หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๒๕๐.การเผาทำลายป่...
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
พระครูโสภณปริยัติสุธี, รศ.ดร. ถิรธมฺโม
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
๒๕๐.การเผาทำลายป่าเท่ากับการปล้นและฆ่าเจ้าของทรัพย์
สาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม โดยมากล้วนแล้วมาจากคำว่า "ผลประโยชน์" ดังนั้นผลประโยชน์ในที่นี้ ก็ต้องมีมูลค่า และมูลค่านี้เป็นทรัพย์สินได้หรือไม่? นี้คือการ "ทุจริต" (ทุ แปลว่า ชั่ว ยาก ลำบาก)+ (จริต ประพฤติ) จึงรวมความว่า ประพฤติไม่ค่อยเจริญสักเท่าไหร่
จากกรณีเกิดควันไฟปกคลุมจังหวัดทางภาคเหนือตอนบนอยู่ในขณะนี้ จากการรายงานของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า
จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง และพะเยา ถือว่าสาหัสมาก
(ลำดับขึ้นลงตามเหตุปัจจัย) หากใครขึ้นมาทางเหนือช่วงนี้มักมีอาการน้ำตาไหล แสบตา แสบจมูก เนื่องจากกลุ่มควันที่เกินความพอดีของมาตรฐานนั้นเอง
ยิ่งใครมีสุขภาพไม่ดี ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ฝุ่นละอองเล่านี้สามารถทำให้คนในท้องถิ่นป่วยมากกว่า ๑,๐๐๐ รายในแต่ละปี
จากการศึกษาของมูลนิธิของคุณหมอเสม พริ้งพวงแก้ว ทำให้เห็นถึงสาเหตุและความเสียหายนี้มากมายอยู่ไม่ใช่น้อยๆ
แม้ทางราชการจะพยายามเฝ้าระวังอยู่... อย่างไรก็ตาม แต่เหตุผลของการเผาทำลายป่าก็มักมีสารพัดประเด็นปัญหา
ประการที่หนึ่งมักอ้างเรื่องวัฒนธรรมในการเผา ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้เสียซึ่งเหตุผลโดยประการทั้งปวง
ผู้เขียนเห็นว่า
"วัฒนธรรม" มาจากคำว่า "วัฒนะ" ซึ่งแปลว่า ก้าวหน้า/เจริญ +คำว่า "ธรรม" ที่แปลว่า บ่อเกิดแห่งคุณความดี/ธรรมชาติ
เมื่อรวมกันแล้วจะให้ความหมายโดยตัวของมันเองว่า บ่อเกิดแห่งคุณงามความดีหรือธรรมชาติที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างก้าวหน้า
ดังนั้น การอ้างวัฒนธรรมเดิมนั้นผิด โดยมีความผิดพลาดอยู่ ๒
ประการคือ
ผิดข้อเท็จจริง
ในเรื่องของวิธีที่คนโบราณดำรงอยู่ เนื่องจากกาละ(ช่วงเวลา) และเทศะ(สถานที่) มันเปลี่ยนไปแล้ว หมายถึงคนอ้างกำลังกล่าวโทษปู่ย่าตายายว่าทำผิดพลาดมาก่อน แต่ความจริงบรรพบุรุษของเราท่านฉลาดในการรับรู้คือมีทั้งกาละและเทศะ
ผิดข้อที่สอง คือ
ผิดในเรื่องของศีลธรรม
หากสังเกตุให้ดี ผู้กระทำผิดได้ละเมิดข้อกฏหมายอย่างชัดแจ้งในเรื่องการปล่อยมลพิษ คือการทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม
แต่ผลของมันถึงกลับทำให้คนล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเป็น ๑,๐๐๐ ชีวิต นี้ไม่ธรรมดา ซึ่งเทียบค่าแล้วก็เท่ากับผิดศีลข้อที่ ๑ คือการยังชีวิตสัตว์มนุษย์ให้ตกล่วงไป
แม้ตายหรือไม่ ศีลนั้นครบองค์ประกอบ ๔-๕ องค์ประกอบหรือไม่? ก็มีความผิดในประเด็นนี้
แต่ที่ผู้เขียนต้องการเขียนในที่นี้คือความผิดในศีลข้อที่ ๒ ด้วย กล่าวคือ ประเด็นการจุดเผาทำลายป่าในแง่ที่ว่า
๑.ต้องการพื้นที่ป่า คือทำลายเพื่อผลประโยชน์ในพื้นที่(ของนายทุนใหญ่)
๒.ต้องการเผาเศษวัชพืชเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตร (ของเกษตรกร)
๓.ต้องการแค่ให้ผักหวานแตกยอด เห็ดเผาะออกได้ดี (ของชาวบ้าน)
๔.ประเทศในแถบภูมิภาคอินโดจีน (คงเป็นกรณีเช่นเดียวกับไทย คือเกิดจากนายทุน-เกษตรกร-ชาวบ้าน ผสมกัน)
๕.สภาพภูมิประเทศของจังหวัดเหล่านี้ล้อมรอบด้วยภูเขา ทำให้การถ่ายเทของควันไฟ มีน้อย และ
๖.อื่น ๆ
สาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม โดยมากล้วนแล้วมาจากคำว่า
"ผลประโยชน์"
ดังนั้นผลประโยชน์ในที่นี้
ก็ต้องมีมูลค่า และมูลค่านี้เป็นทรัพย์สินได้หรือไม่?
นี้คือการ
"ทุจริต"
(ทุ แปลว่า ชั่ว ยาก ลำบาก)+ (จริต ประพฤติ) จึงรวมความว่า ประพฤติไม่ค่อยเจริญสักเท่าไหร่
ประเด็นนี้หมายความว่ากลุ่มชนเหล่านี้ ได้ปล้นหรือเบียดบังเอาทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของส่วนรวมไปแล้ว ยังไม่พอยังทำร้ายเจ้าทุกข์ด้วย คือก่อมลพิษไปทำร้ายผู้อื่นทำให้เจ็บป่วย เสียสุขภาพ เสียทรัพย์ และเสียเวลา
ดังนั้น ผู้ที่จงใจเผาลำลายป่าในช่วงนี้ จึงเป็นผู้ผิดทั้งในแง่กฏหมาย และผิดในแง่ศีลธรรม ทั้งที่รู้และไม่รู้ก็ตาม
ทางหนึ่งที่ต้องใส่ใจคือ การที่รัฐต้องประสานงานกับท้องถิ่น (อบต.เทศบาล)และท้องที่ (ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน) โดยให้แต่ละหน่วยงานไปตกลงทำความเข้าใจทั้งในเชิงกฏหมาย และเชิงศีลธรรม ให้กับชาวบ้านเพื่อหาทางออกร่วมกัน
อย่าปล่อยให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเป็นปีต่อปี ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนอยู่เหมือนเดิม หรือมองประเด็นดังกล่าวเป็นแค่เพียงไม่กี่จังหวัดในภาคเหนือตอนบน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว
ผู้เขียนใคร่ชวนท่านผู้อ่านคิดต่อไปอีกว่า เหตุการณ์เผาป่านี้แหละ เป็นหนึ่งในสาเหตุของน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา
ก็ล้วนแล้วแต่สืบเนื่องมาจากต้นไม้ถูกกำจัด จึงไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ บึง-หนอง-คลองต่างก็ตื้นเขิน ก็ล้วนมาจากฝุ่นละอองและการพังทลายของหน้าดิน
เห็นหรือไม่ว่า สิ่งเล็ก ๆ สิ่งหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วมันโยงใย เกี่ยวเนื่อง พันกันไปหมด ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่า "ระบบนิเวศวิทยา" มันเสื่อมไป
แต่ต้องให้เป็นการแก้ไขในระยะยาวให้ได้ จงร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันเข้าใจ แล้วคนไทยจะรักกัน
เขียนใน
GotoKnow
โดย
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
ใน
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเมืองพะเยา : พุทธศาสนาเชิงรุก
คำสำคัญ (Tags):
#ท้องถิ่น
#ประเพณี
#ปัญญาเพื่อสังคม
#พระครูโสภณปริยัติสุธี
#มหาจุฬาฯ
#มหาศรีบรรดร
#วรรณกรรม
#วัฒนธรรมล้านนา
#ศิลปวัฒนธรรม
#เมืองพะเยา
#ไชยะวุฑฒิกุล
หมายเลขบันทึก: 481144
เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2012 12:35 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 10:34 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๒๕๐.การเผาทำลายป่...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท