AIDS


ถ้าเกิดปัญหาคนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ที่ติดเชื้อ HIV เราควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องของโรคนี้ เพื่อให้เค้ารู้จักวิธีป้องกันตนเอง รู้ทักษะลดความเสี่ยง ไม่รังเกียจ มีทัศนคติที่ดีขึ้น และกล้าเข้าใกล้คนที่ติดเชื้อ HIV

คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจเกี่ยวกับคนที่ติดเชื้อ HIV อย่างผิดๆ โดยคนที่ติดเชื้อ HIV นั้นสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมและครอบครัวได้  สามารถทำงานได้เหมือนคนทั่วไป ไม่ต้องแยกห้องนอน  ห้องน้ำ  อุปกรณ์ของใช้ต่างๆหรือห้องทำงาน  เพราะเชื้อ HIV  ไม่ได้ติดต่อกันทางการสัมผัส  การกอดจูบ  การรับประทานอาหาร(แต่ถ้ามีแผลภายในช่องปาก  หรือทางเข้าของเชื้อไวรัส  ก็อาจไม่ปลอดภัย 100%)  

AIDS (Acquired  Immune  Deficiency  Syndrome) คือโรคกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง  เกิดจากเชื้อไวรัส HIV เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปทำลายเม็ดเลือดขาว ชนิด  CD4  T  Lymphocyte  และ  Monocyte   ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อมลง  เป็นผลทำให้เป็นโรคติดเชื้อต่างๆ (มักเรียกว่าโรคติดเชื้อฉวยโอกาส)  หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ  อาการมักรุนแรง  เรื้อรัง  และเสียชีวิตในที่สุด  เชื้อ HIV  เป็นไวรัสในกลุ่มที่ขึ้นชื่อในด้านการมีระยะแฝง  ทำให้มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือดนาน  การติดเชื้อในระบบประสาท  และการทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้ออ่อนแอลง

สาเหตุ
1.การมีเพศสัมพันธ์
2.การรับเลือดและองค์ประกอบของเลือด
3.การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาเสพติดร่วมกัน
4.จากมารดาสู่ทารก

อาการ

  1. ระยะติดเชื้อ HIV  ไม่มีอาการ ไม่จัดเป็นโรคเอดส์ 
    •  ต่อมน้ำเหลืองโต
  2. ระยะที่ 2
    •  น้ำหนักลดลง 10%
    •  มีการติดเชื้อทางเดินหายใจซ้ำๆ
    •  งูสวัด ปากนกกระจอก 
    •  แผลในปากเป็นซ้ำ
    •  ผื่นที่ผิวหนัง เชื้อราที่เล็บ 
  3. ระยะที่ 3
    •  น้ำหนักลดลง > 10%
    •  เป็นวัณโรคปอด
    •  ท้องร่วง/ ไข้เรื้อรังนานกว่า 1 เดือน
    •  เชื้อรา  หรือมะเร็งในช่องปาก
    •  ติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรง
  4. ระยะที่ 4
    •  ปอดบวมรุนแรงซ้ำ
    •  มะเร็งต่อมน้ำเหลือง / ปากมดลูก
    •  การติดเชื้อราในหลอดอาหาร หลอดลมหรือปอด

การรักษา
•  ยาต้านหรือยับยั้งไวรัส
•  รักษาและป้องกันอาการโรคแทรกซ้อน

การป้องกัน
•  ตรวจเลือด  หลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยง  (ควรจะหลังจาก6สัปดาห์ขึ้นไป)
•  มีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม
•  ระมัดระวังเรื่องการใช้เข็มร่วมกัน  เช่นหลีกเลี่ยงการสัก เจาะร่างกาย
•  ก่อนแต่งงาน  มีลูก  ควรตรวจเลือดทุกครั้ง

กรอบอ้างอิงทางกิจกรรมบำบัดกับโรคเอดส์
P (Person) : ประเมินสภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงโรคแทรกซ้อนต่างๆ
E (Environment) : ประเมินสิ่งแวดล้อม สถาพครอบครัว บุคคลรอบข้างมีการให้กำลังใจ และปฏิสัมพันธ์กับคนที่ติดเชื้อ HIV  ถ้าเกิดปัญหาคนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ เราควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องของโรคนี้ เพื่อให้เค้ารู้จักวิธีป้องกันตนเอง รู้ทักษะลดความเสี่ยง  ไม่รังเกียจ  มีทัศนคติที่ดีขึ้น และกล้าเข้าใกล้คนที่ติดเชื้อ HIV
O (Occupation) : ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตต่างๆ  ส่วนใหญ่ถ้าโรคยังไม่แสดงอาการในรูปของอาการเจ็บป่วย  และภาวะสุขภาพ  ก็มักเป็นที่จิตใจ  เราควรวางแผนเป็นเป้าหมายระยะสั้น  และระยะยาว
P (Performance) : เกิดเป้าหมายและทักษะความสามารถที่จะทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น  เกิด well-being  และ quality of life  ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อ HIV สามารถยืดเวลาใช้ชีวิตช่วงที่เหลืออยู่ได้นานขึ้น

บทบาทของนักกิจกรรมบำบัด
•  ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเอดส์แก่ผู้ที่ติดเชื้อ ครอบครัวและบุคคลรอบข้าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และส่งเสริมให้บุคคลรอบข้างรู้จักวิธีป้องกันตนเอง
•  ส่งเสริมการทำกิจกรรมของผู้ที่ติดเชื้อ HIV  ให้เค้าสามารถทำงานต่างๆได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเองขึ้น(Self- esteem) 
•  ดูความเหมาะสมและปรับเรื่องการทำกิจวัตรประจำวัน รวมถึงการใช้ของต่างๆ รวมกัน ภายในบ้าน เช่นแก้วน้ำ ช้อนส้อม 
•  ดัดแปลงสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อ HIV 
 
หมายเลขบันทึก: 480066เขียนเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2012 20:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2012 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท