ผู้เขียน : จำลอง ฝั่งชลจิตร
สำนักพิมพ์ : แมวบ้านสำนักพิมพ์
จำนวนหน้า : 176 หน้า
ราคา : 140 บาท
ระดับความชอบ : 10/10
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วร้องไห้ในหลายตอนเลยครับ เมื่อสัมผัสกับเรื่องการทำดีมักกลั้นน้ำตาไม่อยู่แบบนี้บ่อยๆ
เจอหนังสือเล่มนี้ในนิตยสารสีสัน อ่านบทวิจารณ์แล้วสนใจมาก เมื่อนักเขียนที่ผมชื่นชอบมากแต่งเรื่องจากชีวิตคนที่มีตัวตนจริง และเขาคนนั้นเป็นคนดีมาก
หนังสือเป็นหนึ่งในหกของโครงการที่มุ่งหวังให้นักเขียน 6 คนเขียนชีวิตของคนดีที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านเปลี่ยนความคิดมาทำความดี ให้ผู้อ่านเห็นว่าคนดีมีอยู่จริงบนผืนแผ่นดินนี้
สิทธาเศรษฐีเป็นเรื่องราวของเจ้าของห้างขายผ้าจิมมี่กลางเมืองนครศรีธรรมราช
เปิดเรื่องกับจบเรื่องเป็นฉากเดียวกัน เหมือนในหนังเลย
แล้วเรื่องราวของคุณจิมมี่ก็เริ่มเล่าให้ฟังมาเป็นลำดับตั้งแต่ต้นตระกูลว่าเดินทางมาจากอินเดียเข้ามาในเมืองไทยได้อย่างไร แล้วทำไมเดินทางมาทางใต้แทนที่จะเป็นกรุงเทพฯ การต่อสู้ของบรรพบุรุษของคุณจิมมี่
จนมาถึงตอนที่คุณจิมมี่เข้าโรงเรียนประถมและถอดถุงเท้าให้เพื่อนที่ยากจน มีถุงเท้าแค่คู่เดียว เมื่อคุณแม่รู้เพราะเห็นเด็กชายจิมมี่กลับมาไม่มีถุงเท้า คุณจิมมี่ก็เล่าความจริง คุณแม่ไม่ดุ แต่ชม แล้วสอนต่อว่า
"แต่เราก็ทำแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้นะ เพราะเราก็ไม่ได้ร่ำรวยมาก" เด็กชายจิมมี่เข้าใจและรับปาก
ฉากนี้ดีมาก คุณแม่เข้าใจลูก ไม่ดุ ทำให้ลูกกล้าพูดความจริง
ฉากท้ายๆ ตอนคุณแม่ใกล้จะสิ้นลม แม่พูดว่า "เป็นเศรษฐีเป็นยากนะลูก เป็นยากกว่าหมอหลายเท่า (คุณจิมมี่อยากเรียนหมอ) แม่ทราบตั้งแต่เห็นลูกเอาถุงเท้าให้เพื่อนแล้ว"
สุดยอดเลยครับคุณแม่ พ่อแม่ทั้งหลายเรียนรู้ไว้นะครับ ไม่ใช่เอะอะก็ด่า ก็ดุ หากวันนั้นคุณแม่ดุด่า ก็คงไม่มีคุณจิมมี่ในวันนี้
จนเข้าชั้นมัธยมคุณจิมมี่ต้องไปอยู่โรงเรียนประจำที่อินเดีย และที่นี่หล่อหลอมคุณจิมมี่จนเป็นคนแบบนี้
ลูกสาวคนโตของผมกำลังจะเข้าโรงเรียนประจำ ตั้งใจว่าจะเอาหนังสือเล่มนี้ไปขอลายเซ็นต์จากคุณจิมมี่ แล้วส่งต่อให้โรงเรียนของลูกให้ผู้บริหารของโรงเรียนอ่าน จะได้ดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนเพื่อทำให้เด็กออกมาเป็นคนดี
กิจกรรมชมรมเป็นส่วนหลักที่ทำให้เด็กรู้จักคิด ดำเนินชีวิตอยู่ได้
ลูกสาวโทรมาถามว่าอยู่ชมรมไหนดี ตอนพ่ออยู่ในโรงเรียนมีชมรมอะไรบ้าง เลยสาธยายไปหลายชมรมเลย แต่มานึกได้ว่าชอบชมรมอาสาพัฒนานะ แบบว่าเพื่อชีวิต เดี๋ยวไปบอกลูกดีกว่า
แต่กิจกรรมที่อยากให้ลูกได้ร่วมมากที่สุดคือทำละครเวที ว่ากันว่ากิจกรรมนี้จำลองการทำงานได้ดีทีเดียว
ต่อมาคุณจิมมี่กลับมาทำงานที่ร้านแทนที่จะเรียนหมอต่อ ตอนนี้แหละครับที่ทำดีจนเรียกเศรษฐีได้เต็มปาก
เศรษฐีต่างจากคนรวยอย่างไรครับ?
เศรษฐีคนนี้บริจาคเลือดครั้งแรก 2 แขน โดยโกนหนวดเคราออกเพื่อไม่ให้พยาบาลจำได้ และบริจาคมาอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐีคนนี้บริจาคอาหารกลางวันให้เด็กๆ ในหลายโรงเรียน จนเด็กๆ สวดมนต์ให้เขาที่ทำให้พวกเขาได้อิ่มท้องและเรียนหนังสือรู้เรื่อง
เศรษฐีคนนี้ช่วยค่ารักษาพยาบาลกับคุณแม่ที่มาเฝ้าลูกในวันที่หลานคลอด โดยไม่ได้รู้จักกัน หลายเดือนต่อมาคุณแม่คนนั้นเอากุ้งมาฝากลังโตด้วยความสำนึกบุญคุณ
เศรษฐีคนนี้วิ่งลงไปแบกกระสอบข้าวสารลงจากรถเพื่อให้ได้นำไปแจกจ่ายชาวบ้านที่น้ำท่วม จนกระดูกเคลื่อน
เศรษฐีคนนี้รับพนักงานด้วย 2 คำถาม คือ พ่อแม่นอนกี่โมง? และ พ่อแม่ชอบทานอะไร?
เศรษฐีคนนี้...สิทธาเศรษฐี
พระพุทธเจ้ามักเดินทางไปพบเศรษฐีเพราะเขาเป็นคนดี
หากคนรวยคนไหนไม่ดีก็จะพยายามเทศนาให้ทำความดี
เศรษฐีไม่จำเป็นต้องร่ำรวย เหมือนที่คุณจิมมี่บอกกับแมน ผู้เป็นลูกน้องว่า "เราทุกคนเป็นเศรษฐีได้นะแมน" หลังจากไปบริจาคเลือดครั้งที่ 2 ด้วยใบหน้าไร้หนวดเครา
ไม่ยากที่จะเป็นเศรษฐี แค่ทำความดีอย่างสม่ำเสมอ
วันนี้คุณเป็นเศรษฐีหรือยังครับ?
มีความสุขนะครับท่านเศรษฐีทั้งหลาย
หนังสือเล่มนี้ เป็นเล่มที่สองที่ทำให้ผมรู้จักคำว่าเศรษฐีมากขึ้น ต่อจากหนังสือ "อยู่ทุกที่ก็มีสุข" ครับ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/470837 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ