เพื่อนตายหาง่าย เพื่อนกินหายาก


เพื่อนตายหาง่าย เพื่อนกินหายาก

                                  เพื่อน ตายหาง่าย  เพื่อนกินหายาก

             หลายคนนับวันเกษียณอายุราชการ บางคนบอกไม่ไหวแล้วมีเออร์รี่รอบสองปีนี้ เอาแน่ ฉันไปแน่  เบื่อระบบ เบื่อหลายอย่างออกไปทำงานอย่างอื่นดีกว่า  บางคนที่ลูกโตหน่อยมีหลานก็ออกไปเลี้ยงหลาน   ครูหลายคนที่มีวัยเป็นไม้ใกล้ฝั่ง  เริ่มมีเพื่อนตายมากขึ้น(ไปงานศพ ไปเผาศพเพื่อนที่ตายไงละ)  แต่เพื่อนกินเริ่มหายาก เพราะเพื่อนดันตายเกือบหมด  ใครอยากจะมากินกับคนแก่จริงไหม  ไม่เชื่อก็ลองดู  ยกเว้นชายหรือหญิงแก่ที่เด็กๆชอบเงิน  ประเภทพวกหวังรวยทางลัด  เดี๋ยวไอ้แก่หรืออีแก่ก็ตาย สมบัติจะไปไหนจริงไหม  อ้าวๆๆอย่าหาว่าดิฉันเขียนด่าใครนะ  พูดให้ฟังเตือนสติ พวกที่ไม่ยอมแก่ตามวัย   คอยจะทำตัวเป็นเฮียหลี  หรือเจ้หงี่  ให้เด็กๆมันหลอกเงินใช้ ไม่ได้อิจฉาแต่บอกให้ระวังเดี๋ยวจะหมดตัวก่อนตาย  หรือตายคาอก     ดิฉันเองอายุก็ขึ้นต้นเลขห้ามาครึ่งทางแล้ว  เผอิญแต่งงานช้ามีลูกช้าตอนนี้ลูกเลยยังเรียนไม่จบ    เห็นเด็กๆเดี๋ยวนี้แล้วทำให้นึกถึงคำพูดของแม่ว่า สมัยก่อน จบปอสี่ บางคนจบออกมาก็แต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่อายุแค่สิบสี่สิบห้า  เหมือนเด็กเดี๋ยวนี้ก็มีเยอะประเภทมอหนึ่งมอสองนี่แหละตัวดี  ระรี้ระริก เป็นปลากระดี่ได้น้ำ  ไม่ทันเรียนจบก็ไปมัดข้อมือกันแล้ว  สมัยก่อนบางคนจบแล้วอ่านออกเขียนได้อย่างแม่ดิฉันนี้เวลาคิดเลขเป๊ะเลยไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลข  นี่ถือว่าเป็นผลของการศึกษาสมัยก่อน ท่องจำไงละ  สูตรคูณนี่แหละ  แม่ยังเล่าว่าแม่เรียนเก่ง โรงเรียนให้แม่ไปเป็นครู สอนหนังสือ เงินเดือน 4 บาท   แต่เตี่ยของแม่บอกว่าอีหนูมึงขายของได้วันละ 12 บาท  จะไปเป็นครูทำไม ?  แม่ก็เลยเป็นแม่ค้ามาตั้งแต่ดิฉันจำความได้   ส่วนดิฉันเองก็งง? ตนเองเหมือนกันว่ามาเป็นครูได้ไง  ตอนแรกจบมอสามเกรดเฉลี่ยสามกว่าได้รับคัดเลือกเรียนต่อมอปลายโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี   แต่ความที่ครูแนะแนว พ่อแม่ยุคนั้นไม่ได้เข้ามามีบทบาท  ลูกอย่างดิฉันก็เฮ..ตามเพื่อนไปสอบวิทยาลัยครู    จนมาเป็นครูทุกวันนี้ 

                จำได้ว่าดิฉันไม่เคยเรียนคอมพิวเตอร์อย่างเป็นทางการเลย  รู้แต่ว่าถามคนโน้นทีคนนั้นที  ลองผิดลองถูกบ่อยๆเข้าก็เลยพอได้   ยิ่งช่วงทำผลงาน พิมพ์เอง ปริ้นเอง ก็เลยยิ่งชำนาญเพิ่มขึ้น   ทุกวันนี้มีเวลาก็เรียนรู้เทคนิคเทคโนโลยีเพื่อให้ทันโลกไอที  ให้ทันเด็กรุ่นลูก รุ่นหลาน  ไม่อายที่จะถาม  เพราะวัยเด็กที่สอนมอสามสี่ห้าหก   เป็นวัยที่ต้องทันเกมเด็กๆ  หากมัวชักช้าอืดอาดไม่ทันใจเด็ก เด็กก็ไม่ชอบ   ทุกวันนี้ก็ยังสนุกกับกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันกับเด็ก  ขนาดมีความคิดว่าหากเกษียณก่อนสามีสองปีจะไปช่วยสอนที่โรงเรียนให้ฟรีอีกสองปีเพื่อจะได้มาอยู่โยงเฝ้าบ้านพร้อมกัน (สามีเกิดทีหลังสองปี มารู้ก็ถอนตัวไม่ทันเสียแล้ว  ไม่ได้หลอกเด็กนะ)

              ดิฉันเคยได้ฟังมาว่าการที่เราทำงานอยากให้สนุก เราต้องสนุกกับงาน  งานที่เราทำจึงจะไม่น่าเบื่อ  คงจะเป็นเช่นนั้นกระมังทุกวันนี้ดิฉันก็ยังสนุกกับงานอยู่   ยังอยากทำตัวให้มีประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ไม่อยากเป็นคนไร้ค่า 

              จึงฝากให้คิด สุขทุกข์อยู่ที่ใจ “อยู่ที่ไหนหากใจเป็นทุกข์  ก็เป็นทุกข์  แต่ถ้าใจสนุก อยู่ที่ไหนก็สนุกเช่นกัน”

หมายเลขบันทึก: 481196เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2012 21:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

กิ่งไผ่จำกลอนบทนี้จนขึ้นใจค่ะ

.....ทุกข์ สุข อยู่ที่ใจมิใช่หรือ

ถ้าใจถือ ก็เป็นทุกข์ ไม่สุกใส

ถ้าไม่ถือ ก็มีสุข ไม่ทุกข์ใจ

เราอยากได้ความทุกข์ หรือสุขเอย.....

ขอบคุณคุณกิ่งไผ่และคุณโสภณ ที่ให้กำลังใจและมาแชร์ความคิดกัน มนุษย์เงินเดือนหลายคนอยู่ที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน อยากให้สุขก็ต้องทำตนให้เหมือนเราทำงานที่บ้านเราเอง ทำงานของเราเอง หากกิจการที่เราทำเจริญ ก็เป็นผลพลอยได้เป็นหน้าเป็นตาแถมได้เงินโบนัสเพิ่มอีก อย่าสักแต่ว่าทำไปให้พ้นๆ เหมือนไม่รักหม้อข้าวตัวเองจริงไหมคุณ

รุจิรา เหลี่ยมเพชร

สวัสดีค่ะคุณครู ดิฉันอ่านบทความนิทานเรื่องไอ้ชาติคนของคุณครูแล้วรู้สึกชอบ ดิฉันจึงขออนุญาตินำนิทานของคุณครูออกอากาศในรายการวิทยุของดิฉันนะค่ะ เพื่อเป็นคติสอนใจคน พอดีเป็นวิทยุคลื่นธรรมะนะค่ะ

ดีค่ะ อะไรที่ทำให้คนมีสติได้คิดทำไปเถอะค่ะเป็นบุญต่อผู้ให้และผู้รับ ดิฉันเองก็อ่านหรือพบเห็นอะไรดีๆก็อยากเอามาฝากให้ทุกคนได้รับร่วมกัน โมทนาบุญด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท