ตรุษจีนปีนี้ ผมตระเวณไหว้พระกับพ่อ แม่ ป้า และพี่ๆ พร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนทุกปี
ปีนี้ เชียงใหม่ ชนะ น่าน ตรงที่มีงานพืชสวนโลกเป็นตัวตัดสิน
เลยได้มีโอกาสมาสักการะพระธาตุดอยสุเทพอีกครั้ง จำไม่ได้แล้วว่ามากี่ครั้ง จำได้แต่ว่ามาครั้งแรกตอนอยู่ป.๑ ที่มากับแม่สองคน สมัยที่ถนนช้างคลานยังเป็นชานเมืองอยู่เลย
เวลามาวัดดังๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแบบนี้ ผมต้องทำใจ ตั้งสติว่า มาไหว้พระ ไหว้พระ
เพราะบางครั้งแยกไม่ออกระหว่าง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ กับ สถานที่สำคัญทางศาสนา
ครั้งนี้ผมเลยเตรียมใจจะตามดูว่า ตนเองคิด รู้สึกอะไรบ้างจากการเข้าวัด เท่าที่จะตามทัน
แค่รถตู้ยังไม่จอด แว๊บแรก รู้สึกอยาก อยากกินข้าวโพดปิ้ง ที่วางขายข้างถนน
สงสารเจ้าหมาตัวโตที่นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องส้วม ได้ยินคำอธิบายว่า ฝรั่งเจ้าของมาทิ้งไว้ ดูมันเป็นหมาที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวจัง เข้าไปเล่นด้วย มันก็เลยหลบไป เหมือนกลัวถูกทำร้าย
หงุดหงิดกับระบบคิวลิฟท์ขึ้นพระธาตุ ที่ดูไม่ค่อยเป็นคิวเท่าไร คิดโทษเจ้าหน้าที่ว่า น่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ เกิดความคาดหวัง
ลำพองใจที่ไม่รู้สึกหงุดหงิดกับความพลุกพล่าน ไม่สงบของบริเวณพระธาตุ คิดว่ากูแน่โว้ย
ไม่พอใจ รู้สึกคันปากยิบๆที่ได้ยินเสียงไกด์ยืนอธิบายว่า ต้นลูกปืนใหญ่หรือสาละลังกาตรงลานด้านล่างเป็นต้นไม้ในพุทธประวัติ ทั้งๆที่มีคนพิสูจน์แล้วว่า ต้นไม้นี้กับต้นสาละในพุทธประวัติ เป็นคนละต้นกัน เอาแค่สามัญสำนึกง่ายๆว่า ใครกล้ามาทำกิจกรรมกันใต้ต้นไม้ที่มีลูกขนาดเท่าลูกปืนใหญ่บ้าง
อิ่มใจที่เดินเวียนรอบพระธาตุตามหลังพ่อกับแม่ ถึงจะเวียนได้แค่รอบเดียว เพราะขาของผู้สูงอายุเดินสามรอบไม่ไหว ในใจคิดเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะกับพ่อหนุ่มคนข้างหน้าที่เดินครบสามรอบแต่มือข้างหนึ่งยกหูโทรศัพท์คุยไปตลอด
รำคาญกับบรรดาสาวๆที่ยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นพระธาตุ ราวกับเธอเป็นนางแบบมืออาชีพ
สงสัยว่าทำไมพระรูปที่อยู่ในวิหารหน้าพระธาตุยังหนุ่มจัง แล้วสวดให้พรเร็วมากจนท่านแทบจะหายใจไม่ทัน เหมาตอบเองว่า ก็ญาติโยมรอคิวกันหนาแน่น
ทึ่งที่เห็นน้องๆชาวอิสลามโพกผ้าสีสันจัดจ้าจากทางใต้ เดินเข้าไปในบริเวณองค์พระธาตุ
เสียดายที่เห็นเด็กๆวิ่งเล่น นอนเกลือกกลิ้งบนลานหน้าพระธาตุ ตรงหน้าป้ายของวัดที่บอกว่า ที่นี่คือสถานที่ทางศาสนา
เอะใจที่เห็นแม่อุ้ยนั่งพับเพียบสงบนิ่งตรงมุมสุดของลานพระธาตุอย่างสงบ ท่ามกลางความวุ่นวายรอบตัว ภาพนั้นสะกดใจผมจริงๆ
ผมเงยหน้าขึ้นมององค์พระธาตุ แล้วเห็นภาพข้างล่างนี้ พระธาตุสีทองสุกปลั่ง กำลังสะท้อนแสงอาทิตย์ในวันฟ้าไร้เมฆ รีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย อยากบันทึกภาพนี้ไว้ อยากเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง เราต้องถ่ายภาพนี้ออกมาให้ดูดี อยากโชว์ฝีมือ
เรายึดติดความสงบไปหรือเปล่า เราเกิดปัญญาอะไรจากความรู้สึก ความคิดที่เกิดขึ้นบ้าง
ต้องรอให้มีความสงบก่อนหรือ จึงจะเข้าถึงธรรมะ
หันกลับไปมองภาพนั้นอีกครั้ง เพื่อหาคำตอบ
แถมรูปผลไม้ที่ไม่เคยกินมาก่อน แต่ชอบรสชาติ ได้มาจากตลาดชาวเขาดอยอินทนนท์ ชื่อมันคือ cape gooseberry จากประเทศจีน
อารมณ์และความรู้สึกของผู้ชาย "สีน้ำเงิน" ;)...
... นะครับอาจารย์หมอเต็ม ;)...
เพราะอาจารย์หมอเต็ม ใช้ "สีน้ำเงิน" เน้นคำที่เป็นอารมณ์และความรู้สึกครับ ;)...
ความหมายน่าจะ ... แมน ๆ อิสระ รักธรรมชาติ ครับ อิ อิ
ตามมาเรียนรู้ความหมาย "ผู้ชายสีน้ำเงิน" ด้วยคนคะ
..
ดูเหมือนอาจารย์จะปฎิบัติธรรม เพราะตามทัน "อารมณ์" จึงจำได้เด่นชัดเช่นนี้
วันนี้ ไป ณ แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ที่ไม่ใช่ดอยสุเทพ
ตามอารมณ์ไม่ทัน จำไม่ได้ถนัด แต่กลับมา สลบเหมือดคะ :)
ภาพแรก ว้าว มีแสงเจิดจรัส ส่องทอประกายเป็นรัศมีด้วย งามถูกใจคนรักน้องฟ้าฯ ค่ะ
ได้อมยิ้ม กับหลากหลายความรู้สึกของ ผู้ชายสีฟ้า เมื่อก่อนเคยมีเพื่อนเขียนบล็อก ฉายา ผู้ชายสีน้ำทะเล ค่ะ
งดงามและเปี่ยมความหมายอีกบันทึก สุขสันต์วันเดินทางนะคะอาจารย์หมอเต็ม