พุทธพาณิชย์ (เสียกรุงครั้งที่ ๓/๖)


องค์ดาไลลามะซึ่งเป็นสังฆราชแห่งพุทธศาสนานิกายวัชรยานของชนชาติธิเบต เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมศาสนาแห่งจิตวิญญาณของเรา ก็ยังไม่ยอมให้เข้ามาเมืองไทย

การดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยเรา ก็ดูเหมือนว่าตามแต่จะได้รับใบสั่งจากอภิมหาอำนาจที่เรายอมศิโรราบ (อีแร้งแก่)  ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง

 

..แม้ว่ามีพลเมืองมากเป็นลำดับต้นๆของโลก ในขณะที่ประเทศนอร์เวย์มีคนเพียง 5 ล้าน เขายังกล้าค้านอเมริกา และจีน ในประเด็นสำคัญๆ ทั้งที่การค้าและเศรษฐกิจอันน้อยนิดของเขาต้องพึ่งสองประเทศนี้มาก

 

...เมื่อไรไทยเราจะรู้จักมีศักดิ์ศรีของการเป็นประเทศเอกราชที่มีพลเมืองมากบ้างหนอ

 

                องค์ดาไลลามะซึ่งเป็นสังฆราชแห่งพุทธศาสนานิกายวัชรยานของชนชาติธิเบต เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมศาสนาแห่งจิตวิญญาณของเรา ก็ยังไม่ยอมให้เข้ามาเมืองไทย เพราะเกรงกลัวจีน(ชาติที่ทำลายศาสนาพุทธย่อยยับ) จะประท้วงไม่ทำการค้าด้วย

 

บัดนี้คนไทยเราเมามึนเงินตราอย่างหนักจนถึงกับใช้การค้านำหน้าจิตวิญญาณไปแล้ว พอพระเล็กๆ ขายใบใบ้หวย ดูดวง  ก็โจมตีกันเหลือเกินว่าเป็น “พุทธพาณิชย์” ..โถ จะไม่ให้ท่านเพี้ยนเป็นไปแบบนั้นได้ไง ก็ท่านจบเพียงป.สี่ป.หก วิสัยทัศน์แค่นั้น และที่มาบวชก็เพื่อได้มีกินมีใช้พอประทังชีวิต 

 

และที่ต้องทำแบบนั้น ลึกๆ แล้วก็เนื่องเพราะพวก ฯพณฯ ท่านบริหารประเทศได้แสนห่วย ที่มีช่องว่างทางเศรษฐกิจแสนกว้าง ที่ตระกูลพวกท่านรวยๆรวยเอา แต่คนชั้นล่างเป็นได้อย่างมากก็แค่ขี้ข้าคนต่างชาติ (ที่พวกท่านชักนำเข้ามาเป็นนายคนไทย)  การมาบวชแล้วทำ "พุทธพาณิชย์" จึงเพียงปลายเหตุเพื่อเอาตัวรอดทางปากท้องระดับพื้นฐานเท่านั้นเอง

 

แล้วพวกท่านทั้งหลายที่วางนโยบายต่างประเทศ ทั้งการทูต การค้า มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ล้วนมีพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย  ต่างก็จบปริญญาเอกกันเป็นเทือก  แล้งยังคิดกันได้แต่เชิง “พาณิชย์”  เพียงแค่นี้หรือ  ...ที่อึกอักอะไรก็จะทำให้ “แข่งขัน” กับต่างชาติได้  โดยควรมีสมองคิดสักหน่อยว่า จะแข่งไปหาหอกอะไรล่ะพ่อคุณ แข่งกันไปลงนรกอย่างนั้นหรือ ???

 

พอคิดอะไรไม่ออก เพราะสมองมันอุดตันด้วยกำลังเงิน ก็คิดกันง่ายๆ แบบสะเพร่า แบบพวกเมืองขึ้นที่เมายา (โล “ภา” ภิวัฒน์) ที่ถูกฝรั่งมันมอมเมา  ก็เลยยกให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำประเทศหมดแบบเมาๆ ... ตั้งแต่การค้า อุตสาหกรรม ธนาคาร ดนตรี วัฒนธรรม ไปจนถึงการเรียนการสอน ตั้งแต่อนุบาลยันปริญญาเอก

 

แบบนี้เรียกว่าเสียกรุงครั้งที่ ๓ คงยังน้อยไป เพราะดังที่บอกแล้วว่าในอดีตเราเสียกรุงให้พม่า แต่เพียงการเมืองในพื้นที่จำกัดเท่านั้น แต่วันนี้เราเสียหมดในทุกมิติและในพื้นที่ทั่วประเทศ

 

...คนถางทาง (๓ มีค ๒๕๕๕)

หมายเลขบันทึก: 480841เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2012 14:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

และในมุมอาชีพใช้แรงงาน พม่าก็เข้ายึดประเทศไทยเรียบร้อยแล้วครับ ผมไม่ทราบว่าจังหวัดอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง แต่ตึกใหญ่ๆ ในหาดใหญ่ใช้แรงงานพม่าเกือบ 100% ครับ

ท่านธวัชชัย ครับ ผมว่ามันเกิดมาจากกานสมยอม ของนักการเมือง ตำรวจ พ่อค้า ที่ วิน วิน วิน กันหมด

จากนั้นนักการเมืองก็ไปส่งเสริมให้คนไทยไปหากินเป็นขี้ข้าต่างชาติ เช่น ซาอุ สิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน (ผ่านการส่งเสิรมการเรียนภาษาอังกฤษ..จะได้ไป "รับคำสั่ง" พวกเขาให้รู้เรื่อง)

อีกหน่อยคงต้องไปเป็นขี้ข้าเพื่อนบ้านรอบๆ ริมประเทศกันบ้างแหละ..ผมว่า อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท