จากดอนเมือง..ถึงสุวรรณภูมิ (ตลกระดับชาติ ๑)


โฆษณาแหกตากันเข้าไปว่า สนามบินแห่งใหม่นี้จะทำให้เราร่ำรวยกันอักโขจากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รัฐบาลไทยเราในยุคหนึ่ง (ที่นำโดยนัก”เลืองตังค์”) ทำหน้าที่ขมักเขม้นหนักหนาในการย้ายสนามบินแห่งชาติจาก ดอนเมือง ไปยัง หนองงูเห่า แต่กระแดะเรียกกันโก้หรูเป็นภาษาที่ดูถูกภาษาไทยว่า “สุวรรณภูมิ”

 

สังเกตว่าคนไทยไหลลงได้ปลื้มกับสนามบินสุวรรณภูมิมาก เห็นประโคมข่าวโฆษณาหน้าจอกันหนักหน่วงมาเป็นแรมปี และในช่วงเปิดตัวนี้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องทำข่าวกันอย่างดุเดือดจนน่าทำเป็นข่าวโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไปเสียเลย..เพื่อประหยัดงบประมาณ

 

ผมว่าประโยชน์ต่อคนไทยโดยตรงในด้านคมนาคมยังน้อยกว่าสถานีขนส่งหมอชิต หรือ ท่าเรือข้ามฟากท่าช้าง-ศิริราชเสียอีก เพราะแต่ละวันน่าจะมีคนไทยระดับรากหญ้าไปใช้บริการคมนาคมมากกว่าสุวรรณภูมินับพันเท่า (พวกนี้คะแนนเสียงหนึ่งเสียงเท่ากับพวกไปใช้บริการสุวรรณภูมิเลยนะท่านสส.ที่เคารพ...นึกกันไม่ออกเลยหรือ หรือว่า มีวาระซ่อนเร้นอะไรที่สวภ.. ฮั่นแน่ะ ...รู้ทันนะสิบ่อกให่)

 

ก็น่าเห็นใจคนไทยเรานะครับ ชาติทั้งชาติมีคนตั้ง 60 กว่าล้านคน พอๆกับเยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส แต่ไม่ค่อยมีการคิดค้นสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมระดับโลกอะไรให้พอภูมิใจกะเขาได้บ้างเลย (นอกจากการทำบะหมี่ยักษ์ พิซซ่ายักษ์ไปลงกินเนสบุค) ดังนั้นจึงต้องหันมาภูมิใจกับลานปูนยักษ์ที่เอาไว้ให้เครื่องบินของนักท่องเที่ยวฝรั่งมาลง ทั้งที่การออกแบบก่อสร้างก็โดยฝรั่งทั้งนั้น

 

โฆษณาแหกตากันเข้าไปว่า สนามบินแห่งใหม่นี้จะทำให้เราร่ำรวยกันอักโขจากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ (90%) ในการท่องเที่ยวคือ ค่าเครื่องบิน โรงแรม  อาหาร และเดินทางในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของสายการบินต่างชาติ  โรงแรมต่างชาติ ร้านอาหารต่างชาติ และบริษัททัวร์ต่างชาติอีกนั่นแหละ   ซึ่งที่เป็นดังนี้ก็เพราะนโยบาย”เปิดเสรี” เพื่อเป็น “สมาชิก global village” ตามที่โง่ถูกฝรั่งมันแหกตาเอานั่นแหละ

 

รายได้ส่วนใหญ่ที่คนไทยได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติคือ ของจิ๊บจ้อย เช่น ขายฝาหอย กะลามะพร้าว (ราคา ๒๐ บาท)  ค่านวดฝ่าเท้าริมหาด (โห...ชม.ละ ๒๐๐ เชียวนะ)  ค่าทิปบ๋อยยกกระเป๋าขึ้นห้องพักโรงแรมห้าดาว (ซึ่ง รร. พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจของฝรั่งทั้งนั้น)

 

สาธุชนผู้มีปัญญา ลองคิดดูสิว่า..เงินรายได้เล็กน้อยจากการนวดฝ่าเท้าริมหาด ยกกระเป๋า (และเมียเช่า) เหล่านี้ จะคุ้มกับเงินลงทุนสร้างลานปูนยักษ์แห่งใหม่ที่มาจากภาษีของเราหรือไม่

 

ถ้าเอาเงินมหาศาลนี้ไปฝากกินดอกกับธนาคารต่างชาติที่กุมอำนาจการธนาคารของเราหมดแล้วจะเกิดรายได้มากกว่านี้หรือไม่

 

ความจริงแล้วก่อนสร้าง น่าจะมีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนว่ามีนักท่องเที่ยวกี่ % ที่แท้จริงแล้วต้องการไปเชียงราย เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ถ้ามีมากพอก็ให้บินตรงไปยังท้องถิ่นเลย ก็จะลดจำนวนที่ดอนเมืองลงได้มาก จนอาจไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่

 

การบินตรงนี้เป็นการบินตรงจากฮับ (hub) ในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง โดยสารการบินไทย ก็จะเป็นการแย่งลูกค้า (และรายได้) มาจากสายการบินต่างชาติได้อีกมาก ได้สามต่อเลย  คือ 1) ลดปริมาณการบินมาลงดอนเมือง   2) เพิ่มปริมาณการบินของสายการบินไทย 3) เพิ่มปริมาณการท่องเที่ยว เพราะลดค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ลดขั้นตอนการเดินทางลงไปได้มาก ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเวลาในการท่องเที่ยว

 

ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างสุวรรณภูมิแต่ประการใด 

 

แต่นั่นแหละ..รัฐบวมไทยเรา (ที่ครม. เป็น ดร. มากที่สุดในโลก) มันก็คิดกันได้ตื้นๆแค่นั้นแหละ จะเอาอะไรกันหนักหนา

 

เฮ้อ...ทีแรกตั้งใจว่าจะให้เป็นเรื่องตลกนะเนี่ย :-)

 

...คนถางทาง

 

หมายเลขบันทึก: 479126เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2012 15:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ทำไม่ไม่เรียกว่า สนามบิน "ดินทอง" อิอิ

เป็นแนวคิดที่น่าสนใจมากครับ ทำไมต้องทำให้สุวรรณภูมิใหญ่โต แล้วปล่อยสนามบินหัวเมืองใหญ่ๆ ในประเทศไทยเล็กเหมือนเดิม
 
อ่านแล้วทำให้นึกวิธีการออกแบบระบบที่สายวิทยาการคอมพิวเตอร์เราจะเรียกว่า "distributed computing" ครับ ในปัจจุบัน supercomputers ขนาดใหญ่ๆ ออกแบบอย่างนี้ทั้งนั้น พวก supercomputers แบบ "centralized computing" ไม่มีแล้วครับ

ดร. ธวัชชัย ครับ ..โป๊ะเชะเลยครับ นั่นคือความในใจผมร้อย% เพียงแต่ไม่อยากใช้ภาษาให้ผู้อ่านงง เรื่องนี้เป็นระบบโลจิสติกส์ที่สามารถสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ แล้วเสิรชหาจุด optimum ได้ไม่ยาก ว่าเราจะมี hub และ node เท่าไร ถึงจะดีที่สุด ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท