใจว่าเราคงเสร็จแน่คราวนี้ แต่พอมันวิ่งมาถึงตัวเราพอห่างสักศอกเดียวมันก็เบรคพรืดเลี้ยวตัวหักข้อศอกออกไปดื้อๆยังงั้นเอง โหย..คิดแล้วยังเสียวน่องขาไม่หาย  มันคงจะเห็นว่าเราวางฟอร์มทำเป็นไม่สะทกสะท้านเลยถอดใจเอาดื้อๆ ที่แท้เราหวังว่าพระรูปนั้นจะออกปากห้ามมันทันการณ์เสียมากกว่าเลยไม่ได้เตรียมใจกลัวให้เท่าที่ควร   

 

จากนั้นพระท่านก็พูดกะเราว่า ” ท่านโชคดีมากนะ เพราะไอ้นี่มันกัดคนและพระมานักต่อนักแล้ว”

 

ว่าแล้วท่านก็หันหลังให้และทำธุรกิจของท่านต่อไปโดยไม่สนใจว่าใครมาหาอีกต่อไป  เราก็เลยกลับ

 

แต่เอ๊ะไหนว่าไม่พูดกะใครมาหลายปีแล้ว เออ...อย่างน้อยท่านก็พูดกะเราละวะ

 

ควายก็เป็นสัตว์ร้ายอีกชนิดหนึ่งที่ชอบวิ่งไล่ขวิดพระ...เข้าใจว่าเป็นเพราะสีของจีวรที่มันบาดตาควาย อาจเป็นเพราะจีวรมีสีคล้ายเสือลายพลาดกลอนที่เป็นศัตรูของควายนั่นเอง

 

...คนถางทาง

หมายเลขบันทึก: 484161เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2012 00:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 14:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

แหม.. พูดถึง "พญาดิ๊กกี้ด้อกกี้" อยู่ตั้งนาน

ไหง.. แว๊บมาจบที่ควายได้.. นะคะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท