นับตั้งแต่เมื่อฉันสูญเสียพี่หัวหน้าที่เป็นเหมือนร่มไทรต้นใหญ่ให้พวกเราชาวER ไปเกือบปี สิ่งที่บอกกับตัวเองเสมอคือทำอย่างไรให้น้องๆอยู่ร่วมกันต่อไปอย่างมีความสุขท่ามกลางงานที่เหนื่อยและหนักและเมื่อเราเองก้าวผ่านเวลาของคำว่า"น้อง "มาเริ่มต้นกับการเป็น " พี่ " บทเรียนที่เคยได้บันทึกไว้เกี่ยวกับการเป็น Coach Give and Believe Care ของอาจารย์วรวุฒิ และ อาจารย์วิธานก็ถูกย้อนกลับไปอ่านอีกครั้ง
“ โค้ชบางทีเป็นแค่เพียงป้ายบอกว่าทางแยกข้างหน้าเขาจะต้องเจออะไรแต่สุดท้ายเขาจะเลือกเดินไปทางไหน เขาต้องเป็นคนเลือกเอง "
“ โค้ชแค่เป็นเพียงคนที่คอยหล่อเลี้ยงให้เขาเหล่านั้นสามารถดำรงอยู่หรือทำงานอยู่ต่อไปได้เท่านั้น "
“ เคยคิดบ้างไหมทำอย่างไรให้เขาเหล่านั้นขึ้นไปยืนอยู่อย่างสง่างามกว่าเรา "
“ วันนี้เราทำอะไรให้ใครเกิดแรงบันดาลใจ ทำให้ใครมีศักยภาพมากขึ้นหรือยัง " “ I be me หรือ I be you "
อาจารย์ วรวุฒิให้ถามตัวเองว่า " มีหลายครั้งใช่ไหมที่เรากลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้าโดยคิดเองว่าฉันเหนื่อยล้าเพราะว่าฉันต้องรับภาระเป็นผู้ดูแลเป็นผู้รักษา หรืองานนั้นเพราะฉันเป็นคนทำมันมันจึงยังอยู่ องค์กรคงไม่อยู่รอดพ้นมาได้ถ้าไม่มีฉัน หรือ เพราะสิ่งเหล่านั้นฉันเป็นผู้สร้างมัน ทุกวันนี้ เราสร้างคนให้อ่อนแอและรู้สึกต้องพึ่งพาเราตลอดเวลาใช่หรือไม่ เราเป็นผู้แก้ทุกปัญหาใช่หรือไม่ เราต้องทำทุกอย่างในงานนั้นใช่หรือไม่ ควรกลับไปคิดใหม่ว่าทำอย่างไรให้องค์กรหรือระบบหรือคนที่เหลือสามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งบนความสำเร็จต่อไปได้แม้ไม่มีเรา เรามีใครที่จะเป็นทายาทคนต่อไป? สำหรับคนที่อยู่รอบข้างเรากลับมาย้อนถามตัวเองว่าที่ผ่านมาเราเคยทำอะไรไปบ้างเพื่อคนเหล่านั้นบ้าง ใครเคยเป็นมือ เป็นสมอง เป็นกำลังใจ เป็นแม้ลมหายใจให้เราได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง คนที่เป็น winner มีอยู่ไม่กี่คนแต่คนที่เป็นตัวประกอบให้คนๆนั้นมีอยู่มากมาย เราเคยขอบคุณคนเหล่านั้นไหม ใครที่ทำให้เราสวยงามและเติบโตตั้งแต่เกิดมา เราอาจต้องใช้เวลามากมายที่เหลืออยู่เพื่อขอบคุณและตอบแทนคนเหล่านั้น "
ที่ผ่านมาฉันเองก็ได้รับแรงบันดาลใจในการทำงานที่ยิ่งใหญ่มาจากใครมากมายและก็เป็นโจกย์ที่ท้าทายว่าแล้วตัวฉันเองล่ะจะเป็นโค้ชที่ดีได้อย่างไร และฉันจะมีใครเป็นทายาท คนต่อไป
" สาวก Saluto "
ไม่มีความเห็น