เคยมีผู้ปกครองนักเรียนหรือคุณครูบางท่านถามผมบ่อยครั้งเกี่ยวกับการให้เด็ก
นักเรียนฝึกท่องจำแม่สูตรคูณให้ได้
หลายครั้งผมก็เคยอธิบายในแนวทางการสอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนฯ
แห่งนี้แนวทางกลุ่มสาระคณิตศาสตร์เราไม่อยากสอนให้เด็กนักเรียนเราเรียนแบบ
ท่องจำ เรามีเป้าหมายมุ้งเน้นการสอนเพื่อความเข้าใจมากกว่า..
นักเรียนบางบางคนท่องแม่สูตรคูณได้คล่องแคล่วทุกแม่
ท่องได้จากแม่ 2 ถึง แม่ 25 อย่างแม่นยำทุกครั้งที่ผมถาม
แต่บางครั้งผมถามการคูณแบบยังไม่ได้ตั้งตัว เช่น
“12X
13 มีค่าเท่าไรครับ?”
นักเรียนคนนั้นอาจจะต้องเริ่มจาก..
12X 1 = 12
12X 2 = 24
.
.
.
12X13 = 156
กว่าจะถึงที่มาของคำตอบ ต้องได้เริ่มนับ 1 ใหม่อีกครั้ง
แต่ถ้า
เป็นกรณีที่นักเรียนเข้าใจแล้ว
นักเรียนอาจจะเชื่อมโยงกันความรู้พื้นฐานที่เตรียมมา
รู้ค่าตำแหน่งของแต่ละจำนวนจากสื่อจริงที่เคยปฏิบัติมา เช่น จิ๋ว
แท่งสิบ แผ่นร้อย เป็นต้น เมื่อนักเรียนเห็นภาพของจำนวน+สื่อ
ในสมอง(Visualizations)
นักเรียนจะเข้าใจและสามารถอธิบายที่มาของคำตอบได้
อาจจะโดยไม่ต้องท่องแม่สูตรคูณเลย..
มีนักคณิตศาสตร์ระดับโลก
เอิร์นส
คุมเมอร์(Ernst
Kummer) เขา
เป็นนักพีชคณิตชาวเยอรมันผู้มีผลงานเป็นที่รู้จักในการพิสูจน์ทฤษฎีบท
สุดท้ายของแฟร์มาต์ก่อนช่วงยุคใหม่
เขาไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์ด้านการคำนวณเลยและเขามักจะขอให้นักเรียนศึกษาช่วย
คิดเลขให้เสมอเกือบทุกครั้ง..
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาต้องหาค่า 9 X 7 ว่ามีค่าเท่าไร??
“อืม..เก้าคูณเจ็ดเป็น...เก้าคูณ..เจ็ด..เป็น...”
ศ.คุมเมอร์ครุ่นคิดปัญหานี้
“61 ครับ”
นักศึกษาคนหนึ่งแนะให้และศ.คุมเมอร์ก็เขียนลงบนกระดานดำ
“ไม่ครับ ศาสตราจารย์!! มันต้องเป็น 67
ครับ” นักศึกษาอีกคนเอ่ยขึ้น
“ใจเย็นๆ หนุ่มๆ มันเป็นทั้งสองอย่างไม่ได้หรอก
มันต้องเป็นคำตอบใดคำตอบหนึ่งนี่แหละ”
ศ.คุมเมอร์กล่าว..
การที่นักเรียนท่องสูตรคูณได้อาจจะไม่เป็นเรื่องสำคัญเท่ากับความเข้าใจที่แท้
จริง ศ.คุมเมอร์ เป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์
ซึ่งเป็นวิชาที่มีความเกี่ยวข้องกับแม่สูตรคูณมากที่สุดในโลก
แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าค่าในชุดสูตรคูณนั้นคืออะไร??
ศ.คุมเมอร์ก็ยังคงเป็นนักคณิตศาสตร์บุคคลสำคัญของโลกได้..
เราอาจจะยึดติดกับการสอนในรูปแบบเดิมๆ ตามแนวหลักสูตรเดิมๆ
หลักสูตรที่สร้างคนเช่นเดิมๆ มาทุกปี ซึ่งใน 10
กว่าปีหลักสูตรจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นทีหนึ่ง
ในแต่ละครั้งที่เปลี่ยนแปลงก็ยังคงสร้างรูปแบบเดิมๆ
มาใช้อีกเช่นเดิม..
ในอนาคตที่เราที่ผู้คนไม่มีทางจะจินตนาการออก
เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบนโลกด้วยอัตราเร่ง
และจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราสร้างคนที่ยึดติดกรอบเดิมๆ
ผู้ที่ชนะคือคนที่เรียนรู้เก่ง
แต่ไม่นำพาความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษยชาติเราเท่า
ที่ควรแก่ความรู้ ถ้าคนเก่งคนนั้นใช้
ความรู้ในแนวทางที่ผิดกรอบและใช้ความเก่งในทางที่ผิดก็ยิ่งน่าละอายกว่าคน
ที่มีความรู้น้อยแต่เข้าสร้างคุณค่ามากมายทิ้งเอาไว้แก่โลกด้วยความสุจริตใจ...
อ่านเพิ่มเติม : http://krunongkala.blogspot.com/2010/07/blog-post_14.html