ตอนที่ ๗
พวกฝรั่งนั้นมีข้อขัดแย้งกันอยู่ในตัว ในแง่หนึ่งพวกเขามีการให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินได้ คือเป็นพระราชินีผู้มีอำนาจเต็ม เช่น ในอังกฤษ และ รัสเซีย (พระราชินีแคทริน) แม้แต่ในประเทศจีนซึ่งรู้กันดีอยู่ว่ามีการกดขี่ผู้หญิงมากก็ยังเคยอยู่ใต้อุ้งมือเหล็กของพระนางซูสีไทเฮามาแล้ว
ประเทศไทยเรากลับไม่เคยมีพระราชินีผู้มีอำนาจเต็ม แต่ในเรื่องรองๆลงไป สังคมไทยเรากลับยอมรับความเป็นผู้นำของผู้หญิงทั้งในอดีตและปัจจุบัน เรื่อง Joan of Arc วีรสตรีชาวฝรั่งเศส (๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว) เป็นเรื่องที่ชวนคิดมาก เธอเป็นผู้หญิงที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพื่อนำทหารไปทำการสู้รบ รบได้ชัยชนะมากมาย เมี่อถูกฝ่ายตรงข้ามจับได้เธอก็ถูกศาลศาสนาพิภากษาให้เผาทั้งเป็นในข้อหา "แม่มด" เป็นเรื่องเหลือเชื่อแท้ๆ นี่ย่อมแสดงว่า
สังคมฝรั่งสมัยโน้นเหยียดหยามสตรีเพศ หาเรื่องอะไรไม่ได้ก็ตั้งข้อหาแม่มดไว้ก่อน ในประวัติศาสตร์ชาติไทยเมื่อหญิงต้องการนำทัพเธอก็สามารถทำได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ อย่างน้อยก็สองครั้งที่ผู้หญิงเป็นผู้นำทัพอย่างเปิดเผย คื่อ สมัยคุณหญิงมุก คุณหญิงจันท์ ครั้งหนึ่ง และสมัยของคุณหญิงโมอีกครั้งหนึ่ง ชายไทยอกสามศอกต่างก็ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาแต่โดยดี มิฉะนั้นก็คงรบไม่ได้ชัยชนะต่อข้าศึกซึ่งบัญชาโดยแม่ทัพที่เป็นผู้ชายด้วยกัน
การไม่ให้เกียรติผู้หญิงเท่าเทียมตนในสังคมฝรั่งนั้น อาจมีส่วนมาจากความเชื่อทางศาสนาประการหนึ่งโดยมีการกล่าวอ้างทางศาสนาว่าพระเป็นเจ้าสร้างผู้หญิงมาจากกระดูกซี่โครงด้านซ้ายของชาย เสมือนหนึ่งว่าผู้หญิงเป็นเพียงส่วนประกอบของผู้ชาย ...ในศาสนาพุทธแบบไทยๆปนไสยศาสตร์นั้นเล่าก็มีความเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าผู้หญิงไม่สามารถเข้านิพพานได้ด้วยตนเอง จึงต้องคอยเกาะชายผ้าเหลืองของลูกชายที่บวชให้ขึ้นสวรรค์(ชั้นนิพพาน) หรือไม่ก็ต้องทำบุญเยอะๆชาติหน้าจะได้เกิดเป็นผู้ชายกะเขาบ้าง นับว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ได้ผลมากจริงๆ จนการทำบุญตักบาตรในศาสนาพุทธของเราแต่ไหนแต่ไรมาจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงทั้งนั้น
ต้องขอกราบแทบเท้าคารวะท่านอุบาสิกา กีย์ นานายน (ก. เขาสวนหลวง) ผู้ล่วงลับ ไว้ ณ.ที่นี้ด้วยที่ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นและได้ฝากคำสอนไว้เป็นหลักฐานมากมายว่าผู้หญิงก็สามารถที่จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของตนเองได้โดยไม่ต้องรอเกาะจีวรของใครๆให้วุ่นวาย
จบตอน ๗
...คนถางทาง
ไม่มีความเห็น