เมื่อเช้านี้ไปอาบน้ำร้อนในสระธรรมชาติหน้าสวนโมกข์นานาชาติ หลังจากห่างหายไปนับเดือน ขณะอาบน้ำได้ยินเสียงบ่นจากบางคนในสระว่า ลูกเครียดถึงกับร้องให้เพราะการบ้านมากเกินไป ครูต่างคนต่างสั่ง แถมด้วยคำขู่อย่างนั้นอย่างนี้ ..
นี่หรือคือการเรียนอย่างมีความสุข !
ผมว่าทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ รวมทั้งครูด้วย ลืมถามคำถามว่า "เรียนไปทำไม?" ครับ แต่เชื่อว่าในอนาคตเมื่อการสื่อสารสะดวกขึ้นกว่านี้ เราจะถามและตอบคำถามนี้กันก่อนเรียนครับ
นักเรียนที่บ้านทั้งสามหนุ่ม เรียนรู้วิธีสอนแบบต่างๆของคุณครู อาจารย์ไปด้วยกับเรื่องที่เรียนค่ะ เมื่อลูกเล่าให้เราฟังถึงวิธีการสอนของคุณครูและอาจารย์ทั้งหลายที่ลูกต้องพบเจอ ทำให้เรารู้ว่า ครูเป็นต้นแบบให้ลูกได้หากเราคุยกับลูก เป็นทั้งพิมพ์ที่ดี พิมพ์ที่ไม่ดี เด็กเลือกเป็นค่ะ ถ้าเราฟังและคุยกับลูก ความรู้ไม่ได้มีแต่ในตำรา แต่มีอยู่รอบๆตัว ถ้าเราสอนวิธีคิดให้ลูก เราจะไม่ต้องสนใจว่าลูกเรียนรู้วิชาการอะไร เพราะลูกจะรู้เองว่าอะไรจำเป็นอะไรไม่จำเป็น
เท่าที่เคยศึกษา ทดลองมา เราเห็นชัดว่าการเรียนรู้ที่ดี มีความหมาย มีพลัง และมีความสุข เกิดได้เมื่อผู้เรียนผู้สอนต่างตระหนักในคุณค่าของสิ่งที่เรียนว่ามีความหมายอย่างไรต่อชีวิต .. เกิด "ความมุ่งมั่นด้วยศรัทธา" หรือมี "ฉันทะแท้" ในการเรียน อะไรๆที่ตามมาก็สะดวก ง่ายดายขึ้นอีกมาเลยครับ น่าเสียดายที่การเรียนการสอนตามหลักสูตรที่ทำๆกัน หนักไปทางเนื้อหา แต่สาระต่อชีวิตค่อนข้างน้อย เรียนกันอย่างไร้ความหมาย มุ่งทำคะแนนกันเสียมาก ที่น่ากลัวก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้คะแนนเยอะๆ วิธีลัดแบบไม่ต้องเรียนรู้อะไรก็ยอม